ประธานวิปรัฐบาลขู่รมต.
เดือด! ประธานวิปรัฐบาลขู่รัฐมนตรี-สส. เสียงปริ่มน้ำ ถ้าอยากอยู่ต่อต้องเข้าสภา ไม่งั้นไปไม่รอด เพื่อไทยไม่สบอารมณ์สภาล่ม อัดพรรคส้ม การเมืองสร้างสรรค์ หอมกลิ่นความเจริญหายไปไหน แฮชแท็ก ภาษีกู ต้องเข้าแล้ว ยันยังไม่ถึงทางตัน "วิโรจน์" เผยพรรคประชาชนพร้อมโหวต "ชัยเกษม" เป็นนายกฯ หากรับข้อเสนอผ่านงบฯ แล้วยุบสภา "ชาดา" อัดรัฐบาล อย่ามาทำตัวเป็นศัตรูอาฆาตแค้นกัน
เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2568 นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์กรณีการเปิดประชุมสภาฯ วันแรกของสมัยประชุมสามัญประจำปี 2568 และฝ่ายค้านเสนอขอนับองค์ประชุม ก่อนที่ประธานจะสั่งปิดการประชุมว่า วันนั้นเราทราบมาก่อนอยู่แล้วว่าวันที่ 3 ก.ค. จะเป็นวันที่รัฐมนตรีใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ หลังจากนั้นมีการประชุม ครม.นัดพิเศษ เพื่อแต่งตั้งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย รักษาการนายกฯ ทุกคนก็ทราบ และตนได้บอกในพรรคเพื่อไทยว่า ปัญหาที่จะเกิดขึ้นเขาต้องนับองค์ประชุม เพราะอย่างไรคนก็ไม่ครบ ซึ่งพรรคที่นับองค์ประชุมไม่ใช่พรรคประชาชน เพราะเป็นพรรคที่มีหลักการพอสมควร ไม่ได้นับมั่วซั่ว
"ผมบอกมาตลอดว่า วันนี้เสียงปริ่มน้ำอย่างนี้ แม้แต่รัฐมนตรีซักคนหนึ่งก็ขาดไม่ได้ถ้าอยากไปรอด และวิปรัฐบาลก็ได้เตือนแล้วว่ารัฐมนตรีที่เป็นผู้แทนราษฎรต้องมาประชุมสภาฯ วันพุธและวันพฤหัสบดี ต้องรับผิดชอบร่วมกัน ถ้ายังอยากเป็นรัฐมนตรีต่อไปต้องมาประชุมสภาฯ ให้เอางานมาสั่งการที่สภา ไม่อย่างนั้นสภาก็ล่ม ไปไม่รอด"
ประธานวิปรัฐบาลบอกว่า "อันนี้ต้องเตือนแรงๆ ไม่ใช่เตือนแค่ สส.ฝ่ายรัฐบาล แต่เตือนไปถึงรัฐมนตรีด้วย ต้องมีความรับผิดชอบร่วมกัน วิปไม่สามารถไปลากใครมาประชุมได้หมด เพราะฉะนั้นคุณรู้หน้าที่ของตัวเองว่าเป็นผู้แทนราษฎรอยู่ เตือนไปยังทุกคน ถ้ายังอยากให้รัฐบาลไปรอด เวลาอย่างนี้เสียงปริ่มน้ำ ไม่ใช่โยนมาให้วิปเพียงอย่างเดียว คุณต้องรับผิดชอบร่วมกับผม"
ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจคือ วันนั้นสภาไม่ได้ล่ม การที่ฝ่ายค้านทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่จะสมัครสมานสามัคคีกันขอนับองค์ประชุมพร่ำเพรื่อ ถือว่าไม่เหนือความคาดหมาย ถ้าฝ่ายค้านจะมีดัชนีชี้วัดความสำเร็จของการทำหน้าที่เป็น สส.ฝ่ายค้านด้วยการทำให้สภาล่ม ล่มได้แต่ละครั้งถือเป็นความสำเร็จก็ทำไป แต่ สส.เพื่อไทยและ สส.รัฐบาลที่เสนอให้มีการนับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อนั้น ก็เพื่อให้ประชาชนที่เป็นผู้บังคับบัญชา สส.ส่ง สส.มาทำงานในสภา ได้รับทราบว่าใครมาทำงาน ใครมาเล่นเกมการเมืองล้มรัฐบาลอยู่ร่ำไป
"การที่ สส.อยู่ในห้องประชุมแต่ไม่ยอมแสดงตัว ก็เท่ากับว่าไม่อยู่ ไม่มาทำงาน แฮชแท็ก ภาษีกู ต้องเข้าแล้ว หรือเริ่มมีด้อมบางส่วนรับได้กับการทำการเมืองโบราณ ล้าหลัง ไม่สร้างสรรค์แล้ว"
