สนธิรัตน์ เตือนแรง! จากวิกฤตเฉพาะตัวแพทองธาร จะบานปลายเป็นวิกฤตทั้งระบบ!!
สนธิรัตน์ เตือน อย่าลากเวลาบริหารที่ไร้ประสิทธิภาพ ผู้นำทางการเมืองต้องตัดสินใจ รู้สำนึก
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
อย่าลากเวลาในการบริหารบ้านเมืองที่ไร้ประสิทธิภาพออกไป!
เมื่อมีอำนาจในมือ ผู้นำทางการเมืองจึงต้อง “ทั้งรับผิดและรับชอบ” ควบคู่กันไป
ยิ่งมีอำนาจสูงเท่าไร ความรับผิดชอบทางการเมืองก็ต้องยิ่งมากขึ้นตามไปด้วย ไม่ใช่น้อยลง
ความรับผิดชอบทางการเมือง ไม่ใช่สิ่งที่ต้องรอให้ถูกกดดัน ไม่ต้องเอากฎหมายมากาง แต่เป็นสิ่งที่ผู้นำทางการเมือง “ต้องสำนึกรู้ได้ด้วยตัวเอง”
พี่น้องประชาชนคงได้เห็นโฉมหน้าของ ครม.ชุดใหม่แล้ว…
ที่ถามแบบนี้ เพราะ ความรับผิดชอบทางการเมือง ไม่ใช่แค่ลาออก-ยุบสภาแบบที่คนเรียกร้องเวลานี้เท่านั้น
แต่ยังรวมถึงความรับผิดชอบต่อการบริหารบ้านเมือง ที่ต้องคัด ต้องสรรหา ทีมบริหารที่เก่ง รู้รอบ ประสบการณ์สูงมาร่วมกันแก้วิกฤติชาติ
เมื่อคิดถึงแต่การแบ่งเค้กทางการเมือง ก็บีบให้ต้องตัดสินใจเลือกทีมบริหารภายใต้ข้อจำกัดทางการเมือง
การตัดสินใจที่อิงความอยู่รอดทางการเมือง อาจไม่ได้ช่วยให้นายกฯ เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส สาหัสกว่านั้น ทำให้ความชอบธรรมที่จะอยู่ในอำนาจลดน้อยลงไปด้วย
ภายใต้สถานการณ์แรงกดดันรอบตัว ผลงานการแก้ปัญหาและกล้าทำเพื่ออนาคตของประเทศ จะเป็นสิ่งที่รักษาคณค่าของเวลาที่เหลืออยู่
ถ้าไม่แน่ใจ! ทางออกที่จะคืนอำนาจให้ประชาชนก็เป็นสิ่งที่ต้องคิด เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะลากการบริหารบ้านเมืองที่ไร้ประสิทธิภาพให้ยาวนานออกไป
ยิ่งผู้นำการเมือง ทอดเวลาการลงจากอำนาจออกไป ก็ยิ่งทำให้ตัวผู้นำห่างไกลจากความนิยมทางการเมืองมากขึ้นทุกที
เห็นได้จากผลโพลวันอาทิตย์ที่ผ่านมา คะแนนความนิยมของนายกฯ ร่วงลงมาอยู่ในอันดับ 5 คะแนนลดลงไปร่วม 20 จุด เช่นเดียวกับความนิยมของพรรคเพื่อไทย ที่ร่วงลงไปเป็นพรรคอันดับ 3 คะแนนลดลงไปร่วม 20 จุด
ขณะเดียวกัน การชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิก็หนาแน่นด้วยผู้คนหลักหลายหมื่น มาร่วมกันแสดงความไม่พอใจต่อความไม่รับผิดชอบของผู้นำทางการเมือง
สถานการณ์แบบนี้ การบริหารบ้านเมืองจะทำได้ยากอย่างยิ่ง
ขอเตือนไว้ว่า ‘ทุกทางออกจะเหมาะสมในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น’ เพราะถ้าตัดสินใจไม่ถูกจังหวะ ปล่อยให้ยืดเยื้อ เงื่อนปมการลงจากอำนาจจะยิ่งซับซ้อนขึ้น
จากที่เป็นวิกฤติเฉพาะตัวนายกฯ ก็อาจลุกลามกลายเป็นวิกฤติของพรรคการเมือง ของรัฐบาลทั้งชุด และกลายเป็นเงื่อนปมใหม่ของวิกฤติการเมืองทั้งระบบ
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS