โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

เปิดตัวหนังสือ Thai Textiles Trend Book Autumn/Winter 2025-2026 ตามแนวพระดำริใน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา

สยามรัฐ

อัพเดต 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สานต่อความสำเร็จอย่างงดงามสู่ผลงานลำดับที่ 6 กับหนังสือ Thai Textiles Trend Book Autumn/Winter 2025-2026 โดย กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงรับหน้าที่บรรณาธิการบริหารอีกครั้ง พระนิพนธ์เล่มล่าสุดนี้จะทำหน้าที่เป็นคู่มือและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้สร้างสรรค์ในอุตสาหกรรมแฟชั่นและสิ่งทอของไทย ภายใต้แนวคิดหลัก “อนาคตแห่งแฟชั่น: สรรค์สร้างนวัตกรรมเพื่อโลกที่ยั่งยืน” (Future Fashion: Creative Innovation for Sustainability) "มหัศจรรย์แห่งเส้นใย" โดย หนังสือการพัฒนาองค์ความรู้เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์สู่สากล ประจำปี 2568 (Thai Textiles Trend Book Autumn/Winter 2025-2026) มุ่งเน้นการค้นหานวัตกรรมจากงานหัตถกรรมในอดีต โดยเฉพาะความมหัศจรรย์ของเส้นใยธรรมชาติในท้องถิ่น เพื่อยกระดับผ้าไทยและงานหัตถศิลป์สู่สากล ตามแนวพระดำริในโครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก”

ทั้งนี้ การจัดทำหนังสือเล่มดังกล่าวนับเป็นการสานต่อพระปณิธานและสะท้อนถึงพระวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่ทรงเล็งเห็นถึงความสำคัญของการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ไทยให้มีคุณภาพทัดเทียมนานาชาติในราคาที่เข้าถึงได้ ดังพระดำรัสที่ได้พระราชทานไว้ในการประชุมวิชาการ Symposium เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2567 ความตอนหนึ่งว่า "อีกอย่างหนึ่งคือที่ท่านหญิงรู้สึกมองอนาคตไว้ว่า อีกหน่อยสินค้าฝรั่งมันจะแพงขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์เนม การ์เมนต์ หรืออะไรก็ตาม แล้วเรารู้ว่าคนกลุ่มใหญ่ในเมืองไทย ยังนิยมของเหล่านั้นอยู่ และคนในระดับชั้นกลาง หรือที่รองลงมา เขาจะอยู่กันยังไง เราก็เลยคิดว่า อยากให้ทุกท่านได้หันมามองว่า สินค้าไทยหลาย ๆ ชิ้น ผ้า การ์เมนต์ พอร์ซเลน หรืออื่น ๆ เรายังมีของที่เทียบเท่าฝรั่ง แล้วเรายังจับต้องได้" พระดำรัสดังกล่าวจึงเป็นหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนโครงการ ‘ผ้าไทยใส่ให้สนุก’ และการพัฒนาองค์ความรู้เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ไทยสู่สากลในครั้งนี้

โดยในวันจันทร์ที่ 11 สิงหาคม 2568 ได้มีการจัดงานแถลงข่าวเปิดตัว หนังสือการพัฒนาองค์ความรู้เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์สู่สากล ประจำปี 2568 (Thai Textiles Trend Book Autumn/Winter 2025-2026) ณ EMSKYE ชั้น 14 เอ็ม ทาวเวอร์ ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ โดยมี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย, นางจิณณารัชช์ สัมพันธรัตน์ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย, นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน และ นางอรจิรา ศิริมงคล ประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชน ร่วมด้วยที่ปรึกษาโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก ได้แก่ นายกุลวิทย์ เลาสุขศรี, นายธนันท์รัฐ ธนเสฏฐการย์ และ นายพลพัฒน์ อัศวะประภา ร่วมพูดคุยถึงรายละเอียดอันน่าสนใจ ของเทรนด์บุ๊กฉบับฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2025 - 2026 นี้

นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า “จากแนวพระดำริ ‘ผ้าไทยใส่ให้สนุก’ ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา สู่พันธกิจของกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ที่มุ่งพัฒนาคุณภาพและยกระดับผ้าไทย และงานหัตถกรรมไทย สู่การสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับประชาชนอย่างยั่งยืน ผ่านโครงการ ‘ผ้าไทยใส่ให้สนุก’ โดยตลอดระยะเวลาการดำเนินงานกว่า 5 ปี ที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงงานและทรงอนุรักษ์และพัฒนาผ้าทอพื้นเมืองและงานหัตถกรรมพื้นบ้าน โดยนำภูมิปัญญาและ อัตลักษณ์พื้นถิ่น มาผสมผสานกับเทรนด์แฟชั่นล่าสุด เกิดเป็นผืนผ้าและผลิตภัณฑ์ที่มีความร่วมสมัย เพื่อยกระดับ ผ้าไทยสู่สากล พระองค์ทรงสร้างแรงบันดาลใจ แบ่งปันองค์ความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ส่วนพระองค์ พระราชทาน แนวพระดำริในการพัฒนาผืนผ้าและงานหัตถกรรม ให้มีความร่วมสมัยและเป็นสากล ให้แก่ช่างทอผ้า ช่างหัตถศิลป์ และ ช่างหัตถกรรม รวมถึงทรงพัฒนาออกแบบลายผ้าพระราชทาน และพระราชทานลายผ้านี้ให้แก่ศิลปิน ช่างทอผ้า และ งานหัตถกรรม ในทุกภูมิภาค เพื่อนำไปสร้างสรรค์ผืนผ้าและงานหัตถกรรม ตามอัตลักษณ์ของแต่ละพื้นถิ่น ก่อให้เกิดการจุดพลังการขับเคลื่อนงานหัตถกรรมในทุกมิติ ทั้งรูปแบบ ลวดลาย สีสัน ทำให้ผ้าไทยมีความทันสมัย คนนิยมใส่ผ้าไทยมากขึ้น จนสามารถสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับประชาชนอย่างครบวงจร

“กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชน ได้น้อมนำแนวพระดำริมาพัฒนาสร้างสรรค์ต่อยอดภูมิปัญญาผ้าไทยให้ทันสมัย ก้าวทันอุตสาหกรรมแฟชั่นและสิ่งทอของไทย โดยปฏิบัติงานอย่างเป็นรูปธรรมผ่านโครงการต่าง ๆ อาทิ ดอนกอยโมเดล นาหว้าโมเดล บาติกโมเดล Young OTOP รวมถึงการพัฒนาโครงการหมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village) และพระองค์ทรงพระราชทาน เครื่องหมายรับรองสินค้าแฟชั่นและหัตถกรรมพระราชทาน ‘Sustainable Fashion : แฟชั่นแห่งความยั่งยืน’ แก่ช่างทอผ้า ช่างหัตถกรรม ผู้ผลิต และผู้ประกอบการที่สร้างสรรค์ผืนผ้าและหัตถกรรมด้วยขั้นตอนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ขององค์การสหประชาชาติ และเป็นที่น่าปิติยินดีสำหรับประชาชนชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ผลิต ผู้ประกอบการผ้าไทย และ ช่างหัตถกรรม หัตถศิลป์ที่องค์การยูเนสโกประกาศเชิดชูพระเกียรติ และถวายเหรียญสดุดีพระกรณียกิจ ด้านการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรม และการส่งเสริมงานวิจิตรศิลป์ รวมทั้งการขับเคลื่อนวัฒนธรรม ตลอดจน อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ใน ประเทศไทย แด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ณ สำนักงานใหญ่องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นพระทัยของพระองค์ในการยกระดับผ้าไทยให้ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ และเป็นการสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมไทย ให้เป็นที่รู้จักในระดับโลกอย่างแท้จริง”