เขาบอกว่า สส.พรรคเพื่อไทยและ สส.รัฐบาลทุกคนเข้าใจสถานการณ์ดี การทำงานหลังจากนี้ต้องเร่งยกระดับทุกด้าน เพื่อแสดงให้เห็นว่าสภาผู้แทนราษฎรยังเป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนได้ สภาเป็นเวทีแก้ปัญหา แสวงหาทางออกร่วมกัน ส่วนฝ่ายค้านจะทำการเมืองแบบใด เชื่อว่าประชาชนดูออกและตัดสินได้
นายอนุสรณ์ยังกล่าวถึงกรณีกระแสข่าวนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร จะโหวตสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเป็นนายกรัฐมนตรีชั่วคราว เพื่อผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผ่าทางตันของประเทศว่า ความจริงประเทศไม่ได้ถึงทางตัน แต่อาจมีกลุ่มคนบางกลุ่มพยายามจะผลักประเทศไปสู่ทางตัน ข้อเสนอฟังดูเหมือนจะดี ที่ยอมเสียสละไปเสนอหัวหน้าพรรคการเมืองอื่นไปเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งที่จริงๆ แล้วพรรคประชาชนไม่เหลือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคตัวเองแล้ว เลยจำเป็นต้องไปสนับสนุนแคนดิเดตของพรรคการเมืองอื่น
หอมกลิ่นความเจริญ
"ที่ผ่านมาเชื่อว่าพี่น้องประชาชนเห็นในความมุ่งมั่นตั้งใจของพรรคเพื่อไทย ในความพยายามที่จะผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาโดยตลอด แต่อดีตพรรคร่วมรัฐบาลพรรคไหนไม่อยากแก้ จึงพยายามขัดขวางมาโดยตลอด ประชาชนทราบดี ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.การทำประชามติ หวังว่าคุณณัฐพงษ์จะจำข้อเท็จจริงนี้ได้ ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว"
“ไหนบอกทำการเมืองแบบยืนหลังตรง มีประชาชนอยู่ในสมการ แต่ลับลวงพรางกันเองแบบนี้ จนคนไม่รู้จะเชื่อใคร การเมืองใหม่ การเมืองสร้างสรรค์ หอมกลิ่นความเจริญ หายไปตั้งแต่กี่โมง" นายอนุสรณ์กล่าว
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานพรรคชาติพัฒนา กล่าวว่า เสถียรภาพของรัฐบาลมันลดน้อยลงไป เสียงมันน้อยลงไป ฉะนั้นทุกเสียงมีความหมาย พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคต้องช่วยกันในการที่จะให้การทำงานในสภาหรือการทำงานใน ครม.ตอบโจทย์ สร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน และช่วยกันผนึกกำลังในการทำงานเรื่องเศรษฐกิจใน 2 ปี จากนี้ไปมีเรื่องอะไรที่เป็นนโยบายที่สำคัญที่สอดคล้องกับสถานการณ์ของโลก ของประเทศ ที่รัฐบาลจะใช้เวลาที่เหลืออยู่จะดำเนินการสิ่งนั้น ตนว่าก็จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นกับพี่น้องประชาชนว่าเราตั้งใจที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาประเทศกัน" นายสุวัจน์กล่าว
