ลุ้นกำลังซื้อ “รับสร้างบ้าน” กลับมาในไตรมาส 3
ภาพรวมธุรกิจ รับสร้างบ้าน ครึ่งปีแรก 68 ยอดติดลบลดลงเหลือ 7% จาก 15% เซกเมนต์บ้านราคามากกว่า 20 ล้านบาทหดตัวอ่วม 15% กรุงเทพฯ หดตัวสูงสุด สวนทางภาคใต้และตะวันออกเติบโตได้ดี จับตา "ขึ้นค่าแรง - ภาษีทรัมป์" กระทบต้นทุนสร้างบ้านปลายปี
นายอนันต์กร อมรวาที นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (Home Builder Association : HBA) เปิดเผย ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 ว่า ยอดขายของบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ มีภาวะติดลบลดลงอย่างเห็นได้ชัด จากที่เคยติดลบ 15% ในไตรมาสแรก ลดลงเหลือติดลบ 7%
โดยมีปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นตลาด คือ ความต้องการที่แท้จริง หรือ เรียลดีมานด์ ในเซกเมนต์บ้านราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท ที่ฟื้นตัวและสามารถผลักดันให้ตลาดส่วนนี้เติบโตได้ดี แม้จะต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน
นายอนันต์กรชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างของตลาดรับสร้างบ้านในแต่ละกลุ่มราคา โดยระบุว่า บ้านราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาทกลับมาเติบโตอย่างโดดเด่น เนื่องจากผู้บริโภคกลุ่มนี้มีความต้องการสร้างเพื่ออยู่อาศัยจริง มีกำลังซื้อและเงินออมอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีความกังวลว่าต้นทุนการก่อสร้างอาจปรับขึ้นในอนาคตจากปัจจัยต่างๆ เช่น ค่าแรงและวัสดุก่อสร้าง จึงตัดสินใจสร้างบ้านในช่วงที่ผ่านมา
ขณะที่ ตลาดบ้านราคา 10 - 20 ล้านบาท ยังคงอยู่ในภาวะ “ทรงตัว” และยังไม่มีปัจจัยบวกที่ชัดเจนมาสนับสนุนให้ตลาดกลุ่มนี้ฟื้นตัว ส่วน บ้านราคามากกว่า 20 ล้านบาท ถือเป็นเซกเมนต์ที่หดตัวมากที่สุด โดยมียอดติดลบถึง 15% ซึ่งนายอนันต์กรอธิบายว่า แม้กลุ่มนี้จะมีกำลังซื้อสูง แต่เนื่องจากเป็นการสร้างบ้านหลังที่สองหรือสาม จึงยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการเข้าพักอาศัย ทำให้เลื่อนการตัดสินใจสร้างบ้านออกไปก่อนเพื่อรอดูภาพรวมเศรษฐกิจ
“ผู้บริโภคที่ต้องการสร้างบ้านต่ำกว่า 10 ล้านบาท เป็นการสร้างเพื่ออยู่อาศัยจริงและกลุ่มมีกำลังซื้อมีเงินออมอยู่แล้ว พร้อมทั้งมีความกังวลถึงต้นทุนก่อสร้างที่อาจปรับขึ้นได้จากปัจจัยต่าง ๆ ทั้งค่าแรง วัสดุก่อสร้าง ทำให้ตัดสินใจสร้างบ้านในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่บ้านเกินกว่า 20 ล้านบาท แม้จะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง แต่เนื่องจากเป็นบ้านหลังที่สองและสามจึงยังไม่มีความจำเป็นด้านการเข้าพักอาศัย ทำให้เลื่อนการตัดสินใจสร้างบ้านออกไปก่อนเพื่อรอดูภาพรวมของเศรษฐกิจอีกครั้ง
ส่วนบ้าน 10 - 20 ล้านบาทที่ตลาดทรงตัว เพราะขาดความเชื่อมั่นเศรษฐกิจ การเมืองภายในและต่างประเทศ อีกทั้งส่วนใหญ่จะไม่ใช่บ้านหลังแรกจึงขอรอดูสถานการณ์ก่อน ซึ่งจากการตัดสินใจของผู้บริโภคทั้งสามกลุ่ม ทำให้ต้องจับตามองตลาดในช่วงไตรมาสที่สามของปีนี้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป”
นอกจากการวิเคราะห์ตามกลุ่มราคาแล้ว สมาคมฯ ยังได้เจาะลึกถึงภาพรวมตลาดในแต่ละพื้นที่ พบว่ากรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นตลาดที่มีภาวะหดตัวมากที่สุดประมาณ 30% ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ยังไม่กลับมาเต็มที่ในเมืองหลวง
