โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

นักวิชาการเตือน ดีลทรัมป์ไทยได้ประโยชน์ไม่มาก ควรมุ่งสู่เศรษฐกิจขับเคลื่อนด้วยภาคบริการ

THE STANDARD

อัพเดต 2 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 2 วันที่แล้ว • thestandard.co
นักวิชาการเตือน ดีลทรัมป์ไทยได้ประโยชน์ไม่มาก ควรมุ่งสู่เศรษฐกิจขับเคลื่อนด้วยภาคบริการ

ผลจากข้อตกลงการค้าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้อัตราภาษีนำเข้าไทยที่ 19% ทำให้ไทยโล่งใจไปได้เพียงเปราะเดียวเท่านั้น โดย รองศาสตราจารย์ ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดีสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ เตือนว่า ถึงแม้ดีลการค้าของสหรัฐฯ จะช่วยไม่ให้เกิดการย้ายฐานการผลิตภายในประเทศกลุ่มอาเซียน เนื่องจากหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา และเวียดนาม ต่างได้เรตภาษีในอัตราเดียวกันหรือใกล้เคียงกันกับไทย แต่ในระยะยาวอาจเกิดความท้าทายด้านขนาดซัพพลายเชนที่ผู้ผลิตอาจพิจารณาย้ายฐานการผลิตกลับสหรัฐฯ เพราะจะสามารถส่งออกไปขายได้ทั่วโลกด้วยภาษี 0% ตามที่หลายประเทศตกลงกับทรัมป์ไว้

ในการบรรยายพิเศษหัวช้อ ‘สงครามการค้าจีน–สหรัฐฯ และผลกระทบต่อไทย’ ซึ่งจัดโดยหลักสูตรผู้บริหารรุ่นใหม่ธุรกิจไทย–จีน ที่โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา ดร.สมภพ ชี้ด้วยว่า ไทยต้องเตรียมพร้อมรับมือและคว้าโอกาส ท่ามกลางบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและการแข่งขันที่มีแนวโน้มดุเดือดขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และจีน

ดร.สมภพ กล่าวว่า สหรัฐฯ มีความกังวลเกี่ยวกับการพัฒนาแบบก้าวกระโดดในด้านเทคโนโลยีของจีน โดยเฉพาะเทคโนโลยีด้านดิจิทัล และ AI ส่งผลให้การแข่งขันหลังจากนี้จะมีแนวโน้มเข้มข้นขึ้น โดยที่จีนตามมาแบบหายใจรดต้นคอ

นอกจาก AI แล้ว สหรัฐฯ ยังต้องการฟื้นอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมต่อเรือในประเทศ ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ทรัมป์ตั้งกำแพงภาษีสูงๆ สำหรับเหล็กและอะลูมิเนียม และมีการทำข้อตกลงให้ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ทุ่มเม็ดเงินลงทุนจำนวนมหาศาลในสหรัฐฯ โดยที่รายหลังจะเน้นหนักไปที่อุตสาหกรรมต่อเรือ เพราะปัจจุบันเกาหลีใต้เป็นรองเพียงจีนเท่านั้นในด้านการต่อเรือ และที่ผ่านมาก็รับจ้างผลิตให้สหรัฐฯ

ดร.สมภพ มองว่า ความเคลื่อนไหวในยุคทรัมป์มีลักษณะเป็นการนำพาสหรัฐฯ ถอยกลับไปสู่เศรษฐกิจที่อาศัยทรัพยากรธรรมชาติ (Natural Resource Based Economy) และภาคการผลิต (Production Based Economy) แบบในอดีต เพราะสหรัฐฯ มีความกังวลด้านความมั่นคงว่า หากเกิดสงครามใหญ่กับจีนขึ้น จะไม่สามารถพึ่งพาระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยภาคบริการและการเงิน (Sevice & Finance Based Economy) แบบในปัจจุบันได้ ดังนั้นจึงต้องเร่งฟื้นภาคการผลิตในประเทศ โดยตั้งกำแพงภาษีทั่วโลก เพื่อดึงบริษัทต่างๆ ย้ายกลับมาตั้งฐานผลิตในสหรัฐฯ ขณะเดียวกันก็สร้างหลักประกันในด้านทรัพยากรธรรมชาติ เช่น การกลับมาเน้นขุดเจาะน้ำมัน และหาแหล่งแร่แรร์เอิร์ธอื่นๆ มาป้อนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงและเซมิคอนดักเตอร์ เพื่อลดการพึ่งพาจีน

สำหรับจีนนั้น ดร.สมภพมองว่า กำลังเดินสวนทางกับสหรัฐฯ โดยจีนกำลังพยายามเปลี่ยนผ่านจากประเทศอุตสาหกรรมการผลิต หรือ ‘โรงงานโลก’ ไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยภาคบริการและการเงินแบบที่สหรัฐฯ ทำสำเร็จในปัจจุบัน

