โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

การล่าวาฬในอดีต วันนี้ และวันหน้าของญี่ปุ่น

conomi

อัพเดต 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • conomi.co

นอกจากนอร์เวย์และไอซ์แลนด์ ญี่ปุ่นเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีการล่าวาฬ ซึ่งการล่าวาฬของญี่ปุ่นเป็นประเด็นที่มีการถกเถียงกันในระดับนานาชาติมาหลายสิบปี และยิ่งถูกจับตามองมากขึ้นเมื่อญี่ปุ่นถอนตัวออกจาก International Whaling Commission (IWC) และกลับมาล่าวาฬเชิงพาณิชย์อย่างเต็มตัวอีกครั้งในเดือนกรกฎาคม 2019

ณ ตอนนี้ที่ญี่ปุ่นและทั้งโลกกำลังหาทางออกในการล่าวาฬ เรามาทำความรู้จักการล่าวาฬในญี่ปุ่นตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงปัจจุบัน และความกังวลในการล่าวาฬเชิงพาณิชย์ของญี่ปุ่นต่อจากนี้กันค่ะ

การล่าวาฬแบบดั้งเดิมในวัฒนธรรมญี่ปุ่น

การล่าวาฬอย่างเป็นระบบเริ่มขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 16 โดยมีชุมชนในเมืองไทจิ จังหวัดวากายามะเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาเทคนิคการล่า นั่นคือระบบการล่าแบบ “อามิโทริชิกิ (網取り式)” ที่ใช้เรือจำนวนหนึ่งจะล้อมวาฬที่เป็นเป้าหมายไว้แล้วต้อนวาฬไปยังน้ำตื้นที่มีอวนล้อมรออยู่ จนถึงตอนนั้น การล่าวาฬเป็นไปเพื่อนำเนื้อวาฬมาเป็นอาหารเป็นหลักและมีการนำชิ้นส่วนอื่นของวาฬมาใช้งานเช่นกัน โดยนักล่าวาฬจะพยายามนำชิ้นส่วนต่างๆ ของวาฬมาใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

View this post on Instagram

A post shared by wakayama.global (@wakayama.global)

ทั้งนี้ การล่าวาฬในยุคแรกของญี่ปุ่นมีความเกี่ยวข้องกับศาสนาและความเชื่อ โดยคนญี่ปุ่นสังเกตเห็นพฤติกรรมของวาฬที่จะดูแลลูกของมันเป็นอย่างดี ทำให้วาฬไม่ได้ถูกมองในฐานะปลา แต่เป็นสัตว์ที่มีจิตวิญญาณ ดังนั้นการล่าวาฬในอดีตของญี่ปุ่นจึงมีการกำหนดจำนวนการจับวาฬที่แน่นอนและวาฬแม่ลูกอ่อนจะไม่เคยถูกล่า นอกจากนี้ นักล่าวาฬจะสวดมนต์ตามความเชื่อทางศาสนาพุทธให้กับวาฬ จัดพิธีศพและอนุสรณ์ รวมถึงตั้งศาลเจ้าและตั้งชื่อทางศาสนาพุทธให้วาฬตัวที่ถูกล่าด้วย อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มชาวญี่ปุ่นด้วยกันเองก็มีผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการล่าวาฬ และมีความเชื่อเรื่องชุมชนนักล่าวาฬที่ต้องเจอกับคำสาปของวาฬจนล่มสลายในที่สุด

การล่าวาฬแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นต้องหยุดลงเนื่องจากประชากรวาฬที่ลดลงอย่างมากในสมัยเอโดะ และในเดือนธันวาคม ปี 1878 เกิดเหตุการณ์ “ไดเซมินางาเระ (大セミ流れ)” ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่นักล่าวาฬเมืองไทจิกว่าร้อยคนได้หายสาบสูญไปในการไล่ล่าวาฬไรท์คู่หนึ่ง จึงเป็นที่มาของความเชื่อว่าวาฬคู่นั้นเป็นผู้ที่พัดพาเอานักล่าวาฬหายไปนั่นเอง

