ชี้พรรครัฐบาลญี่ปุ่นอาจสูญเสียเสียงข้างมากในสภาสูง
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 15 กรกฎาคม 2568 เวลา 19.19 น. • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมทโตเกียว 15 ก.ค. – ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนที่เผยแพร่ในวันนี้แสดงให้เห็นว่า พรรคร่วมรัฐบาลของญี่ปุ่นมีแนวโน้มที่จะสูญเสียเสียงข้างมากในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาในวันที่ 20 กรกฎาคมนี้ ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อความไม่มั่นคงทางการเมือง ในขณะที่ญี่ปุ่นกำลังเผชิญปัญหาในการบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐ
หนังสือพิมพ์อาซาฮีรายงานโดยอ้างอิงจากการสำรวจความคิดเห็นของผู้มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งว่า พรรคเสรีประชาธิปไตย หรือ แอลดีพี (LDP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ และพรรคโคเมโตะ ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล มีแนวโน้มที่จะประสบปัญหาในการรักษาที่นั่ง 50 ที่นั่งที่จำเป็นเพื่อรักษาสถานะเสียงข้างมากในสภาสูงเอาไว้ ในขณะเดียวกัน สำนักข่าวจิจิของญี่ปุ่นก็รายงานเช่นกันว่า รัฐบาลผสมกำลังเผชิญความยากลำบากในการหาเสียงเลือกตั้ง และอาจสูญเสียเสียงข้างมากในสภาสูง
คะแนนนิยมในรัฐบาลของนายอิชิบะที่ลดลง เนื่องจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น รวมถึงราคาข้าวซึ่งเป็นอาหารหลักของญี่ปุ่นที่พุ่งสูงขึ้น กระทบกับครัวเรือน
เดวิด โบลลิ่ง ผู้อำนวยการของบริษัทที่ปรึกษาด้านความเสี่ยงทางการเมือง “ยูเรเชียกรุุ้ป” (Eurasia Group) กล่าวในผลการศึกษาว่า คะแนนนิยมของนายอิชิบะที่ลดลงสะท้อนให้เห็นถึงความไม่พอใจของผู้มีสิทธิเลือกตั้งต่อสภาพที่เป็นอยู่ โดยเสริมว่าเขามองเห็นโอกาสร้อยละ 60 ที่พรรคร่วมรัฐบาลจะสูญเสียเสียงข้างมากในสภาสูง
ความไม่แน่นอนทางการเมืองนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับญี่ปุ่น ซึ่งจะต้องบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐภายในเส้นตายใหม่คือวันที่ 1 สิงหาคม เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเรียกเก็บภาษีร้อยละ 25
หนังสือพิมพ์โยมิอุริรายงานว่า นายอิชิบะกำลังเตรียมการเพื่อพบกับนายสกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐในวันศุกร์นี้ ใสระหว่างที่เขาเดินทางเยือนญี่ปุ่น และเนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ไม่สดใสและภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อครัวเรือน นายอิชิบะได้ให้คำมั่นว่าจะแจกเงินสดให้เพื่อบรรเทาผลกระทบจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น แต่นายอิชิบะได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องของฝ่ายค้านที่ให้ลดอัตราภาษีการขายของญี่ปุ่น นักวิเคราะห์บางคนกล่าวว่า การพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งอาจเพิ่มโอกาสในการลดภาษีดังกล่าว แต่จะทำให้ความพยายามของธนาคารกลางญี่ปุ่นในการเลิกใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่ดำเนินมานานนับทศวรรษยุ่งยากซับซ้อนยิ่งขึ้น.-813.-สำนักข่าวไทย