นางจิณณารัชช์ สัมพันธรัตน์ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย กล่าวถึงพัฒนาการของผ้าไทยที่เห็นได้ชัดเจนว่า “ผ้าไทยมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเพิ่มมากขึ้นทุกปี จะเห็นได้ชัดเจนเวลาไปงาน OTOP ว่าผ้าไทยสวยขึ้นมากจนคนรอบข้างต่างชื่นชมและตื่นตาตื่นใจ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลจากองค์ความรู้ในเทรนด์บุ๊ก ที่ผู้ประกอบการนำไปใช้จริง ตั้งแต่การทำ Mood Board การย้อมสีธรรมชาติ ไปจนถึงการจับคู่สี ทำให้ผ้าไทยมีคุณค่าและมูลค่าสูงขึ้น สร้างรายได้ที่มั่นคง และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของครอบครัวช่างทอผ้าได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งยังส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ๆ เกิดขึ้นมาอีกมากมาย และขอเชิญชวนให้ทุกท่านได้สัมผัสกับตาตัวเองถึงความทันสมัยของผ้าไทยที่งานศิลปาชีพประทีปไทย OTOP หลอมดวงใจ ด้วยพระบารมี 2568” 9 – 17 ส.ค. 68 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1–3 อิมแพคเมืองทองธานี และร่วมกันถ่ายทอดประชาสัมพันธ์สิ่งเหล่านี้ไปยังคนรู้จักและเพื่อน ๆ ของพวกเราไปด้วยกัน”

นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการจัดทำโครงการฯ ว่า “วัตถุประสงค์ในการจัดทำโครงการศึกษาและพัฒนาองค์ความรู้เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์สู่สากล ประจำปี 2568 โครงการดังกล่าวจัดทำขึ้นเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ เผยแพร่และแบ่งปันองค์ความรู้ในเรื่องของสีสันโทนไทย (Thai Tone) สีธรรมชาติ บนผืนผ้าและเครื่องแต่งกายและสิ่งทอ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ให้แก่ผู้ที่อยู่ในวงการผ้าไทยในระดับชุมชน ระดับท้องถิ่น ระดับภูมิภาค และระดับชาติ ต่อยอดองค์ความรู้สู่การปฏิบัติได้จริง นำแนวคิดที่เป็นสากลมาพัฒนาวงการผ้าไทย สร้างความตระหนักและกระตุ้นให้เกิดภาพลักษณ์ที่มีความทันสมัยให้แก่วงการผ้าไทย สร้างรายได้ให้แก่ชุมชน ประชาชน และมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในงานศิลปหัตถกรรมของไทยให้แก่ประเทศได้อย่างยั่งยืน

“สำหรับหนังสือ Thai Textiles Trend Book Autumn/Winter 2025 – 2026 นั้นเกิดขึ้นตามแนวพระดำริ ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ ‘ผ้าไทยใส่ให้สนุก’ เพื่อปลุกกระแสในเชิงความคิดสร้างสรรค์ให้ผสานเข้ากับงานศิลปหัตถกรรม งานฝีมือของไทย ให้ยกระดับเตรียมพร้อมเข้าสู่อุตสาหกรรมแฟชั่นและสิ่งทอได้ในระดับสากล การจัดทำหนังสือฉบับนี้ ได้ผ่านการระดมความคิด หารือ ตลอดจนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไทย ผ้าพื้นเมือง ผ้าอัตลักษณ์ท้องถิ่น การออกแบบแฟชั่น การทอ และการย้อมสีธรรมชาติ รวมไปถึงองค์ความรู้เกี่ยวกับการสร้างสรรค์โทนสี ตลอดจนแนวโน้มและทิศทางและการออกแบบเครื่องแต่งกายด้วยผ้าไทย

“ทั้งนี้ กรมการพัฒนาชุมชน เชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ประเภทผ้าเครื่องแต่งกาย ผู้ประกอบการผ้าไทย เยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชนทั่วไป ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องกับวงการผ้าไทย ในการนำองค์ความรู้อันล้ำค่าจากหนังสือเทรนด์บุ๊กฉบับฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2025 - 2026 นี้ ไปสร้างสรรค์โทนสีบนผืนผ้าและงานหัตถกรรมที่สอดคล้องกับอัตลักษณ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ผ้าไทยให้ทรงคุณค่า อันประณีตงดงามและเต็มไปด้วยแนวคิดสร้างสรรค์ พร้อมด้วยกระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องตามหลักแฟชั่นแห่งความยั่งยืน (Sustainable Fashion) ซึ่งจะส่งผลให้ภาพลักษณ์ของผ้าไทยมีความทันสมัยสู่สากล และสร้างรายได้ให้กับทุกฝ่ายเพิ่มมากขึ้น นำไปสู่ความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากอย่างแท้จริง”

