ดอลลาร์อ่อนค่า ขานรับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรอ่อนแอ
ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 73,000 ตำแหน่งในเดือน ก.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 106,000 ตำแหน่ง
ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพรายงานว่า สภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม 2568 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (04/08) ที่ระดับ 32.51/53 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (01/08) ที่ระดับ 32.86/88 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ดัชนีดอลลาร์สหรัฐร่วงลงกว่า 1.2% หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 73,000 ตำแหน่งในเดือน ก.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 106,000 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐได้ปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือน มิ.ย. เป็นเพิ่มขึ้นเพียง 14,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานว่าเพิ่มขึ้นมากถึง 147,000 ตำแหน่ง และปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือน พ.ค.เป็นเพิ่มขึ้นเพียง 19,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานว่าเพิ่มขึ้นมากถึง 125,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.2% สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 4.1% ในเดือน มิ.ย.
ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 3.9% ในเดือน ก.ค. เมื่อเทียบรายปี และเพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน ข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนเลื่อนคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้เป็นเดือน ก.ย. จากเดิมที่คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน ต.ค.
นอกจากนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 48.0 ในเดือน ก.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 49.5 จากระดับ 49.0 ในเดือน มิ.ย. โดยดัชนียังคงปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตสหรัฐ และถือเป็นการหดตัวเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน
โดยได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของการจ้างงานแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับนโยบายเรียกเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นอกจากนี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ จากเดิมที่คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้ง
ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ข้อความใน Truth Social เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (01/08) แสดงความไม่พอใจครั้งใหม่ต่อการที่นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ท่ามกลางการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่ซบเซา
อย่างไรก็ดี ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นขั้นสุดท้ายของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวสู่ระดับ 61.7 ในเดือน ก.ค. จากระดับ 60.7 ในเดือน มิ.ย. แต่ต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 61.8 โดยดัชนีความเชื่อมั่นได้รับแรงหนุนจากการที่ผู้บริโภคคลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ
ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 4.5% ในช่วง 1 ปีข้างหน้า ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ในเดือน มิ.ย.ที่ระดับ 5.0% นอกจากนี้ ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 3.4% ในช่วง 5 ปีข้างหน้า ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ในเดือน มิ.ย.ที่ระดับ 4.0%
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ (04/08) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ยืนยันว่าการเจรจาภาษีนำเข้าสินค้ากับสหรัฐ (Reciprocal Tariffs) นั้น ไทยไม่ได้มีการยื่นข้อเสนอเกี่ยวกับเรื่องความมั่นคง หรือเรื่องสัมปทานแหล่งก๊าซธรรมชาติแต่อย่างใด ซึ่งการหารือแต่ละครั้ง ทีมไทยแลนด์ มุ่งเน้นการเจรจาเฉพาะประเด็นเศรษฐกิจและการค้าเป็นหลัก
โดยหลังจากนี้จะต้องมีการหารือเพื่อลงรายละเอียดในส่วนต่าง ๆ ตามข้อตกลงต่อไป แต่นับว่าเป็นข่าวดีที่ต่อจากนี้ไป การส่งออกสินค้าของไทยไปสหรัฐจะได้รับอัตราภาษี 19% ซึ่งเป็นระดับที่สามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งได้ นายธนากร เกษตรสุวรรณ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า ผลการเจรจาภาษีนำเข้าสินค้า (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐ ที่สามารถปรับลดจากเดิม 36% ลดเหลือ 19% ถือว่าอยู่ในระดับที่เป็นไปตามความคาดหมายของภาคเอกชน และขอขอบคุณคณะผู้แทนเจรจาของประเทศไทยที่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการเจรจา
โดยได้รับอัตราภาษีที่ใกล้เคียงกับประเทศคู่แข่งสำคัญในภูมิภาค ทำให้สินค้าไทยยังคงสามารถแข่งขันได้และความชัดเจนของอัตราภาษีส่งผลดีต่อการส่งออกของไทยในช่วงครึ่งปีหลัง โดยคาดว่าการส่งออกทั้งปี 2568 จะสามารถเติบโตได้อย่างน้อย 5-7% ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 32.45-32.52 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 32.44/46 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันนี้ (04/08) ที่ระดับ 1.1580/82 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (01/08) ที่ระดับ 1.1406/08 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ค่าเงินยูโรแข็งค่าตามการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ
โดยประธานาธิบดีทรัมป์และคณะกรรมาธิการยุโรปประกาศข้อตกลงเบื้องต้นที่กำหนดอัตราภาษีศุลกากรพื้นฐานที่ 1 สำหรับสินค้าจากยุโรปส่วนใหญ่ แม้อัตรานี้จะสูงกว่าระดับปัจจุบัน ที่ 10% แต่ก็ต่ำกว่าภาษี 30% ที่ประธานาธิบดีทรัมป์เคยขู่ขอใช้ ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว สหภาพยุโรปยังตกลงจะซื้อพลังงานจากสหรัฐ มูลค่า 750,000 ล้านเหรียญสหรัฐในระยะเวลา 3 ปี และลงทุนในสหรัฐ เพิ่มอีก 600,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1614-1.1652 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1571/73 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (04/08) ที่ระดับ 147.62/64 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวแข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (18/7) ที่ระดับ 150.45/47 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินเยนแข็งค่าตามการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ โดยผลสำรวจภาคเอกชนที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (01/08) ระบุว่า ภาคการผลิตของญี่ปุ่นกลับเข้าสู่ภาวะหดตัวอีกครั้งในเดือน ก.ค. หลังจากขยายตัวได้เพียงเล็กน้อยในเดือนก่อนหน้า
โดยมีสาเหตุหลักจากอุปสงค์ที่อ่อนแอซึ่งฉุดรั้งยอดการผลิตและคำสั่งซื้อใหม่ สำหรับดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของญี่ปุ่น S&P Global ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 48.9 ในเดือน ก.ค. จาก 50.1 ในเดือน มิ.ย.
นอกจากนี้ โยชิมาสะ ฮามาชิ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (01/08) ว่า ญี่ปุ่นจะยังคงเรียกร้องให้สหรัฐปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าทวิภาคีอย่างครบถ้วน รวมถึงการปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ ทั้งนี้ สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ภาษีตอบโต้ 15% ที่สหรัฐกำหนดต่อญี่ปุ่นจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 7 ส.ค. แทนที่จะเป็นวันนี้ตามที่เคยคาดไว้ในตอนแรก
โดยคัตสึโนบุ คาโตะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของญี่ปุ่น เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (01/08) ว่า ทางการกำลังจับตาสถานการณ์ในตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศอย่างใกล้ชิด หลังจากเงินเยนอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐต่อไป ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 147.43-148.09 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ 147.70/72 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือน มิ.ย.สหรัฐ (04/08), ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานการประชุม (05/08), ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายญี่ปุ่นเดือน ก.ค. จาก Jibun Bank (05/08), ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ยูโรโซนภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือน ก.ค.จาก HCOB (05/08), ยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือน มิ.ย. สหรัฐ (05/08),
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือน ก.ค.จาก S&P Global สหรัฐ (05/08), ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) แถลงมติอัตราดอกเบี้ย (07/08), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สหรัฐ (07/08), สต๊อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือน มิ.ย. สหรัฐ (07/08)
สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -8.5/-8.2 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -6/-4.8 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ดอลลาร์อ่อนค่า ขานรับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรอ่อนแอ
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net