การล่าวาฬสมัยใหม่

โอกะ จูโร่ (岡十郎) “บิดาแห่งการล่าวาฬญี่ปุ่น” และเจ้าของบริษัทโทโย โฮะเก (東洋捕鯨) เป็นผู้นำการล่าวาฬแบบนอร์เวย์เข้ามาเผยแพร่ในญี่ปุ่น ซึ่งอุปกรณ์ในการล่าวาฬแบบนอร์เวย์ประกอบด้วยเรือเครื่องจักร ปืนใหญ่ และฉมวกระเบิด การนำวิทยาการเข้ามานี้ทำให้การล่าวาฬเชิงพาณิชย์ของญี่ปุ่นขยายตัวสู่น่านน้ำอื่น และส่งให้ญี่ปุ่นสามารถแข่งขันกับอุตสาหกรรมล่าวาฬกับต่างชาติได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามได้เกิดความขัดแย้งระหว่างคนท้องถิ่นกับอุตสาหกรรมล่าวาฬขึ้นในเมืองซาเมะ จังหวัดอาโอโมริ เนื่องจากโรงงานชำแหละวาฬของโทโย โฮะเกปล่อยของเสียอย่างน้ำมันและเลือดวาฬออกสู่ทะเลและทำลายระบบนิเวศของทะเลแถบนั้นทำให้ชาวประมงไม่สามารถหาปลาได้ตามปกติ ด้วยความไม่พอใจ ชาวบ้านจึงเผาโรงงานชำแหละวาฬนั้นลง

ด้วยอุตสาหกรรมการล่าวาฬที่เติบโตอย่างมากในช่วงต้นคริสตศตวรรษที่ 20 เป็นที่มาของอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยกฏระเบียบการล่าวาฬ (Geneva Convention for the Regulation of Whaling) ที่มีผลบังคับใช้ในปี 1934 เพื่อจำกัดการล่า แต่ไม่ได้รับการตอบรับจากญี่ปุ่นและเยอรมณี เพราะในช่วงปี 1930 เรือล่าวาฬญี่ปุ่นภายใต้การนำของบริษัทโทโย โฮะเกได้เริ่มการล่าวาฬในขั้วโลกใต้ ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่วาฬกว่า 17 สายพันธุ์จะมารวมตัวกันเพื่อหาอาการกิน

การล่าวาฬของญี่ปุ่นลดลงในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองเนื่องจากภาวะสงคราม แต่กลับมามีบทบาทอีกครั้งเมื่อนายพลดักลาส แมคอาร์เธอร์ ผู้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการยึดครองประเทศญี่ปุ่นของสหรัฐอเมริกาอนุญาตให้มีการล่าวาฬอีกครั้ง เพื่อเลี้ยงประชาชนของญี่ปุ่นที่ประสบกับภาวะอดอยากจากการทำสงคราม การล่าวาฬหลังสงครามจึงเป็นไปเพื่อเลี้ยงปากท้องของประชาชนเป็นหลัก

การล่าวาฬในปัจจุบัน

การล่าวาฬในปัจจุบัน

ประเทศญี่ปุ่นได้เข้าร่วม IWC (International Whaling Commission) ในปี 1951 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่ญี่ปุ่นอยู่ภายใต้การควบคุมของสหรัฐอเมริกา โดย IWC ถูกจัดขึ้นเพื่อจำกัดการล่าวาฬไว้ให้อยู่ในระดับที่จะไม่เป็นอันตรายต่อจำนวนประชากรวาฬ อย่างไรก็ตาม ในข้อกำหนดมาตรา 8 ของ IWC นั้นระบุไว้ว่าสามารถอนุญาตให้มีการล่าวาฬได้หากมีจุดประสงค์เพื่อการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และวาฬที่ถูกล่าด้วยจุดประสงค์ดังกล่าวสามารถถูกนำไปจัดการได้ตามที่ประเทศที่ได้รับอนุญาตเห็นควร ซึ่งประเทศญี่ปุ่นล่าวาฬเพื่อการวิจัยตั้งแต่ช่วงปี 1987 จนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2019

