เพิ่มมูลค่าวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร สร้างรายได้เพิ่ม-ลดต้นทุนการผลิต
เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและลดต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกร โดยมี 4 หน่วยงานหลักร่วมขับเคลื่อน ได้แก่ กรมวิชาการเกษตร กรมการข้าว กรมส่งเสริมสหกรณ์ และกรมพัฒนาที่ดิน ซึ่งมีความก้าวหน้าในการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 (ต.ค. 2567 – มิ.ย. 2568)
นางธัญธิตา บุญญมณีกุล รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงาน ว่ามีความก้าวหน้าการดำเนินงานของ 4 หน่วยงานหลัก กรมวิชาการเกษตร มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีและถ่ายทอดนวัตกรรม การพัฒนาระบบ “Waste Feeder” ออกแบบระบบบริหารจัดการวัสดุเหลือใช้ผ่านแพลตฟอร์มที่เข้าถึงง่ายอย่าง Google Forms และ App Sheet เพื่อให้เกษตรกรใช้งานได้สะดวกทั้งบนสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์จัดอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีการเพิ่มมูลค่าวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรจากข้าวโพดและอ้อยให้เป็นถ่านชีวภาพ (Biochar) ให้แก่เกษตรกรแล้ว 65 ราย และดำเนินการในพื้นที่แล้ว 2,500 ไร่ จากเป้าหมาย 3,500 ไร่ ( 71.43%)
กรมการข้าว จัดทำแปลงสาธิตส่งเสริมการใช้ชีวภัณฑ์ต้นแบบสำหรับย่อยสลายฟางข้าวในพื้นที่ 50 ไร่ เพื่อปรับปรุงโครงสร้างดินให้ร่วนซุยและเพิ่มธาตุอาหาร สนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปจากฟางข้าว โดยสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ต้นแบบ “ปุ๋ยอัดเม็ดจากฟางข้าว” ให้กับ 2 กลุ่มเกษตรกรเป้าหมายได้สำเร็จ ได้แก่ ศูนย์ข้าวชุมชนตำบลสะลวง จังหวัดเชียงใหม่ และวิสาหกิจชุมชนศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวชุมชน บ้านโป่งแดง จังหวัดสุพรรณบุรี
กรมพัฒนาที่ดิน สร้างฐานข้อมูลเพื่อการบริหารจัดการอย่างยั่งยืน กรมส่งเสริมสหกรณ์ สร้างความเข้มแข็งให้แก่สถาบันเกษตรกร อบรมสร้างองค์ความรู้: จัดกิจกรรมอบรมการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ประโยชน์จากวัสดุเหลือใช้เพื่อลดต้นทุนและสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยมีผู้เข้ารับการอบรมถึง 341 ราย เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 300 ราย (113.67%) และ ดำเนินการสำรวจชนิดและปริมาณวัสดุเหลือใช้ในสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการครบ 130 แห่งตามเป้าหมาย ( 100%)
ทั้งนี้ ศูนย์ประเมินผลของ สศก. ได้ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานและพบผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรม ณ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (กรมวิชาการเกษตร) พบโมเดลการจัดการ Recycle waste และแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง (Up-steaming products) ที่น่าประทับใจ โดยนำผักที่ถูกคัดทิ้งมาแปรรูปเป็น ข้าวเกรียบผักปรุงรส คุกกี้ และผงผักผลไม้พร้อมชง ซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ ที่สำคัญคือ เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการสามารถผลิตสินค้าในรูปแบบ OEM (Original Equipment Manufacturer) สร้างแบรนด์ของตนเองได้ ส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
ขณะที่วิสาหกิจชุมชนฯ บ้านโป่งแดง จ.สุพรรณบุรี (กรมการข้าว) พบความสำเร็จในการนำวัสดุเหลือใช้ในชุมชน (เปลือกถั่วเขียว, ฟางข้าว, มูลสัตว์) มาผลิตเป็นปุ๋ยอัดเม็ด โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน คิดค้นสูตรปุ๋ยที่เหมาะสมกับสภาพดินในพื้นที่ นอกจากนี้ การส่งเสริมการใช้จุลินทรีย์ย่อยสลายฟางข้าวแทนการเผา ไม่เพียงแต่ช่วยลดปัญหา PM 2.5 และสร้างโอกาสจากคาร์บอนเครดิต แต่ยังช่วย เพิ่มผลผลิตข้าวจากเดิมไร่ละ 500 กิโลกรัม เป็นไร่ละ 800 กิโลกรัม
จะเห็นได้ว่าการดำเนินงานของทุกหน่วยงานภายใต้โครงการนี้ สามารถเปลี่ยนวัสดุเหลือใช้ที่อาจกลายเป็นขยะของชุมชน ให้กลายเป็นทรัพยากรที่มีค่าได้อย่างแท้จริง ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ลดต้นทุน และรักษาสิ่งแวดล้อม ตามแนวคิด ‘เปลี่ยนจากการทิ้งของเหลือใช้ให้เป็นเงิน’ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตของครัวเรือนเกษตรกรให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืนต่อไป