หุ้นไทยวันนี้ (15 ก.ค.) ปิดตลาดบวก 17.70 จุด 'กลุ่มแบงก์' ลุ้นผลิกโผผู้ว่าธปท.
"ตลาดหุ้นไทย" วันนี้ (15 ก.ค.) ปิดตลาดเย็นอยู่ที่ 1,161.01 จุด เพิ่มขึ้น 17.70 จุด หรือ 1.55% โดยดัชนีฯ เคลื่อนไหวในแนวโน้มเพิ่มขึ้นตลอดวัน ซึ่งทําจุดสูงสุดอยู่ที่ 1,182.72 จุด จุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,139.64 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 48,002.52 ล้านบาท
ภาวะหุ้นไทยวันนี้ (15 ก.ค.)
หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
- AOT ราคาปิด 35.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท หรือ 6.72% มูลค่าซื้อขาย 4,043.6 ล้านบาท
- KBANK ราคาปิด 156.50 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 1.26% มูลค่าซื้อขาย 2,526.7 ล้านบาท
- KTC ราคาปิด 27.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 4.81% มูลค่าซื้อขาย 2,366.7 ล้านบาท
- CPALL ราคาปิด 46.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 2.79% มูลค่าซื้อขาย 2,116.4 ล้านบาท
- BBL ราคาปิด 142.50 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 1.38% มูลค่าซื้อขาย 2,024.7 ล้านบาท
นายภูวดล ภูสอดเงิน นักกลยุทธ์ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "หุ้นไทยวันนี้"ปรับตัวขึ้นตลอดทั้งวัน โดยค่อยๆ มาปรับขึ้นบวกมากขึ้นในช่วงบ่ายหลังจากมีข่าวออกมาว่ารัฐบาลเลื่อนประกาศชื่อ ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกไปที่ ในตอนแรกคาดว่าจะเป็นนายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน
ตลาดหุ้นมองว่า หากนายวิทัยเข้ามานั่งตำแหน่งผู้ว่าธปท.นโยบายการเงินจะสอดคล้องกับนโยบายการคลังมากขึ้น และมีโอกาสสูงที่ธปท. จะลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่าแนวโน้มปัจจุบัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของกลุ่มธนาคารอย่างแน่นอนทำให้ตลอดทั้งวันนี้หุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวลดลงทั้งวัน
ทีนี้เมื่อตลอดทั้งวันข่าวสะพัดว่านายวิทัยจะได้นั่งตำแหน่งผู้ว่าธปท. แต่อยู่ดีๆ ทางกระทรวงการคลังกลับออกมาบอกว่าต้องชะลอการประกาศชื่อออกไปก่อนเนื่องจากนายพิชัย ชุณหวชิร บรรจุวาระในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่ทัน ทำให้นักลงทุน “มีลุ้น” ว่าอาจมีการผลิกโผเป็นนางรุ่ง มัลลิกะมาส ซึ่งมีแนวคิดที่สอดคล้องกับการทำงานของธปท.ปัจจุบันนั้นคือการรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจไทยมากกว่านายวิทัย
ท่ามกลางความไม่แน่นอน นายภูวดล แนะนำให้ "เลี่ยง" การลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารในระยะสั้น เนื่องจากแนวโน้ม “ดอกเบี้ยขาลง” จะยังคงดำเนินต่อไป สินเชื่อไม่เติบโต และหนี้เสียยังมีความเสี่ยง สำหรับนักลงทุนที่ต้องการถือยาวเพื่อหวังปันผล KTB และ BBL อาจเป็นตัวเลือกที่พอไปได้ โดย KTB เป็นหุ้นหลักที่แนะนำ "ซื้อ" ในกลุ่มธนาคาร ขณะที่ TISCO เหมาะสำหรับนักลงทุนที่เน้นปันผลหากสามารถซื้อได้ในราคาต่ำกว่า 95 บาท