นางอรจิรา ศิริมงคล ประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชน กล่าวเสริมว่า“เทรนด์บุ๊กนี้เปรียบเสมือน ‘สารตั้งต้น’ ที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะประเทศไทยมีเทรนด์บุ๊กเป็นของเราเอง ทำให้ผู้ประกอบการสามารถก้าวทันเทรนด์โลกได้ พวกเขาสามารถทราบล่วงหน้าว่าเทรนด์สีของโลกในปีหน้าคืออะไร และสามารถนำวัตถุดิบในท้องถิ่นมาสร้างสรรค์งานที่เป็นเอกลักษณ์ได้ สอดคล้องกับชื่อหนังสือ ‘อนาคตแห่งแฟชั่น สรรค์สร้างนวัตกรรมเพื่อโลกที่ยั่งยืน’ ที่สะท้อนเทรนด์โลกด้านความยั่งยืนได้อย่างชัดเจน ซึ่งไม่ได้หมายถึงแค่การใช้สีจากธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างสรรค์นวัตกรรมเส้นใยใหม่ๆ ที่น่าทึ่งขึ้นมาทดแทนเส้นใยแบบเดิมๆ ซึ่งเป็นไปได้ด้วยพระบารมีของพระองค์ท่านที่ทรงเห็นว่าประเทศไทยของเรามีศักยภาพในการสร้างเส้นใยที่ยั่งยืนได้ ทั้งต่อโลกและต่อมนุษย์เราเอง”

ภายในงานแถลงข่าว ยังได้รับเกียรติจากที่ปรึกษาโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุกทั้ง 3 ท่าน ร่วมพูดคุยถึงรายละเอียด ของหนังสือ “Thai Textiles Trend Book Autumn/Winter 2025-2026” ซึ่งนับเป็นเล่มที่ 6 ในหนังสือพระนิพนธ์ ที่ถ่ายทอด แนวคิด “อนาคตแห่งแฟชั่น: สรรค์สร้างนวัตกรรมเพื่อโลกที่ยั่งยืน” ผ่าน 4 เทรนด์หลักที่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ได้พระราชทานแนวพระดำริไว้ ได้แก่ The Grounded Naturalist (พินิจ – ชีวิต), The Free Spirit Adventurer (อิสรชน – ผจญภัย), The Enigmatic Wanderer (รอนแรม – ลึกลับ) และ The Dynamic Trailblazer (กรุยทาง – สร้างฝัน)

นายกุลวิทย์ เลาสุขศรี ได้เน้นย้ำถึงพระอัจฉริยภาพและบทบาทขององค์ “ครู” ว่า“พระองค์ท่านทรงเป็นผู้ที่ ‘รู้ถึงอนาคต’ ของวงการแฟชั่น ทรงคาดการณ์ได้ว่าสินค้าแบรนด์เนมจะราคาสูงขึ้น และคนไทยควรหันกลับมาใช้ของในประเทศ ที่สำคัญที่สุด พระองค์ท่านทรงเป็น ‘ครู’ ของผู้ประกอบการกว่า 2,000 คน ทุกครั้งที่เสด็จฯ ไปต่างประเทศ ทรงไม่ได้ไปเพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่ทรงมองหาสิ่งใหม่ๆ เพื่อนำกลับมาประยุกต์ใช้กับประเทศไทย Trend Book ทุกเล่มจึงเป็นเหมือน ‘หนังสือที่ต้องมาสอน’ เป็น ‘คัมภีร์นำทาง’ ให้ผู้ประกอบการได้พลิกแพลงการใช้สี จนเกิดเป็น Combination สีที่สวยงามอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ทำให้คำว่า ‘ผ้าไทย’ กับ ‘ทันสมัย’ มาอยู่ในประโยคเดียวกันได้ และทำให้โครงการ ‘ผ้าไทยใส่ให้สนุก’ ประสบความสำเร็จ ทำให้ผ้าไทยสามารถใส่ได้ทุกวันจริงๆ”

