โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

จากพื้นที่ปลอดภัยสู่พื้นที่ ‘เสี่ยง’ เมื่อ Tea App พื้นที่แชร์ประสบการณ์ ‘Red Flags’ ถูกแฮกข้อมูลส่วนตัว

The Momentum

อัพเดต 3 กันยายน 2568 เวลา 1.37 น. • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • THE MOMENTUM

แอปพลิเคชัน Tea เปิดตัวในปี 2566 ด้วยเป้าหมายสร้าง ‘พื้นที่ปลอดภัย’ ให้ผู้หญิงสามารถแชร์ประสบการณ์การออกเดต เตือนภัยพฤติกรรมไม่เหมาะสม และระบุ Red Flags ของผู้ชายโดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตน กลายเป็นแอปฯ ยอดนิยมอันดับหนึ่งบน App Store ในสหรัฐอเมริกา แต่ความนิยมกลับมาพร้อมกับความเสี่ยง เมื่อข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานหลายคนรั่วไหลสู่อินเทอร์เน็ต สิ่งที่ควรเป็นแหล่งปลอดภัย กลับกลายเป็นภัยคุกคามต่อความเป็นส่วนตัวและชีวิตของผู้หญิงหลายราย

เหตุการณ์นี้กลายเป็นประเด็นระดับประเทศและระดับโลก เพราะไม่เพียงแต่เป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัว แต่ยังกลายเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อผู้หญิงที่เชื่อว่า Tea จะเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับพวกเธอ

แล้วเทคโนโลยีที่ถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องผู้หญิง แท้จริงแล้วสามารถสร้างพื้นที่ปลอดภัยได้จริงไม่

Tea แอปฯ ที่สร้างขึ้นเพื่อปกป้องผู้หญิง

Tea Dating Advice หรือ Tea แอปฯ ที่สร้างขึ้นเพื่อปกป้องผู้หญิง ซึ่งเปิดตัวในปี 2566 ด้วยแนวคิดสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ผู้หญิงสามารถแชร์ประสบการณ์การออกเดตหรือเตือนภัยเกี่ยวกับพฤติกรรมไม่เหมาะสมของผู้ชายในโลกออนไลน์ เช่น การถูกทำร้ายหรือการบังคับขู่เข็ญ ไปจนถึงเรื่องส่วนตัว อย่างการสื่อสารไม่ดีหรือมีความไม่พร้อมทางอารมณ์ โดยมีจุดเด่นคือการเปิดโอกาสให้ผู้ใช้โพสต์ Red Flags โดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตน

หนึ่งในฟีเจอร์สำคัญคือ ระบบค้นหาข้อมูลย้อนกลับจากรูปภาพ (Reverse Image Search) และการตรวจสอบประวัติเบื้องต้นของคู่เดต เพื่อช่วยป้องกันการถูกหลอกลวงหรือคุกคามทางเพศ ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในยุคเดตออนไลน์

Tea กลายเป็นหนึ่งในแอปฯ ยอดนิยมในสหรัฐอเมริกา โดยขึ้นเป็นอันดับ 1 บน App Store ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และปัจจุบันอยู่ในอันดับ 2 รองจาก ChatGPT นอกจากนี้ยังมีฐานผู้ใช้นับล้านคนทั่วโลกและได้รับการยอมรับว่า เป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่เน้นความปลอดภัยของผู้หญิง ข้อมูลจาก Forbes รายงานว่า แอปฯ ถูกดาวน์โหลดมากกว่าล้านครั้งภายในสัปดาห์เดียว และบริษัทเองระบุว่า มีผู้ใช้งานกว่า 4.6 ล้านคน ที่เข้ามาอ่านและแชร์เรื่องราวเกี่ยวกับการเดต

ด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว Tea ได้รับการจับตามองจากนักลงทุนและสื่อทั่วโลก ทว่าในขณะเดียวกันก็เริ่มมีเสียงวิจารณ์จากกลุ่มผู้ชายบางกลุ่มว่า การเปิดเผยข้อมูลฝ่ายเดียวอาจนำไปสู่การ ‘ล่าแม่มด’ และการใส่ร้ายแบบไม่มีหลักฐาน อย่างไรก็ตามแม้จะมีเสียงโต้แย้งในบางแง่มุม Tea ก็ยังถูกมองว่า เป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ด้านความปลอดภัยทางดิจิทัลของผู้หญิง

