Morningstar ชี้ “หุ้นเกาหลีใต้” น่าลงทุนที่สุดในตลาดเกิดใหม่ แม้ถูกสหรัฐฯ ขึ้นภาษี
ท่ามกลางแรงกดดันจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ Morningstar กลับมอง “หุ้นเกาหลีใต้” เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดในบรรดาตลาดเกิดใหม่
โดย มาร์ค เพรสเก็ตต์ (Mark Preskett) ผู้จัดการกองทุนอาวุโสของ Morningstar Wealth จากลอนดอน เผยว่าเขากำลังลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นจีนและญี่ปุ่น เพื่อเพิ่มพอร์ตในหุ้นเกาหลีใต้ ซึ่งเขาคาดว่าจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 11–12% ต่อปี (คิดเป็นดอลลาร์) ตลอด 10 ปีข้างหน้า
เขามองว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกาหลีใต้โดดเด่นคือ
1. หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงกับกระแส AI
บริษัทเกาหลีใต้เป็นผู้ผลิตชิปหน่วยความจำ High-Bandwidth Memory (HBM) ที่จำเป็นต่อการพัฒนา AI โดยเฉพาะอย่างยิ่ง SK Hynix Inc. และ Samsung Electronics Co. ซึ่งเพรสเก็ตต์มองว่ายังคงมีมูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริง
2. ความมุ่งมั่นทางการเมืองในการปฏิรูปธรรมาภิบาลองค์กร
การที่ประธานาธิบดีอี แจ-มยอง ได้รับเลือกตั้งและเร่งผลักดันการปฏิรูปธรรมาภิบาลองค์กร รวมถึงโครงการ “Value-Up” ของรัฐบาล และการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อแก้ไขข้อกังวลเกี่ยวกับสิทธิผู้ถือหุ้นส่วนน้อยและการครอบงำของบริษัทในเครือตระกูล (Chaebols) สิ่งเหล่านี้กำลังทำให้ตลาดน่าสนใจยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับจีน
ไม่หวั่นภาษีจากสหรัฐฯ
แม้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะประกาศเก็บภาษีนำเข้า 25% ต่อเกาหลีใต้ แต่เพรสเก็ตต์มองว่าเป็น “เหตุการณ์ชั่วคราว” และคาดว่าจะมีการเจรจาบรรลุข้อตกลงภายใน 2 สัปดาห์ อีกทั้งอุตสาหกรรมสำคัญอย่าง “อิเล็กทรอนิกส์และยา” ก็ไม่อยู่ในรายการภาษี ทำให้ผลกระทบจำกัด
ผลงานของตลาดหุ้นเกาหลีใต้เองก็สะท้อนมุมมองเชิงบวกนี้ ดัชนี Kospi ได้พุ่งขึ้นถึง 30% ในปีนี้ ทำให้เป็นหนึ่งในตลาดหุ้นที่มีผลงานดีที่สุดในโลกของปี 2025
นอกจากนี้ นักลงทุนทั่วโลกต่างเทเม็ดเงินกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์ เข้าสู่หุ้นเกาหลีใต้ในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีอี แจ-มยอง
เพรสเก็ตต์ยังมองว่าหุ้นเกาหลีใต้ตอนนี้ “น่าซื้อ” เพราะราคายังไม่แพงเมื่อเทียบกับคุณภาพของบริษัทที่ดี และที่สำคัญคือ ตลาดเกาหลีใต้ไม่มีความกังวลเรื่องปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังเป็นปัญหาในบางตลาด รวมถึงเรื่องธรรมาภิบาลผู้ถือหุ้นที่ชัดเจนกว่าประเทศอื่น
ถึงแม้จะมีแนวโน้มเชิงบวก แต่ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ก็ยังคงมีความเสี่ยงที่ต้องระวัง นอกจากเรื่องภาษีแล้ว ความเสี่ยงหลัก ๆ คือการที่บริษัทใหญ่ ๆ หรือผู้บริหารเก่าแก่ อาจยังไม่ยอมร่วมมือกับการปฏิรูปของรัฐบาลง่าย ๆ โดยเฉพาะในเรื่องการใช้เงินทุนของบริษัท หรือการปันผลกำไรให้ผู้ถือหุ้น
อย่างไรก็ตาม เพรสเก็ตต์ยังคงเชื่อมั่นว่าเกาหลีใต้เป็นการลงทุนที่ดีในระยะยาว รัฐบาลใหม่ได้ให้คำมั่นที่จะปฏิรูปการคลัง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนภาคผู้บริโภคและภาคธนาคารให้แข็งแกร่งขึ้น เขาเชื่อว่าตอนนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น หุ้นเกาหลีใต้ยังมีโอกาสเติบโตและดึงดูดเงินลงทุนได้อีกมากในอนาคต ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพที่ซ่อนอยู่ของตลาดนี้
อ้างอิง: Bloomberg