โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

"เศรษฐีอังกฤษ" ย้ายออกจากประเทศสูงสุด แซงหน้าจีนครั้งแรก จับตา "ประเทศไทย" ขึ้นแท่นปลายทางใหม่มาแรง

TNN ช่อง16

เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา
“เศรษฐีอังกฤษ” ย้ายประเทศสูงสุด แซงหน้าจีนครั้งแรก “ประเทศไทย” ขึ้นแท่นปลายทางใหม่มาแรง

มหาเศรษฐีพันล้านย้ายประเทศพุ่งสูงสุด 1.42 แสนคนทั่วโลก

เศรษฐีระดับพันล้านทั่วโลก ต่างพากันหลั่งไหลย้ายออกประเทศของตนเองในปีนี้ คาดว่าจะพุ่งไปแต่ที่ 142,000 คน เป็นระดับที่สูงที่สุดที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยจุดหมายปลายทางที่ทุกคนต่างวิ่งเข้าหา ก็คือ แชมป์เก่าอย่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ขณะเดียวที่น่าสนใจคือ ปีนี้เป็นครั้งแรกที่ UK เป็นประเทศที่เศรษฐีหนีออกมามากที่สุด ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 1 แซงหน้าจีนเป็นครั้งแรกในรอบสิบปี

การโยกย้ายถิ่นฐานของเหล่ามหาเศรษฐีในปีนี้น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นตัวเลขที่พุ่งขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน และสูงสุดที่สุดด้วย อ้างอิงจาก "บริษัทเฮนลีย์ แอนด์ พาร์ตเนอร์ส" (Henley & Partners) บริษัทให้คำปรึกษาแก่ผู้มั่งคั่งที่ต้องการย้ายถิ่นฐานผ่านการลงทุน ล่าสุดได้เปิดเผยรายงาน "Henley Private Wealth Migration Report 2025" ซึ่งมาจากการศึกษาข้อมูลจาก New World Wealth บริษัทข่าวกรองความมั่งคั่งระดับโลก เป็นการเปิดเผยคาดการณ์ ที่พบว่าปีนี้จะมีมหาเศรษฐีระดับพันล้านรวม 142,000 คนจากทั่วทุกมุมโลก ย้ายถิ่นฐานออกจากประเทศหรือบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง โดยตัวเลขครั้งนี้พุ่งขึ้นมาจากปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 134,000 คน และประเทศที่มีการไหลออกมากที่สุดในโลก ก็คือ สหราชอาณาจักร (UK) จากตัวเลขที่มากถึง 16,500 คน มากกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ถึงสองเท่า และยังแซงหน้าจีนได้เป็นครั้งแรกด้วย

โดยจีนที่หล่นลงมาเป็นอันดับที่ 2 ในปีนี้ คาดว่าจะมีมหาเศรษฐีย้ายออกที่ 7,800 คน โดยก่อนหน้านี้นับสิบปีจีนได้ครองแชมป์อันดับ 1 เป็นประเทศที่เศรษฐีย้ายออกมาที่สุดของโลก

นอกจากนี้รายงานในครั้งนี้ ตอกย้ำว่าสหราชอาณาจักรไม่ได้เผชิญความยากลำบากเพียงลำพัง แต่ยังเป็นครั้งแรกที่ประเทศใหญ่ๆ และเป็นมหาอำนาจในสหภาพยุโรป หรือ EU ต่างก็เจอกับภาวะคนรวยหนีออกจากประเทศเช่นกัน ตั้งแต่ ฝรั่งเศส ไหลออก 800 คน สเปน 500 คน และเยอรมนี 400 คน

ทั้งนี้รายงานระบุว่านับตั้งแต่การลงประชามติ Brexit ในปี 2016 สหราชอาณาจักรได้เปลี่ยนจากการเป็นแม่เหล็กดึงดูดเศรษฐีไปเป็นผู้ส่งออกคนรวยแทน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ มีการขึ้นภาษีกำไรจากการขายสินทรัพย์และภาษีมรดก ไปจุดประกายสิ่งที่บางคนเรียกว่า "WEXIT" (การออกจากความมั่งคั่ง) ทำให้บุคคลที่ร่ำรวยย้ายประเทศ ไปยังเขตแดนที่เอื้อต่อภาษี เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โมนาโก และมอลตา รวมถึงไปยังสวรรค์แห่งไลฟ์สไตล์ เช่น อิตาลี กรีซ โปรตุเกส และสวิตเซอร์แลนด์ รวมไปถึงผู้บริหารที่มีรายได้สูงจำนวนมากกำลังตั้งรกรากอยู่ในศูนย์กลางความมั่งคั่งที่กำลังขยายตัว เช่น ดูไบ ฟลอริดา มิลาน