นายธนันท์รัฐ ธนเสฏฐการย์ กล่าวถึงเบื้องหลังการจัดทำหนังสือเทรนด์บุ๊ก และความมหัศจรรย์แห่งเส้นใย ว่า “หนังสือเล่มนี้เปรียบเสมือน 'คัมภีร์นำทาง' ที่เป็นผลลัพธ์จากการตกตะกอนความคิดของ 8 มหาวิทยาลัยราชภัฏ และทุกมหาลัยรัฐ เอกชน นักวิชาการอิสระจากทั่วประเทศ ภายใต้แนวคิดหลัก ‘อนาคตแห่งแฟชั่น: สรรค์สร้างนวัตกรรมเพื่อโลกที่ยั่งยืน’ โดยมี Subtitle คือ ‘มหัศจรรย์แห่งเส้นใย’ ซึ่งมีที่มาจากพระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่ทรงเล็งเห็นถึงศักยภาพและข้อจำกัดของเส้นใยธรรมชาติไทยระหว่างการเสด็จเยี่ยมราษฎร พระองค์ทรงเป็นห่วงผู้ประกอบการ OTOP ที่ทรงเรียกว่า 'ทีมงาน' และ 'ลูกศิษย์' ของพระองค์ท่าน จึงมีพระประสงค์ให้หนังสือเล่มนี้เป็น 'สารตั้งต้น' ในการพัฒนาอย่างแท้จริง เราได้ค้นพบศักยภาพอันน่าทึ่งของเส้นใยหลากหลายชนิด นอกเหนือจากฝ้าย ปอ หรือหรือใยกัญชง เช่น 'ใยว่าน' ที่สามารถอมสีธรรมชาติ โดยเฉพาะสีที่ติดยากอย่างสีม่วง หรือ 'ใยสับปะรด' และ 'ใยกล้วย' ที่มีความขาวนวลสวยงามในตัวเองจนแทบไม่ต้องย้อมสี เมื่อนำมาผสมผสานกับความขาวของเส้นใยฝ้ายแล้ว และนำมาทอเป็นลายขิดแบบอีสาน ก็จะดูโมเดิร์น สามารถนำไปทำเป็นผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้านได้ทันที แม้ในช่วงแรกจะมีความท้าทายเรื่องการตีเกลียวเส้นใยธรรมชาติด้วยมือ ซึ่งทำให้ผสมกับฝ้ายได้เพียง 20-30% แต่หลังจากการลงพื้นที่โค้ชชิ่งและมีการนำอุปกรณ์เข้ามาช่วย เราก็สามารถพัฒนาจนผสมเส้นใยธรรมชาติกับฝ้ายได้สูงสุดถึง 50% ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่สำคัญในการพัฒนาศักยภาพของวัตถุดิบท้องถิ่น และยกระดับผลิตภัณฑ์สู่สากลได้อย่างเป็นรูปธรรม”

นายพลพัฒน์ อัศวะประภา กล่าวถึงพระวิสัยทัศน์ที่ทรงเป็นดั่ง Soft Power ของประเทศว่า “พระองค์ท่านทรงมีพระวิสัยทัศน์ที่มองเห็นอนาคตของวงการแฟชั่นว่าจะต้อง ‘กลับมาที่รากเหง้า’ ซึ่งเป็นที่มาของการให้ความสำคัญกับเส้นใยและสีย้อมจากธรรมชาติ และยังทรงมีพระประสงค์ให้จัดตั้งสมาคมนักออกแบบ FTFD (Federation of Thai Fashion Designers) ขึ้น เพื่อนำความรู้ระดับโลกมาต่อยอดให้กับงานของคนไทย โดยทรงเน้นย้ำเสมอว่าหน้าที่สำคัญของสมาชิกทุกคนคือการทำงาน ‘จิตอาสา’ ลงพื้นที่ช่วยพัฒนาผลงานของชาวบ้านให้มีความเป็นสากลมากยิ่งขึ้น ซึ่งหากจะพูดถึงเรื่อง Soft Power แล้ว พระองค์ท่านทรงเป็น Soft Power ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศไทยอย่างแท้จริง”