TeaOnHer แอปฯ ใหม่ แนวคิดเดิม

สิ่งที่เคยเป็นแค่การคุยกันในหมู่เพื่อนสนิท ตอนนี้ถูกขยายใหญ่ขึ้น กลายเป็นธุรกิจผ่านเทคโนโลยี และมีผลกระทบก็ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ

แซ็ก ซิดเลอร์ (Zac Seidler) กล่าวว่า แอปฯ Tea ทำให้ผู้ชายรุ่นใหม่หลายคนรู้สึกเหมือนถูกจับตามองอยู่ตลอด และเกิดความกังวลเรื่องชื่อเสียง ซึ่งทำให้ช่องว่างระหว่างชายกับหญิงกำลังถูกเอาไปใช้เป็นเครื่องมือโดยแพลตฟอร์มเหล่านี้ และยิ่งทำให้การสื่อสารแบบเปิดใจระหว่างเพศยากขึ้น

TeaOnHer จึงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อโต้กลับ เป็นเวอร์ชัน ‘สลับเพศ’ ของแอปฯ Tea ที่เดิมทีเปิดให้ผู้หญิงโพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับผู้ชายแบบไม่ระบุตัวตน โดยใน TeaOnHer ผู้ชายสามารถโพสต์เรื่องผู้หญิงได้โดยไม่เปิดเผยตัวตนได้เช่นกัน จุดประสงค์ของผู้พัฒนาอาจเป็นเพียงเพื่อสร้างพื้นที่ให้ผู้ชายแสดงความคิดหรือประสบการณ์ส่วนตัว ทว่าผู้เชี่ยวชาญมองว่า แอปฯ ของผู้หญิงถูกสร้างขึ้นเพื่อช่วยเหลือกัน แต่ของผู้ชายดูเหมือนจะเกิดจากความโกรธและการแก้แค้นมากกว่า

การรั่วไหลของข้อมูล

ในเดือนกรกฎาคม Tea ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ความมั่นคงไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในวงการแอปฯ ข้อมูลของผู้ใช้งานกว่า 1 แสนคนถูกแฮกและถูกนำไปเผยแพร่บนแพลตฟอร์ม 4chan โดยมีทั้งรูปภาพและข้อความที่มีความละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง

ในบรรดาข้อมูลที่รั่วไหล มีรูปภาพมากกว่า 7.2 หมื่นภาพ ที่เกี่ยวข้องกับขั้นตอนการยืนยันตัวตน เช่น เซลฟี่พร้อมบัตรประชาชน บัตรขับขี่ หรือภาพหน้าจอของการแชตระหว่างผู้ใช้ ขณะเดียวกันยังมีข้อความส่วนตัวจำนวนมหาศาลที่หลุดออกไป

สิ่งที่น่าแปลกใจที่สุดคือ ข้อความหลายหมื่นรายการมีเนื้อหาที่เป็นความลับระดับสูง เช่น การพูดถึงความรุนแรงในครอบครัว การตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจ หรือการนัดพบส่วนตัวกับบุคคลอื่น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้หากถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด อาจสร้างอันตรายอย่างร้ายแรงต่อเจ้าของข้อมูล

ผู้ใช้งานจำนวนมากรายงานว่า ข้อมูลของตนเองถูกนำไปแชร์ต่อในกลุ่มต่างๆ บนอินเทอร์เน็ตแบบไม่สามารถควบคุมได้ บางรายถึงขั้นต้องเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ ลบบัญชีโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนที่อยู่อาศัยเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกติดตาม

สำนักข่าว BBC พบว่า มีเว็บไซต์ แอปฯ และเกม ได้นำภาพหลุดดั่งกล่าวไปใช้ รวมไปถึงผู้ชายได้เข้าไปจัดอันดับและวิจารณ์รูปร่างหน้าตาของผู้หญิงอีกด้วย

การตอบสนองของ Tea และคำถามถึงความรับผิดชอบ

Tea ออกแถลงการณ์ขอโทษผู้ใช้และระบุว่า กำลังประสานงานกับผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์ รวมถึงหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย เพื่อสืบหาสาเหตุของการแฮกและป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำ

แอปฯ ยังแจ้งให้ผู้ใช้เปลี่ยนรหัสผ่าน และระงับบัญชีที่มีความเสี่ยง อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายวิจารณ์ว่า การตอบสนองของบริษัทล่าช้า และไม่ให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับจำนวนผู้ได้รับผลกระทบ หรือมาตรการเยียวยาอย่างเป็นรูปธรรม