ด้านนายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา กล่าวว่า จะเข้ากระทรวงศึกษาธิการเป็นทางการในวันอังคารที่ 8 ก.ค.นี้ แล้วจะได้พูดคุยหารือแนวทางการทำงานกับ รมว.ศึกษาธิการ และคงจะเริ่มเดินหน้าขับเคลื่อนกันเลย ส่วนที่มีการปิดประชุมสภาหรือว่าสภาล่มอะไรนั้น ตนเพิ่งทราบข่าวเหมือนกัน ตอนนั้นตนก็ไม่ได้อยู่สภาเหมือนกัน แต่บอกได้เลยว่าเสียงมันก็ใกล้เคียงกัน ตนว่าใหม่ๆ มันก็อาจจะเพิ่งเปิดสภา เดี๋ยวก็ปรับปรุงแก้ไขกันไปเรื่อยๆ ในเรื่องของวิป
ที่ จ.สุพรรณบุรี นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา, นายอนุชา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข สส.นครปฐม และรองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อม สส.และสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา เดินทางไปยังบ้านทรงไทย ที่อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี ของนายประภัตร โพธสุธน สส.สุพรรณบุรี ในฐานะเลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา นำกระเช้าผลไม้เยี่ยมเยือนและขอบคุณนายประภัตร ที่เป็นเสาหลักให้กับพรรคชาติไทยพัฒนา
รับโอวาทจาก'ประภัตร'
นายวราวุธกล่าวว่า นายประภัตรเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่อยู่กับพรรคชาติไทยพัฒนามาตั้งแต่เป็นพรรคชาติไทย สมัยนายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นหัวหน้าพรรค อาประภัตรอยู่มาตั้งแต่สมัยของพ่อบรรหาร ให้ความเอ็นดูหลานท็อปมาโดยตลอด ปัจจุบันอาประภัตรก็ทำหน้าที่เลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนาที่ตนเป็นหัวหน้าพรรค แม้เรามี สส. 10 คน ซึ่งทั้งหมดมาพร้อมกันในวันนี้เราก็อยู่ด้วยความอบอุ่น มีผู้ใหญ่คอยให้ประสบการณ์แก่คนรุ่นใหม่ เมื่อพรรคชาติไทยพัฒนาได้เพิ่มรัฐมนตรีมาหนึ่งคน ถือเป็นความสำเร็จของพรรค จึงได้พารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขมาขอบคุณเลขาธิการพรรค ที่เปิดโอกาสให้นายอนุชาเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นครั้งแรกในชีวิต ถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่และความสำเร็จของพรรคชาติไทยพัฒนา ขอให้นายประภัตรให้คำแนะนำรัฐมนตรีใหม่ และ สส.มาพร้อมกันในวันนี้ก็ได้มารับพรและโอวาทจากเลขาธิการพรรคด้วย
ส่วนท่าทีจากฝ่ายค้าน นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย โพสต์ข้อความว่า “รัฐบาลอาฆาตแค้น” พร้อมทั้งโพสต์คลิปที่พูดถึงการทำงานของรัฐบาลว่า วันนี้ต้องขอออกมาพูดบ้าง ฟังแล้วเกิดความไม่สบายใจ อยากจะเรียกว่ารัฐบาลอาฆาตแค้นหรือเปล่า วันนี้นายกรัฐมนตรีประเทศไทยยังชื่อนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งท่านถูกพักไปเพียงเท่านั้น ผลการตัดสินยังไม่ได้ออกมาท่านยังเป็นนายกฯ อยู่ รัฐบาลโดยเฉพาะคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปให้กำลังใจท่านนายกฯ จะดีกว่า ทำงานแก้ปัญหาให้กับประเทศชาติที่วันนี้มีปัญหามากมาย ไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด ราคาพืชผลทางการเกษตร การพนันออนไลน์ ปัญหาชาติข้างเคียง ซึ่งยังมีปัญหาอีกเยอะที่ท่านต้องทำเพื่อให้ประชาชนยอมรับ ไม่ใช่มัวมาแต่กระแซะฝ่ายค้าน มโนถึงว่าคนโน้นคนนี้จะเป็นนายกฯ