"ศาสตราจารย์เทรเวอร์ วิลเลียมส์" ประธานและผู้ร่วมก่อตั้ง FXGuard และอดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารพาณิชย์ลอยด์สแบงก์ กล่าวว่า เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรมีผลการดำเนินงานที่ย่ำแย่ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และเป็นประเทศเดียวในกลุ่ม W10 (10 ประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก) ที่มีการเติบโตของเศรษฐีติดลบ “นับตั้งแต่ปี 2014 จำนวนเศรษฐีที่อาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักรลดลง -9% เมื่อเทียบกับการเติบโตเฉลี่ยทั่วโลกของกลุ่ม W10 ที่ +40% ในช่วงเวลาเดียวกัน

ขณะที่ความเห็นในเรื่องนี้จาก "ดร. เยอร์ก สเตฟเฟน" ซีอีโอของเฮนลีย์ แอนด์ พาร์ตเนอร์ส มองว่า การย้ายถิ่นฐานของความมั่งคั่ง มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอำนาจทางเศรษฐกิจทั่วโลก โดยปีนี้ ปี 2025 ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญ อย่างยิ่ง เพราะเป็นครั้งแรกในรอบสิบปี ที่ประเทศในกลุ่มยุโรปมีเงินไหลออกจากประเทศอย่างมหาศาลมากที่สุดในโลก ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่เพียงแค่การเปลี่ยนแปลงระบบภาษีเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นมุมมองของคนรวยหรือคนที่ครอบครองความมั่งคั่งว่า มีโอกาส เสรีภาพ และความมั่นคงที่มากกว่านั้นอยู่ที่อื่น และจะมีผลกระทบระยะยาวต่อยุโรปและสหราชอาณาจักรในอนาคต ทั้งในด้านความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจและความน่าดึงดูดใจด้านการลงทุน

ทำไมเศรษฐีอยากไปอยู่ "สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์" ?

จุดหมายปลายทางในฝันของคนร่ำรวยระดับโลก คือ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) โดยคาดว่าจะมีมหาเศรษฐีหลั่งไหลเข้ามามากกว่า 9,800 คนในปีนี้ ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดที่เคยมีมา ขณะที่อันดับที่ 2 คือ สหรัฐอเมริกาด้วยตัวเลขเศรษฐีที่ตบเท้าเข้าประเทศมากถึง 7,500 คน

จากความท้าทายหลายด้านในโลกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เช่น ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และการเปลี่ยนแปลงทางสังคม รวมถึงการขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่สร้างแรงกระเพื่อมไปยังการค้าโลก ทั้งหมดนี้ต่างก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เหล่าเศรษฐีทั่วโลกมองหาประเทศที่เป็นมิตรและปลอดภัยต่อความมั่งคั่งและรับผลประโยชน์สูงสุดที่สุด

และดูเหมือนว่าสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ UAE เป็นปลายทางที่ตอบโจทย์ความต้องการเหล่านั้น ที่ผ่านมา UAE ได้เสริมความแข็งแกร่งให้กับประเทศของตนเอง ให้กลายเป็นแหล่งหลบภัยสำหรับบุคคลที่มีรายได้สุทธิสูงทั่วโลก ทั้งมาจากนโยบายภาษี ที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ โครงสร้างพื้นฐานระดับโลก

และจุดแข็งของ UAE ก็คือ ‘วีซ่าทองคำ’ หรือ ‘Golden Visa’ เป็นวีซ่าที่้ใช้กวักมือเรียกหรือดึงดูดใจให้ผู้มีความสามารถเข้ามาอาศัยอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ หรือย้ายประเทศได้ วีซ่านี้ออกแบบมาเพื่อ ‘ให้ที่อยู่อาศัยระยะยาวแก่นักลงทุนต่างชาติ ผู้ประกอบการ และบุคคลที่มีความสามารถ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญ นักศึกษา และนักวิจัยที่ทำการลงทุนที่สำคัญให้กับประเทศ’ ทั้งนี้พบว่ามหาเศรษฐีหรือผู้ที่มีรายได้สูงที่โยกย้ายมาพำนักใน UAE ส่วนใหญ่มาจากภูมิภาคตะวันออกกลาง อินเดีย รัสเซีย แอฟริกา อังกฤษ และสหภาพยุโรป

"ประเทศไทย" เริ่มเข้าตาและมาแรง มหาเศรษฐีอยากย้ายเข้าประเทศ

รายงานครั้งนี้ เฮนลีย์ แอนด์ พาร์ตเนอร์ส ระบุว่า ประเทศไทยกำลังก้าวขึ้นมาเป็นปลายทางที่น่าสนใจมากขึ้น ในฐานะสถานที่ปลอดภัยแห่งใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีคาดการณ์ว่าปีนี้จะมีมหาเศรษฐีย้ายเข้ามาอยู่ในไทยมากถึง 450 คน โดยกรุงเทพฯ ได้วางตำแหน่งตัวเองให้เป็นคู่แข่งสำคัญของสิงคโปร์ ซึ่งรายงานระบุว่ากรุงเทพเมืองหลวงที่มีชีวิตชีวาของไทยกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากกลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูง (HNWIs) จากจีน เวียดนาม และเกาหลีใต้ และมีการดึงดูดใจด้วยโรงเรียนนานาชาติ ภาคบริการทางการเงินที่กำลังเติบโต และข้อเสนออสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ ทำให้ประเทศไทยและอีกหลายประเทศเริ่มขึ้นมาเป็นปลายทางใหม่ๆ สำหรับเศรษฐี