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยดิจิทัลไม่สบายใจก็คือการที่ Tea ใช้ Google Firebase ในการจัดเก็บข้อมูลโดยไม่มีการเข้ารหัสหรือระบบป้องกันหลายชั้น (Multi-Layer Security) ซึ่งถือว่าเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง

นอกจากนี้ Tea ยังยอมรับว่าบางข้อมูล เช่น ภาพถ่ายยืนยันตัวตนและข้อความในระบบ แท้จริงแล้วไม่ได้ลบออกจากเซิร์ฟเวอร์แม้ผู้ใช้จะปิดบัญชีไปแล้ว โดยอ้างว่าเป็น ‘หลักฐาน’ เพื่อใช้ในกรณีเกิดการร้องเรียนการคุกคาม ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าเป็นเหตุผลที่คลุมเครือและขัดต่อหลักการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ผลกระทบทางกฎหมายและการฟ้องร้องแบบกลุ่ม

หลังจากเหตุการณ์รั่วไหล ผู้ใช้จำนวนมากรวมตัวกันฟ้องร้อง Tea ในลักษณะ Class-Action Lawsuits โดยมีข้อกล่าวหาเกี่ยวกับความประมาทในการจัดเก็บข้อมูล การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลในหลายรัฐของสหรัฐฯ

ในบรรดาผู้ฟ้องร้อง มีหญิงสาวจำนวนหนึ่งที่เปิดเผยว่า ตนเองเป็นเหยื่อความรุนแรงทางเพศ หรือเคยหลบหนีจากคู่รักที่ใช้ความรุนแรง และได้ใช้ Tea เพื่อหลีกเลี่ยงบุคคลเหล่านั้น การที่ข้อมูลพวกเธอหลุดออกไปจึงอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่อันตรายถึงชีวิต

คดีความเหล่านี้กำลังอยู่ระหว่างการรวมพิจารณาในศาลกลาง โดยมีเป้าหมายในการเรียกค่าชดเชยความเสียหายทั้งในเชิงทรัพย์สินและจิตใจ พร้อมทั้งกดดันให้ Tea ปรับปรุงมาตรการความปลอดภัย และเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับการรั่วไหลให้มากขึ้น

ประเด็นนี้อาจกลายเป็น ‘กรณีตัวอย่าง’ สำคัญในยุคของแอปฯ ที่เก็บข้อมูลลึกและละเอียด โดยเฉพาะในแอปฯ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องความสัมพันธ์ เพศ หรือสุขภาพจิต

อ้างอิง:

https://www.abc.net.au/news/2025-08-30/one-of-the-most-popular-apps-in-the-us-is-fuelling-a-gender-war/105706068

https://www.bbc.com/news/articles/ce87rer52k3o

https://www.businessinsider.com/teaonher-anonymous-tea-app-rises-apple-store-faces-security-issues-2025-8

https://cybernews.com/security/tea-app-breach-sensitive-data-exposed/

https://www.nbcnews.com/tech/social-media/tea-app-hacked-13000-photos-leaked-4chan-call-action-rcna221139

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก The Momentum

“ถ้ายังไม่ยุบสภา ก็ต้องเลือกนายกฯ ใหม่ เพื่อเข้าไปยุบสภา” พริษฐ์ถามเพื่อไทย ปล่อยข่าวยุบสภาเพื่อสกัดฝ่ายตรงข้ามหรือไม่

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘อาจจะยังน้า’ พรรคประชาชนยังประชุมไม่จบ ยังไม่มีมติหนุน ‘อนุทิน’ เป็นนายกฯ

6 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม

เมื่อคอมมูฯ สกปรก ของ ‘ผู้ปกครองใคร่เด็ก’ ผงาดจากใต้ดินสู่โลกโซเชียลฯ

The Momentum

หน้าหล่อ กล้ามโต แต่ขาย Female Gaze ไม่ได้ เพราะความเซ็กซี่ของตัวละครชาย ไม่ได้มาจากเรือนกายเป็นหลัก

The Momentum

Coming Out Story ของ ‘ญดา นริลญา’ เพราะผู้หญิงเควียร์ไม่จำเป็น ต้องพิสูจน์ความเควียร์ด้วยการมีแฟนสาว

The Momentum
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...