จะเห็นว่าปัจจุบันรัฐบาลจีนมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว กีฬา บันเทิง และบริการด้านสุขภาพ (Wellness) โดยที่โมเดลแบบจีนนั้นเป็นสิ่งที่ไทยควรให้ความสำคัญเช่นกัน เพราะ ดร.สมภพ มองว่าไทยมีศักยภาพและจุดเด่นด้านทรัพยากรธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยว อาหาร วัฒนธรรม และการแพทย์ ดังนั้นจึงควรส่งเสริมให้เป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจที่สำคัญ มากกว่าไปเน้นการส่งออกที่มีปัจจัยเสี่ยงเพิ่มขึ้น

ดร.สมภพกล่าวว่า ไทยต้องมุ่งไปสู่การเป็นเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยภาคบริการ (Service Based Economy) ให้ได้ ซึ่งถ้าไทยทำให้ภาคบริการโตได้ ก็จะช่วยส่งเสริมให้ภาคการผลิตเติบโตตามไปด้วย เช่น การผลิตเครื่องมือแพทย์ ยา วัตถุดิบอาหาร เป็นต้น เพื่อใช้ในภาคบริการ

ในการบรรยายครั้งนี้ ดร.สมภพ ยังยกตัวอย่างความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ และจีนว่าทั้งสองประเทศล้วนมีการพัฒนาใน 7 ด้านเป็นรากฐานเหมือนกัน ได้แก่ การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง, ระบบการสื่อสาร, เทคโนโลยี, การเงิน, การมีเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อตลาด, การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการเมืองที่มีเสถียรภาพ ซึ่งสามารถนำมาเป็นโมเดลในการพัฒนาประเทศไทยเพื่อเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันได้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก THE STANDARD

‘SHEIN’ ถูกปรับเงิน 1 ล้านยูโรในอิตาลี ฐาน ‘ฟอกเขียว’

14 นาทีที่แล้ว

ตำรวจแนะวิธีสังเกตความแตกต่าง โดรน กับ เครื่องบิน ย้ำหากพบโดรนต้องสงสัยแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ 24 ชั่วโมง

20 นาทีที่แล้ว

อนุทินเตือนอธิบดีกรมที่ดินคนใหม่ อย่าเซ็นเพิกถอนสุ่มสี่สุ่มห้า ปมเขากระโดง ระวังซ้ำรอยติดคุก เชื่อภูมิธรรมใช้มาตรฐานเดียวคดีอัลไพน์

28 นาทีที่แล้ว

อนุทินชี้ รัฐบาลไม่ลงพื้นที่จะรู้ปัญหาได้ไง บอกผู้ว่าฯ พูดเจื้อยแจ้ว ไม่กล้ารายงานปัญหา ยอมรับงบล่าช้าเพราะเป็นพื้นที่ภูมิใจไทย

38 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

เชฟรอน-BCPR ร่วมมือสำรวจปิโตรเลียมในอ่าวไทย G2/65

สำนักข่าวไทย Online

ประวัติพระบิดากฎหมายไทย ตอบคำถาม ร. 5 “ผู้พิพากษากินเหล้ามากใช่ไหม”

ประชาชาติธุรกิจ

‘SHEIN’ ถูกปรับเงิน 1 ล้านยูโรในอิตาลี ฐาน ‘ฟอกเขียว’

THE STANDARD

ออกแรงปิดประตู “นายกฯ” มาตรา 5

สยามรัฐ

พระเกจิดังพิจิตร ปลุกเสกเครื่องราง-วัตถุมงคล แจกทหาร-ชาวบ้านอพยพ กันผีเขมร สิ่งลี้ลับรังควาน

Khaosod
วิดีโอ

ชาวมาเลเซียมองปมความขัดแย้งไทย-กัมพูชา

Thai PBS

ตำรวจแนะวิธีสังเกตความแตกต่าง โดรน กับ เครื่องบิน ย้ำหากพบโดรนต้องสงสัยแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ 24 ชั่วโมง

THE STANDARD

ครม.เห็นชอบแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ เฟส 2

สำนักข่าวไทย Online

ข่าวและบทความยอดนิยม

AI เปลี่ยน ‘ซินเจียง’ ไปไกลกว่าที่คิด! เมื่อจีนพลิกผืนทะเลทราย สลับภูเขาน้ำแข็ง สู่ต้นแบบ ‘เกษตรยุคใหม่’

THE STANDARD

วิเคราะห์ 4 จุดเปลี่ยนส่งออกไทยต่อ ‘ตลาดสหรัฐ’ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือเตือน! ตลาดโลกป่วน แข่งขันรุนแรง

THE STANDARD

เพื่อไทยย้ำภาษีสหรัฐฯ 19% ช่วยเสริมความสามารถการแข่งขัน เชื่อค่าไฟฟ้า-ก๊าซหุงต้มถูกลงในระยะยาว

THE STANDARD
ดูเพิ่ม
Loading...