ขณะที่ฮ่องกง (เขตปกครองพิเศษจีน) ( +800 ) ก็เริ่มเห็นกระแสเงินทุนไหลเข้าอย่างต่อเนื่องจากภูมิภาคอื่นๆ ในเอเชีย หลังจากเผชิญกับความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ท้าทาย ผู้บริหารระดับสูงหลายคนจากบริษัทเทคโนโลยีขั้นสูงที่เติบโตอย่างรวดเร็วในเซินเจิ้น กำลังตั้งรกรากอยู่ในนครรัฐแห่งนี้ เช่นเดียวกัน ญี่ปุ่น (+600) กำลังเห็นกระแสเงินทุนไหลเข้าจากกลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูง (HNWI) สูงขึ้น โดยเฉพาะจากจีน เนื่องจากความมั่นคงและเสถียรภาพทางการเมืองที่ค่อนข้างสูง ขณะที่ตัวของประเทศจีนเอง ก็กำลังมีศูนย์กลางเทคโนโลยีที่กำลังเฟื่องฟูขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งเซินเจิ้นและหางโจว รวมถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของภาคบันเทิงและการบริการ ก็ช่วยส่งเสริมให้ชาวจีนที่มีฐานะร่ำรวยตัดสินสินใจไม่ย้ายประเทศหรืออยู่ต่อมากขึ้น

ตัวเลขของมหาเศรษฐีที่ย้ายประเทศนั้นพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมา และแน่นอนว่าความเคลื่อนไหวเหล่านี้เป็นมากกว่าคนที่ย้ายประเทศหรือผู้อพยพทั่วๆไป เพราะหมายถึงเงินลงทุนและความมั่งคั่งมหาศาลที่ตามติดไปด้วย ทำให้หลายประเทศในวันนี้ตั้งใจหรือพยายามกวักมือเรียกให้เหล่าคนรวยเข้ามาอยู่ในประเทศมากขึ้น เช่น ข่าวฮือฮาก่อนหน้านี้ที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้เปิดตัวขายบัตรทองหรือ Gold Card ในราคา 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อแลกกับวีซ่าเข้าสหรัฐฯ

ที่มา : Henley Private Wealth Migration Report 202


ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก TNN ช่อง16

เงินบาทเช้านี้ 4 ส.ค. 2568 เปิดตลาด “แข็งค่าขึ้นมาก” ที่ระดับ 32.48 บาท/ดอลลาร์

38 นาทีที่แล้ว

ชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่มีรายงานเหตุรุนแรง หน่วยงานมั่นคงวางกำลังตามแนวปฏิบัติการตามแผน

58 นาทีที่แล้ว

ส่องคอมเมนต์ถึง เป๊ก ผลิตโชค หลังเห็นคลิปพลิกคดีถูกฟันกลางปั๊ม

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ผู้นำอิหร่านเยือนปากีสถาน ขณะที่ยกเลิกปิดน่านฟ้า "ทั้งหมด" หลังสู้รบอิสราเอล

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

เงินบาทแข็งทะลุ 32.50 หลังตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ ทรุด ตลาดคาดเฟดลดดอกเบี้ย 3 ครั้งปีนี้

สยามรัฐ

ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 32.45 บาท/ดอลลาร์ "แข็งค่า"

PPTV HD 36

เงินบาท 4 ส.ค. เปิดตลาด 32.48 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นมาก”

The Better

พิชัย ชี้ ภาษีทรัมป์ 19% ไทยแข่งขันได้ มั่นใจ ส่งออกโต-ลงทุนพุ่ง

MATICHON ONLINE

Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าบาทเปิดที่ 32.48-ติดตามผลประชุม BOE- ถ้อยแถลงเฟด

Manager Online

“เหรียญพหูรมาน” กับปรากฏการณ์ ‘ศรัทธา มาร์เก็ตติ้ง’ ดันราคาเช่าบูชาพุ่งสูงสุด 3,417% ใน 7 วัน

Positioningmag

อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศวันนี้ (4 ส.ค.68)

สยามรัฐ

เงินบาทเช้านี้ 4 ส.ค. 2568 เปิดตลาด “แข็งค่าขึ้นมาก” ที่ระดับ 32.48 บาท/ดอลลาร์

TNN ช่อง16

ข่าวและบทความยอดนิยม

“สินค้าหรู” หลบไป “มหาเศรษฐี” ยุคใหม่ซื้อ “ความสุขยั่งยืน”

TNN ช่อง16

ภาคเอกชนขอบคุณรัฐบาลเจรจาภาษีสหรัฐฯ 19% ตอกย้ำศักยภาพการค้าไทย

TNN ช่อง16

ทรัมป์ผุดไอเดียใช้รายได้จากภาษีจ่ายเป็น "เงินปันผล" ให้ชาวอเมริกัน

TNN ช่อง16
ดูเพิ่ม
Loading...