Digital Twin ผนึก AI กำลังพลิกโฉมอสังหาฯ ไทยสู่ยุคอัจฉริยะ
แม้ว่าในปัจจุบันนี้การใช้เทคโนโลยี "Digital Twin" ในภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยยังคงจำกัดอยู่เพียงโครงการเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่หรือศูนย์โลจิสติกส์มูลค่าสูง เนื่องจากต้นทุนการลงทุนที่ค่อนข้างสูงและข้อจำกัดด้านบุคลากรที่มีทักษะเฉพาะทาง ผู้พัฒนาส่วนใหญ่ยังคงคุ้นเคยกับการใช้ BIM (Building Information Modeling) ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการสร้างแบบจำลอง 3 มิติ
อย่างไรก็ตาม จากการวิเคราะห์ของ SCB EIC สะท้อนให้เห็นว่า การมาถึงของเทคโนโลยี AI ที่ทรงพลังและมีต้นทุนที่เข้าถึงง่ายขึ้นอย่างต่อเนื่อ จะเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ Digital Twin กลายเป็นเทคโนโลยีที่ใช้งานแพร่หลายในวงการอสังหาริมทรัพย์มากยิ่งขึ้น
Digital Twin คืออะไร?
Digital Twin คือการสร้างแบบจำลองเสมือนจริงของวัตถุ ระบบ หรือกระบวนการทางกายภาพ โดยอาศัยการผสมผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยหลากหลายแขนง ทั้ง Geographic Information System (GIS), ปัญญาประดิษฐ์ (AI), Machine Learning, Internet of Things (IoT) และ Cloud Computing
การทำงานของเทคโนโลยีนี้ครอบคลุม 4 ขั้นตอนหลัก เริ่มจากการติดตั้งอุปกรณ์เพื่อเก็บข้อมูลแบบ Real-time จากวัตถุจริง จากนั้นจึงเชื่อมโยงข้อมูลดังกล่าวเข้ากับแบบจำลองดิจิทัล ทำให้คู่แฝดเสมือนจริงนี้สามารถจำลองและสะท้อนการทำงานของวัตถุจริงได้อย่างแม่นยำ ไม่ใช่เพียงแค่การจำลองสถานการณ์ทั่วไป
ข้อมูลที่ได้จากวัตถุจริงจะถูกนำมาวิเคราะห์ ประมวลผล และสร้างแบบจำลองเพื่อคาดการณ์สถานการณ์ต่างๆ ก่อนจะนำผลลัพธ์ที่ได้ไปปรับปรุงหรือแก้ไขวัตถุจริงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ เหมือนกับการมีตัวแทนทางกายภาพที่ฉลาดและสามารถเรียนรู้ได้
ประยุกต์ใช้ในอสังหาฯ สู่การบริหารจัดการอัจฉริยะ
ในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะโครงการเชิงพาณิชย์มูลค่าสูง Digital Twin ถูกนำมาประยุกต์ใช้งานในหลากหลายมิติ ได้แก่
การออกแบบและก่อสร้าง ช่วยติดตามข้อบกพร่องระหว่างการก่อสร้าง และคาดการณ์ผลกระทบด้านต้นทุนจากการเลือกใช้วัสดุหรือการออกแบบที่แตกต่างกัน
การดำเนินงานและบำรุงรักษา ตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบต่างๆ เช่น ระบบปรับอากาศในอาคารแบบ Real-time และสามารถคาดการณ์ความต้องการบำรุงรักษาก่อนที่จะเกิดปัญหาจริง
การควบคุมประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ติดตามการใช้พลังงานและ Carbon Footprint ได้อย่างแม่นยำ รวมถึงคาดการณ์การใช้พลังงานในอนาคตเพื่อการบริหารจัดการที่ยั่งยืน
ความปลอดภัยและกฎระเบียบ ตรวจสอบคุณภาพอากาศ จุดความร้อนหรือความชื้นภายในอาคารแบบ Real-time เพื่อความปลอดภัยและสอดคล้องกับมาตรฐาน
การจัดการและประเมินค่าสินทรัพย์ ประเมินมูลค่าอาคารได้อย่างแม่นยำจากข้อมูล Real-time และช่วยจัดการการเช่าพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ตัวช่วยรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน ลดต้นทุน เพิ่มขีดแข่งขัน
SCB EIC ยังระบุว่า การผสานกำลังระหว่าง Digital Twin และ เทคโนโลยี AI จะเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับประสิทธิภาพในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่คาดเดาได้ยาก เช่น แผ่นดินไหว อัคคีภัย อุทกภัย หรือแม้แต่โรคระบาด ด้วยการใช้ Digital Twin ในการจำลองเหตุการณ์เหล่านั้นอย่างสมจริง และใช้ AI ในการวิเคราะห์ผลกระทบในสถานการณ์ต่างๆ พร้อมเสนอแนะแนวทางการตอบสนอง บรรเทาผลกระทบ และแก้ไขปัญหาได้อย่างเหมาะสมและรวดเร็ว
พร้อมกับศักยภาพในการให้ข้อมูลเชิงลึกแบบ Real-time และต้นทุนเทคโนโลยีที่กำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าในอนาคตอันใกล้ จะได้เห็นการลงทุนด้าน Digital Twin Technology ในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่หลากหลายมากขึ้นที่ไม่ใช่แค่เพียงโรงงานอุตสาหกรรมอัจฉริยะหรือโครงการเชิงพาณิชย์มูลค่าสูง
แต่จะขยายไปสู่โครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ขนาดกลาง และแม้แต่โครงการที่อยู่อาศัย ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จึงควรเริ่มศึกษาความเป็นไปได้และสร้างพันธมิตรกับผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวต่อไปในอนาคต