OpenAI เปิดตัว GPT-5 ชูจุดเด่น AI ฉลาดระดับป.เอก
OpenAI เปิดตัว GPT-5 โมเดล AI เรือธงรุ่นล่าสุดที่ Sam Altman เคลมว่า "คือโมเดลที่ฉลาดที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา" พร้อมเปลี่ยนอินเทอร์เฟซผู้ใช้ครั้งใหญ่ ใช้งานง่ายขึ้น ยกระดับความสามารถด้านความฉลาดของ AI ให้เทียบเท่ากับผู้เชี่ยวชาญระดับ “ปริญญาเอก”
วันที่ 8 สิงหาคม 2568 – OpenAI สร้างความตื่นตะลึงให้กับวงการเทคโนโลยีอีกครั้งด้วยการเปิดตัว GPT-5 ซึ่งเป็นโมเดล AI เรือธงรุ่นล่าสุดที่ Sam Altman ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท กล่าวว่าเป็น "โมเดลที่ฉลาดที่สุดเท่าที่เราเคยสร้างมา" พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอินเทอร์เฟซผู้ใช้ของ ChatGPT เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ง่ายและชาญฉลาดยิ่งขึ้น
GPT-5 ถูกเปิดตัวขึ้นหลังจากที่ OpenAI ได้ปล่อยโมเดลโอเพนซอร์สชุดแรกนับตั้งแต่ปี 2019 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อยกระดับขีดความสามารถของ AI ให้เทียบเท่ากับระดับผู้เชี่ยวชาญ และส่งมอบความฉลาดที่เหนือกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน
อินเทอร์เฟชเรียบง่าย แต่ทรงพลัง
สำหรับผู้ใช้ ChatGPT จะสังเกตเห็นการปรับปรุงอินเทอร์เฟซครั้งใหญ่ ด้วยการรวมโมเดลเข้าไว้ด้วยกันในสามตัวเลือกหลัก ได้แก่:
- GPT-5 (โมเดลเรือธง)
- GPT-5 Thinking (คำตอบเชิงลึก)
- GPT-5 Pro (ความฉลาดระดับการวิจัย)
โดยระบบการเลือกโมเดลที่ซับซ้อนอย่าง "o4-mini-high" ได้ถูกแทนที่ด้วยสิ่งที่ OpenAI เรียกว่า "ประสบการณ์ที่ใช้งานง่ายขึ้น" โดยเบื้องหลังนั้น มีเราเตอร์อัจฉริยะที่จะสลับการใช้งานโมเดลต่างๆ โดยอัตโนมัติตามความซับซ้อนของคำสั่ง ทำให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเดาอีกต่อไปว่าควรเลือกโมเดลใดสำหรับงานที่ต้องการ
เพิ่มประสิทธิภาพ ที่ก้าวกระโดด
Altman กล่าวว่า GPT-5 จะเป็นสิ่งที่คนหลายพันล้านคนจะได้รับประโยชน์จากการใช้งาน โดยปัจจุบันจำนวนผู้ใช้ ChatGPT ที่เข้าถึง 700 ล้านคนต่อสัปดาห์ อีกทั้งผลการทดสอบของ GPT-5 ได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่น่าประทับใจ:
- คะแนน 94.6% ในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ AIME 2025 โดยไม่มีเครื่องมือช่วย
- คะแนน 74.9% ในงานเขียนโค้ดของ SWE-bench Verified
- คะแนน 46.2% ใน HealthBench Hard
ในขณะที่ GPT-5 Pro ทำคะแนนได้สูงกว่าเดิม โดยทำได้ 88.4% ในการทดสอบ GPQA ที่ขึ้นชื่อเรื่องความท้าทาย
Altman อธิบายความก้าวหน้านี้ด้วยคำเปรียบเทียบที่เข้าใจง่ายว่า "GPT-3 ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังคุยกับนักเรียนมัธยมปลาย… GPT-4 ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังคุยกับนักศึกษามหาวิทยาลัย ส่วน GPT-5 เป็นครั้งแรกที่มันให้ความรู้สึกเหมือนกำลังคุยกับผู้เชี่ยวชาญระดับปริญญาเอกจริงๆ"
อย่างไรก็ดี แม้ Altman จะอ้างว่า GPT-5 เป็น โมเดลที่ดีที่สุดในโลกด้านการดูแลสุขภาพ แต่ประเด็นนี้ได้สร้างความกังวลในวงการผู้เชี่ยวชาญบางส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง The Verge ที่ตั้งข้อสังเกตว่าการที่ AI ให้คำแนะนำทางการแพทย์อย่างมั่นใจด้วยอำนาจของผู้เชี่ยวชาญระดับปริญญาเอก แต่ยังขาดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในบริบทที่ซับซ้อน อาจก่อให้เกิดอันตรายอย่างแท้จริง
Gary Marcus นักวิจัยด้าน AI แสดงความเห็นว่า การพัฒนา GPT-5 ซึ่งใช้เวลาเกือบ 3 ปี และเงินหลายพันล้านดอลลาร์นั้น "เป็นส่วนหนึ่งของแพ็กเกจการพัฒนาตั้งแต่ต้น ไม่ใช่การก้าวกระโดดครั้งใหญ่ และชี้ว่าคู่แข่งอย่าง Claude ของ Anthropic รวมถึงผู้พัฒนาอื่น ยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้การแข่งขันในตลาด AI ยังคงดำเนินต่อไป
สำหรับนักพัฒนา API ของ GPT-5 มีให้เลือกใช้ถึงสามระดับ ได้แก่ GPT-5, GPT-5 mini, และ GPT-5 nano เพื่อให้มีความยืดหยุ่นสำหรับความต้องการและงบประมาณที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มธีมบุคลิกภาพใหม่ เช่น Cynic, Robot, Listener, และ Nerd เพื่อเพิ่มความสามารถในการปรับแต่งโดยไม่ซับซ้อน
ก้าวต่อไปของ OpenAI ขยับใกล้ AGI อีกระดับ
การเปิดตัว GPT-5 สะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนของ OpenAI ในฐานะผู้นำในวงการ AI อย่างไรก็ตาม Altman ยอมรับว่าโมเดลนี้ยังคง "ขาดบางสิ่งที่สำคัญมาก" นั่นคือความสามารถในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องจากการใช้งานจริง
GPT-5 เป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญในการแข่งขันสู่ AGI ซึ่งยังคงดำเนินต่อไป แต่สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป GPT-5 ได้มอบเครื่องมือที่ทรงพลังและใช้งานง่ายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้ความฝันที่ AI จะเป็นผู้ช่วยส่วนตัวระดับผู้เชี่ยวชาญดูใกล้เคียงความเป็นจริงมากขึ้นทุกที
ที่มา : starkinsider.com