“ถึงท่านนายกฯ จะเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งผมก็ไม่อยากให้เกิดหรอก แต่อยากจะบอกว่าพรรคเพื่อไทยยังมีนายชัยเกษม นิติสิริ พรรคร่วมรัฐบาลยังมีท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ที่ถึงแม้จะลาออกจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แล้ว แต่ความเป็นแคนดิเดตนายกฯ ยังอยู่ แต่วันนี้ท่านไม่ทำงาน มัวแต่กระแซะคนโน้นคนนี้ ขอให้ท่านกลับไปทำงานแก้ปัญหาให้เกษตรกร อย่ามาพูดเรื่องมโน พรรคภูมิใจไทยโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค เรายืนยันอยู่แล้ว ว่าเราจะไม่เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย"
อย่าทำตัวเป็นศัตรูอาฆาตแค้น
นายชาดาระบุด้วยว่า ที่สำคัญท่านบอกว่าเราจะไม่ร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น พรรคภูมิใจไทยยืนหยัดชัดเจน ว่าเราร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญแน่นอน แต่ยกเว้นหมวด 1 และหมวด 2 ที่เราจะไม่ยุ่งเกี่ยว ท่านเข้าใจหรือไม่ว่าเราพูดชัดเจนว่าเราร่วม แต่อย่ามาออกข่าวสับสน ส่วนกฎหมายนิรโทษกรรม พรรคภูมิใจไทยก็ยืนยันแล้วว่าเพื่อความปรองดองของประเทศ เราร่วมแก้ด้วยแต่ต้องยกเว้นพวกคดีมาตรา 112 อันนี้ชัดเจนในความเป็นภูมิใจไทย
“ผมไม่อยากจะพูดมาก แต่ขอให้ท่านกลับไปทำงาน ไม่ใช่ออกกฎหมายเรื่องกัญชาแล้วมาพูดให้เกิดความสับสน กัญชาพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทยมีความเห็นเหมือนกันในเรื่องให้เป็นทางการแพทย์ แต่พรรคเพื่อไทยจะไม่ให้ประชาชนปลูก ให้ปลูกจากนายทุนชุดใหญ่เท่านั้น ส่วนพรรคภูมิใจไทยเราเห็นว่าให้ชาวบ้านปลูกเพื่อมีรายได้ อย่างไรก็ตาม ตรงนี้ก็แล้วแต่ท่าน เพราะท่านมีอำนาจหน้าที่ก็ทำไป แต่ขอให้เอาข้อมูลข้อเท็จจริงออกมา"
นายชาดากล่าวว่า วันนี้ท่านต้องกลับไปดูองค์ประชุมให้ครบ ส่วนการทำงานในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 69 ทำไมท่านไม่พูดบ้าง ว่าพรรคภูมิใจไทยไม่เคยขัดขวาง แต่ให้การสนับสนุนรัฐบาลในการพิจารณางบประมาณ เราเป็นองค์ประชุมให้ตลอด ทำงานร่วมกันตลอด ประหนึ่งว่าเรายังอยู่ฝ่ายรัฐบาล นี่คือความมีน้ำใจของพรรคภูมิใจไทย ท่านเอามาคิดบ้าง อย่ามัวแต่มากระแซะ ไปดูองค์ประชุมของท่านให้เรียบร้อย เราไม่ขอนับองค์ประชุม แต่ถ้าฝ่ายค้านคนอื่นนับเราเองก็เห็นใจ เราอยู่ในฝ่ายค้าน
“ขอเรียนด้วยความเคารพ ขอให้กลับไปทำงาน เราก็ไม่หนีกันไปหรอก การเมืองมันไม่กี่คน แต่อย่ามาทำตัวเป็นศัตรูอาฆาตแค้นกัน ด้วยรักและเคารพ”
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีชั่วคราวเพื่อมาแก้วิกฤตบ้านเมืองว่า เราลืมหน้าตานายกฯ หรือพรรคไปได้เลย ว่าพรรคไหนหน้าตาเป็นอย่างไร พรรคประชาชนยึดหลักการเป็นหลัก และยังคงยืนยันเงื่อนไขที่ดีที่สุดตอนนี้คือการยุบสภา คืนอำนาจให้กับประชาชน แต่กรณีเงื่อนไขที่ต้องมีนายกฯ ชั่วคราว เพื่อให้ผ่านงบประมาณปี 69 ไม่ให้กระทบกับเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชน
ยุบสภาภายในสิ้นปีนี้
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า ได้มีการพูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยนั้น นายวิโรจน์กล่าวว่า เรายื่นเงื่อนไขต่อสาธารณะ สมมุติว่านายชัยเกษม นิติสิริ รับเงื่อนไขนี้ แล้วจำเป็นต้องยกมือให้นายชัยเกษม เราก็ยินดี ใครก็ได้ งบฯ 69 ผ่าน ทำประชามติร่วมกับการเลือกตั้งเลย ยุบสภาภายในสิ้นปีนี้ แล้วจำเป็นต้องใช้มือเรา เราก็ยินดีที่จะยกมือให้ เพื่อบ้านเมืองผ่านไปได้
ซักว่าได้มีการพูดคุยกับ สส.ที่ไปร่วมวงเจรจากับนายอนุทินหรือไม่ นายวิโรจน์กล่าวว่า การไปพบปะพูดคุยกันระหว่างนักการเมืองเป็นเรื่องปกติ และได้มีการชี้แจงออกมาแล้วว่าเป็นการพบปะกันจริง แต่เป็นการพูดคุยเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ตนคิดว่าการพูดคุยกันเป็นเรื่องปกติ แต่คงไม่มีการแอบโทร.ไปหาอังเคิลอย่างที่ใครทำแน่นอน
หัวหน้าพรรคประชาชนยังกล่าวถึงกรณีรัฐบาลเลื่อนวาระการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ออกไปก่อนว่า วันนี้ไม่คิดว่าพรรคเพื่อไทยจะถอย พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์แบบไม่เป็นท่า ซึ่งขณะนี้กำลังจับจ้องว่าเหตุผลของพรรคเพื่อไทยคืออะไร และต้องถามว่าจะเลื่อนการพิจารณา เลื่อนวาระ หรือถอนออกไป เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลยืนยันถึงความจำเป็นที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจ และคิดว่าสังคมก็ต้องการคำตอบเรื่องนี้เช่นกัน ว่าเป็นเพราะรัฐบาลที่ไร้เสถียรภาพหรือไม่ จึงต้องถอนออกไปออกก่อน ซึ่งตนเองคิดว่าสังคมอยากจะฟังเหตุผลจากจอมเทคนิค ทั้งเทคนิคการหาเสียง เทคนิคการเจรจา จนมาสู่เทคนิคการถอนร่างในสภา ว่ามีข้อเท็จจริงประการใด
นายวิโรจน์กล่าวว่า ในมุมมองของตนมองว่าคงเหมือนของทุกคนว่าจะเปลี่ยนท่าทีอะไรเร็วแบบนี้ แต่เดิมบอกคิดดีแล้ว สังคมบอกให้ตรวจทานอะไรก็ไม่ตรวจทาน ใครทัดทานอะไรก็ไม่ฟัง ตนเองคิดว่าถ้าวันนี้เสียงของฝั่งรัฐบาลเท่าเดิม คิดว่าจะถอยหรือไม่ แต่วันนี้ถอยด้วยเหตุผลอะไรก็จินตนาการกันเอง แต่ตนเองคิดว่าไม่ใช่ด้วยเหตุผล แต่เป็นเพราะความไม่มั่นใจว่าเสียงที่อยู่ฝั่งตนเองนั้นมีอยู่กี่เสียงกันแน่ เพราะแม้แต่พรรคประชาชาติเองก็ชัดเจนว่าจะไม่โหวตให้ และยังมี สส.ที่อยู่ในฝ่ายมุสลิมที่ยืนยันว่าไม่ยกมือให้ วันนี้เชื่อว่านายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะที่รักษาการนายกรัฐมนตรี ก็ไม่สามารถตอบได้ว่ารัฐบาลมีกี่เสียง
ต้องนิรโทษกรรม 112
