‘ภูมิธรรม’ นำทีมลงพื้นที่สุรินทร์ ประชุมผู้ว่าฯ 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา สั่งเร่งรัดมาตรการเยียวยาประชาชน งดค่าน้ำ-ค่าไฟ 2 เดือน
วันนี้ (9 สิงหาคม) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ เพื่อประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา และประเมินสถานการณ์ในพื้นที่หลังมีการประกาศหยุดยิง
ภูมิธรรมกล่าวในที่ประชุมว่า ภารกิจหลักในขณะนี้คือการเป็นผู้พิทักษ์ส่วนหลังและดูแลประชาชนให้ดีที่สุด โดยภายหลังการเจรจาหยุดยิงของ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐบาลเชื่อมั่นว่าสถานการณ์มีความปลอดภัยแล้ว และประชาชนสามารถทยอยเดินทางกลับบ้านได้
ภูมิธรรมย้ำว่า แม้ประชาชนจะเดินทางกลับบ้านแล้ว ปัญหาความเดือดร้อนยังคงอยู่ ดังนั้นการเยียวยาต้องเข้าถึงทุกหมู่บ้านโดยเร็วที่สุด พร้อมชื่นชมการทำงานของผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษที่สามารถเบิกจ่ายเงินเยียวยาได้เป็นอันดับ 1 กว่า 62 ล้านบาท และขอให้ทุกจังหวัดเร่งรัดการเบิกจ่ายให้แก่ประชาชนอย่างเต็มที่
ในส่วนของการช่วยเหลือเพิ่มเติม รัฐบาลได้สั่งการให้ประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) งดเว้นการเก็บค่าไฟฟ้าน้ำเป็นเวลา 2 เดือน (กรกฎาคม-สิงหาคม) ทั้งในบ้านเรือนประชาชนและศูนย์อพยพ พร้อมให้ประสานวิทยาลัยอาชีวศึกษาเข้ามาช่วยซ่อมแซมบ้านเรือน รวมถึงสำรวจความต้องการด้านอาชีพและสาธารณสุขเพื่อดูแลผู้สูงอายุที่ยังเสียขวัญ
นอกจากนี้ ภูมิธรรมยังเปิดเผยว่า เตรียมนำเรื่องการเพิ่มค่าตอบแทนสำหรับชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) เสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า โดยจะปรับค่าเบี้ยเลี้ยงเป็นวันละ 120 บาท สำหรับผู้ปฏิบัติงาน 6-12 ชั่วโมง และวันละ 240 บาท สำหรับผู้ที่ทำงานเกิน 12 ชั่วโมงขึ้นไป โดยใช้เงินงบประมาณราว 117 ล้านบาท เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แก่ ชรบ. ทั้ง 32,740 นายใน 7 จังหวัด
ด้าน มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวชื่นชมการทำงานของทุกภาคส่วนที่ช่วยกันปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชน ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตานานาชาติดีขึ้น และไม่มีประเทศใดตำหนิการใช้สิทธิ์ป้องกันตนเอง
ในช่วงท้าย ภูมิธรรมเน้นย้ำว่า ทุกคำสั่งการนับจากนี้ต้องยึดถืออธิปไตยของประเทศเป็นหลัก และให้ความสำคัญกับชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน พร้อมกล่าวสดุดีวีรชนและขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ในการรักษาแผ่นดินไทย