การล่าวาฬเพื่อการวิจัยของญี่ปุ่นเป็นโครงการล่าวาฬเพื่อการวิจัยในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนเหนือและในขั้วโลกใต้ โดยมี 2 โครงการล่าสุดคือโครงการวิจัยในขั้วโลกใต้JARPA II (ปี 2005 – 2014) และ NEWREP-A ที่เริ่มในปี 2015 และเป็นโปรเจคต์ที่มีระยะเวลา 12 ปี ซึ่งมีจุดประสงค์ในการวิจัยวาฬมิงค์และระบบนิเวศในขั้วโลกใต้

แม้ญี่ปุ่นจะถอนตัวออกจาก IWC เมื่อปลายปี 2018 และกลับมาล่าวาฬเชิงพาณิชย์อีกครั้งในปี 2019 โดยมีการกำหนดโควต้าการล่าที่ประเมินว่ายั่งยืนแล้ว แต่หากนับจำนวนวาฬทั้งหมดที่ถูกล่าเพื่อการวิจัยในช่วงปี 1987 – 2017 พบว่าในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา มีวาฬถูกล่าแล้วกว่า 21,000 ตัว (ทั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต และโดยได้รับอนุญาตเพื่อการวิจัย)

การล่าวาฬเชิงพาณิชย์อย่างยั่งยืนของญี่ปุ่นกับโจทย์ที่ต้องการคำตอบ

เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2018 นายซุงะ โยชิฮิเดะ (菅 義偉) หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีกล่าวถึงนโยบายการล่าวาฬว่าญี่ปุ่นจะยกเลิกการล่าวาฬเพื่อการวิจัยในน่านน้ำขั้วโลกใต้ และจะล่าวาฬในน่านน้ำของญี่ปุ่นและเขตเศรษฐกิจจำเพาะ (Exclusive Economic Zone: EEZ) ของญี่ปุ่นเท่านั้น โดยเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2019 ซึ่งน่านน้ำญี่ปุ่นดังกล่าวนั้นจัดอยู่ใน North และ Eastern Hemisphere ของมหาสมุทรแปซิฟิก

พร้อมกันนี้ ญี่ปุ่นได้ประกาศโควต้าการล่าวาฬในแต่ละปีออกมาอย่างเป็นทางการดังนี้

1.วาฬเซย์ 25 ตัว

2.วาฬมิงค์ 171 ตัว

3.วาฬบรูดา 187 ตัว

โดยญี่ปุ่นยืนยันว่าได้ใช้วิธีการของ IWC ในการประเมินและกำหนดโควต้าวาฬที่จะล่า และจะล่าวาฬเฉพาะสายพันธุ์ที่ประเมินแล้วว่ามีจำนวนประชากรมากพอต่อการล่า ซึ่งจำนวนโควต้านี้มีการรับรองว่าเป็นโควต้าที่จะไม่ส่งผลต่อประชากรวาฬ แม้ญี่ปุ่นจะล่าวาฬต่อไปอีก 100 ปีนับจากนี้

นอกจากการล่าวาฬอย่างยั่งยืน อีกสองจุดยืนสำคัญของญี่ปุ่นในการกลับมาล่าวาฬเชิงพาณิชย์ได้แก่เพื่อรักษาประวัติศาสตร์วัฒนธรรมการล่าวาฬของญี่ปุ่น และเพื่อความมั่นคงทางอาหาร โดยกลุ่มผู้สนับสนุนการล่าวาฬแสดงข้อมูลว่าเนื้อวาฬสามารถเลี้ยงประชากรคนญี่ปุ่นได้โดยสร้าง Carbon Footprint น้อยกว่าการเลี้ยงปศุสัตว์