รองหัวหน้าพรรคประชาชนกล่าวถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม 4 ร่าง ที่จะเตรียมเข้าสู่สภาในวันที่ 9 ก.ค.นี้ หลังรัฐบาลเตรียมเลื่อนร่าง พ.ร.บ.ประกอบกิจการสถานบันเทิงครบวงจรหรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ออกไปก่อนว่า เป้าหมายของการนิรโทษกรรม คือการให้อภัย ฟื้นฟูความสัมพันธ์และเดินหน้ากันใหม่ ดังนั้น หากเดินหน้านิรโทษกรรมแบบมีเงื่อนไข ก็จะอธิบายต่อสังคมยาก พรรคประชาชนจึงยืนยันว่า เราย้ำในจุดยืนเดิม คือต้องมีคณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเปิดเผยและโปร่งใสขึ้นมาพิจารณานักโทษในคดีที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 อย่างลงรายละเอียดและกลั่นกรองก่อน และเราก็ยินดีรับหลักการของทุกร่าง เพราะเราเชื่อว่าการให้อภัยกัน ไม่ควรมีการลักลั่นหรือตั้งเงื่อนไขต่อกัน และเชื่อว่าข้อเสนอของเราไม่น่าจะมีใครปฏิเสธหากพิจารณาโดยวางอคติลง
เมื่อถามถึงกรณีที่หลายพรรคมีธงอยู่แล้วว่าไม่นิรโทษกรรมให้กับนักโทษในคดี 112 นายวิโรจน์ตอบว่า ต้องหารือกันในการอภิปรายวาระหนึ่ง ซึ่งทางฝั่งที่เห็นด้วยก็ต้องแสดงความจริงใจ และคิดบนหลักให้อภัยกัน เพราะการให้อภัยหากเราเลือกปฏิบัติมันก็ผิดวัตถุประสงค์ และเราก็ทราบดีถึงความผิดในมาตรานี้ จึงไม่เลือกนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง แต่เสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมากลั่นกรอง พร้อมยอมรับว่าเรื่องนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับพรรคการเมืองอื่น เพราะเข้าใจว่าเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะเข้ามาก่อน
ส่วนการเดินหน้านิรโทษกรรม หลายคนก็มองหน้าตาของผู้ที่จะได้รับอานิสงส์ ซึ่งก็รวมถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีต สส.พรรคก้าวไกล สส.พรรคประชาชนด้วย นายวิโรจน์กล่าวว่า คณะกรรมการคงไม่ได้หยิบยกว่าหน้าตาใครจะเป็นอย่างไร แต่คงดูที่พฤติการณ์เป็นหลัก แต่คดีมาตรา 112 ต้องยอมรับว่าเข้าข่ายเป็นคดีการเมือง เพราะแต่ละห้วงเวลามีมาตรฐานการดำเนินคดีที่แตกต่างกัน ถึงต้องมีคณะกรรมการขึ้นมากลั่นกรอง เนื้อหาสาระ องค์ประกอบทางนิตินัย พฤตินัย เจตนา โดยไม่ต้องสนใจว่าหน้าตาใครเป็นอย่างไร
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวในรายการ “ประเทศไทยต้องมาก่อน” ว่า “การที่คุณเซ็นเช็คเปล่า ยกมือให้คนอื่นเป็นนายกฯ แล้วเขาไปตั้งรัฐมนตรี ใช้งบประมาณเกี่ยวเนื่องถึงสองปีงบประมาณ โดยคุณไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ดูเหมือนเสียสละดูเหมือนว่างดงาม แต่การเมืองเรียกว่าเหลี่ยม”
คำกล่าวของนายจตุพร เกิดขึ้นหลังพรรคประชาชนออกแถลงการณ์จุดยืนเมื่อวันที่ 3-4 กรกฎาคม เพื่อยืนยันว่า สส.พรรคประชาชนจะโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่จะไม่ร่วมรัฐบาลโดยตรง พร้อมตั้งเงื่อนไขว่า นายกฯ คนใหม่ต้องเป็นรัฐบาลชั่วคราวที่ดำเนินการแก้รัฐธรรมนูญ และยุบสภาภายในสิ้นปี 2568 ก่อนจะจัดการเลือกตั้งใหม่.