นอกจากนี้ หนังสือเล่มล่าสุดยังเจาะลึกถึงเรื่องราว “มหัศจรรย์แห่งเส้นใย” (Fascinating Fibers) นำเสนอคุณค่าและความเป็นไปได้ของเส้นใยจากธรรมชาติ 12 ชนิด อาทิ ไหม, ไหมอีรี่, ตะไคร้, กัญชง, ฝ้าย, ใยบัวหลวง, ใยข่า, ใยกล้วย, ใยสับปะรด, ใย่ไผ่, ใยผักตบชวา ไปจนถึงใยดาหลา พร้อมนำเสนอเทคนิคที่น่าจับตามองสำหรับฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็น ผ้าทอ เดนิมจากใยกัญชง, การถักโครเชต์ ไปจนถึงการนำเส้นใยเหลือใช้กลับมาสร้างสรรค์เป็นผลงานใหม่ สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของงานหัตถศิลป์และความยั่งยืนที่สามารถเดินเคียงคู่กันไปในโลกแฟชั่นแห่งอนาคตได้อย่างแท้จริง

ขอเชิญผู้ที่สนใจในเสน่ห์ของผ้าไทยและแฟชั่นที่ยั่งยืน เข้าชมนิทรรศการ “Thai Textiles Trend Book Autumn/Winter 2025-2026” ณ EMSKYE ชั้น 14 เอ็ม ทาวเวอร์ ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ ระหว่าง วันที่ 11 – 14 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 – 18.00 น.

สำหรับนักเรียน นักศึกษา หรือบุคคลทั่วไปผู้สนใจหนังสือ Thai Textiles Trend Book Autumn/Winter 2025-2026 สามารถดาวน์โหลดในรูปแบบดิจิทัลได้ทาง https://online.fliphtml5.com/rnqjs/dbjs/#p=

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก สยามรัฐ

จังหวัดแม่ฮ่องสอนจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์และพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เฉลิมพระเกียรติ

14 นาทีที่แล้ว

"ชัชชาติ" ยินดี ส.ก.ตรวจสอบงบฯ 69 รับตัวเลขอาจคลาดเคลื่อน ปรับเปลี่ยนได้

15 นาทีที่แล้ว

"100 ปี บ้านแพ้ว"พัฒนาระบบตลาดผลิตภัณฑ์ชุมชนเชิงศิลปวัฒนธรรม

22 นาทีที่แล้ว

ทหารพรานเหยียบกับระเบิด ขาขาด 1 นายขณะลาดตระเวน ปราสาทตาเมือนธม

25 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

จะเป็นผู้คอยรับไว้ ‘The Catcher in the Rye’ กับการแปลภาษาไทย ครั้งที่ 4

กรุงเทพธุรกิจ

รู้จัก Amy Sherald ศิลปินผู้ปฏิวัติวงการศิลปะ กับการนำเสนอเรื่องราวของคนดำผ่านภาพพอร์เทรต

a day magazine

5 มะเร็งที่ผู้หญิงวัย 50+ ควรรู้! รักแม่ อย่าลืมพาแม่ไปตรวจนะ!!

The Bangkok Insight

ผู้หญิงไม่ใช่เครื่องผลิต ‘ลูก’ ความเป็นหญิง และความเป็นแม่ ไม่ได้วัดจากการตั้งท้อง

The Momentum

ครบรอบ 15 ปี ภาพยนตร์ “สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก” ออกฉายครั้งแรก

SpringNews

Tyla นักร้องผู้มีฉายา “Queen of Popiano” เตรียมบินมากรุงเทพฯ เดือนพฤศจิกายนนี้

LSA Thailand

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...