อย่างไรก็ตาม ความกังวลในความยั่งยืนยังมีอยู่ จากกรณีเมื่อเดือนพฤษภาคม 2018 ที่วาฬมิงค์ 333 ตัวในน่านน้ำขั้วโลกใต้ถูกญี่ปุ่นล่าเพื่อการวิจัย เพราะในจำนวนนั้นมีวาฬตัวเมียที่ตั้งท้องอยู่ 122 ตัวและมีวาฬที่ยังโตไม่เต็มที่อีกหลายสิบตัว เทียบเป็นสัดส่วนแล้วนับว่าในครั้งนั้นมีวาฬตั้งท้องที่ถูกล่ามากถึง 1/3 และอีกข้อสังเกตหนึ่งคือ ในวาฬสามสายพันธุ์ที่มีการกำหนดโควต้านั้น มีสองสายพันธุ์ที่อยู่ในรายชื่อใกล้สัตว์สูญพันธุ์ ได้แก่วาฬเซย์และวาฬบรูดา ดังนั้นจึงมีความกังวลว่าการกำหนดโควต้านี้อาจไม่เพียงพอต่อการล่าวาฬอย่างยั่งยืนตามที่ญี่ปุ่นได้ประกาศไว้

จากการดูความเปลี่ยนแปลงในการล่าวาฬของญี่ปุ่นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนี้ เราจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงจากการล่าวาฬทางวัฒนธรรม สู่การล่าเพื่อวิจัยและอุตสาหกรรม แต่นอกจากนี้ เราจะเห็นได้อีกว่าในทุกยุคสมัยต่างมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งปัจจุบันพวกเราเองก็กำลังเป็นส่วนหนึ่งของการหาคำตอบของความขัดแย้งนี้เช่นกัน

แม้พวกเราในฐานะชาวต่างชาติจะไม่สามารถตัดสินการล่าวาฬของญี่ปุ่นได้อย่างเต็มที่ แต่การได้ทำความรู้จักที่มาและจุดยืนของญี่ปุ่นในการล่าวาฬสามารถเป็นก้าวแรกของการหาคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่ายไปด้วยกัน โดยหวังว่าพวกเราจะหาคำตอบที่ถูกต้องได้ในเร็ววัน

สรุปเนื้อหาจาก: International Whaling Commission, The Institute of Cetacean Research, Japan Whaling Association, Japantimes

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก conomi

4 อาหารที่คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่ชอบตั้งแต่เด็ก

8 ชั่วโมงที่ผ่านมา

Starbucks Reserve Cafe คาเฟ่เบเกอรี่สไตล์ใหม่ เตรียมเปิดสาขาแรกที่ Shinjuku Marui 1 กันยายนนี้

12 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

วิธีดูแลหัวใจให้แข็งแรง ทั้งพฤติกรรมและอาหารที่เลือกกิน

THE POINT

กรมการท่องเที่ยว เปิดตัวภารกิจ “Thailand Green Tourism Plan 2030”

Campus Star

5 เครื่องดื่มช่วยล้างพิษตับแบบธรรมชาติ น้ำเปล่าไม่ใช่คำตอบสุดท้าย

sanook.com

นิวซีแลนด์แชมป์ Work Life Balance ดีที่สุด 3 ปีซ้อน ส่วนไทยอันดับ 41

กรุงเทพธุรกิจ

ฤกษ์ดี ฤกษ์มงคล ฤกษ์ดีมีชัย เดือนกันยายน 2568 โดย อาจารย์มนัสกวิญ ชางประยูร

กรุงเทพธุรกิจ

จากพื้นที่ปลอดภัยสู่พื้นที่ ‘เสี่ยง’ เมื่อ Tea App พื้นที่แชร์ประสบการณ์ ‘Red Flags’ ถูกแฮกข้อมูลส่วนตัว

The Momentum

ข่าวและบทความยอดนิยม

“เป็นคนที่ไม่รู้จักเลย” ผู้ต้องหาคดีแทงหญิงสาวที่โกเบให้การเพิ่ม ตำรวจเผย มีประวัติซ้ำซากเรื่องสะกดรอย

conomi

พูดถึงเทศกาลฤดูร้อน คนญี่ปุ่นนึกถึงเทศกาลไหน?

conomi

เตือนชาวจีนระวังความปลอดภัย สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำญี่ปุ่นประกาศ หลังเหตุทำร้าย คดีมิจฉาชีพเพิ่ม

conomi
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...