ในทางกลับกันภาคตะวันออกมีภาพรวมการเติบโตประมาณ 3% โดยมีจังหวัดชลบุรี เป็นตลาดที่เติบโตมากที่สุด เช่นเดียวกับภาคใต้ที่เติบโตประมาณ 8% และมีการขยายตัวมากที่สุดในจังหวัดภูเก็ตและสงขลาซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยด้านการท่องเที่ยวและอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ดังกล่าว
สำหรับ ภาคเหนือ โดยรวมตลาดหดตัวประมาณ 12% มีเพียงตลาดเชียงใหม่ ที่สามารถ “ทรงตัว” อยู่ได้ในสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน ส่วนตลาดรับสร้างบ้านในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในภาพรวมติดลบ 20% อย่างไรก็ดี นครราชสีมาเป็นจังหวัดที่สามารถเติบโตได้ดีประมาณ 11% ขณะที่ตลาดภาคกลางและภาคตะวันตกถือว่ายังอยู่ในภาวะทรงตัว
จากภาพรวมตลาดในครึ่งปีแรก นายอนันต์กรกล่าวว่า สมาคมฯ มีความจำเป็นต้องเร่งจัดกิจกรรมและสื่อสารเพื่อสร้างการรับรู้แก่ผู้บริโภคในวงกว้างมากขึ้นกว่าเดิม ผ่านสมาชิกสมาคมฯ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยจะเน้นย้ำถึงมาตรฐานการก่อสร้าง, การให้บริการที่ครบวงจร, ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการสร้างบ้าน และจุดขายที่แตกต่างจากบริษัทรับเหมาทั่วไปเพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความเข้าใจที่ถูกต้องและเลือกใช้บริการกับมืออาชีพ
“ที่ผ่านมา สมาชิกฯ ในต่างจังหวัดมีการจัดอีเวนต์สำหรับโซนของตัวเองเพื่อสร้างกำลังซื้อ และสื่อสารให้ผู้บริโภครับรู้ว่าธุรกิจรับสร้างบ้านแตกต่างจากผู้รับเหมาอย่างไร ส่งผลให้บางพื้นที่มีผู้บริโภคเลือกใช้บริการมากขึ้น ส่งผลให้บางจังหวัดขยายตัวได้ดี”
สำหรับการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างการรับรู้ของผู้บริโภคในส่วนของสมาคมฯ จะเกิดขึ้นในไตรมาสที่สาม ซึ่งถือเป็นช่วงไฮซีซันของธุรกิจรับสร้างบ้าน โดยมีไฮไลต์สำคัญคืองาน“รับสร้างบ้านและวัสดุ EXPO 2025” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “สร้าง อยู่ ดี” ซึ่งสะท้อนภาพที่ชัดเจนในการสร้างบ้านกับนักสร้างมืออาชีพ บริษัทที่มีประสบการณ์สูง และความเป็นอยู่ที่ดีจากบ้านคุณภาพ โดยงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10 - 14 กันยายน 2568 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ฮอลล์ 6
นายอนันต์กรยังได้ให้คำแนะนำแก่ผู้บริโภคที่กำลังคิดจะสร้างบ้านว่า “หากผู้บริโภคคิดจะสร้างบ้าน ก่อนการตัดสินใจ แนะนำให้ศึกษาประวัติและผลงานของบริษัทนั้น ๆ ว่ามีประสบการณ์อย่างไร สร้างบ้านมาแล้วกี่หลัง รวมถึงสอบถามลูกค้าที่เคยสร้างบ้านกับบริษัทสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกสมาคมฯ จะช่วยสร้างความมั่นใจในการใช้บริการ”
แม้จะคาดการณ์ว่ากำลังซื้อผู้บริโภคจะกลับมาในช่วงไตรมาสที่สาม จากความต้องการสร้างบ้านเพื่ออยู่อาศัยจริง และราคาที่ยังคงใช้ต้นทุนเดิมในช่วงไตรมาสนี้ แต่สมาคมฯ ก็ยังคงจับตาปัจจัยภายนอกที่อาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนการสร้างบ้านในช่วงปลายปีนี้และปีหน้า
“ทั้งนี้เชื่อมั่นว่ากำลังซื้อผู้บริโภคจะกลับมา จากความต้องการสร้างบ้านเพื่ออยู่จริง ราคาสร้างบ้านที่ยังคงราคาต้นทุนเดิมในไตรมาสสาม ขณะที่มีแนวโน้มต้นทุนสร้างบ้านอาจปรับตัวขึ้นได้ในช่วงปลายปีนี้และในปีหน้า จากการประกาศปรับค่าแรง 350 เป็น 400 บาทรวมถึงต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่อาจปรับตัวขึ้นจากผลกระทบภาษีทรัมป์”