ยุติชื่นมื่น! ‘น้องเมย์’ ยิ้มออกหลังเจ้าหน้าที่ยอมรับผิดพลาดพร้อมเยียวยา
กรณีนางสุพร อายุ 54 ปี แม่ค้าขายกะหรี่ปั๊บ ใน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ร้องเรียนขอความเป็นธรรมและช่วยเหลือ น้องเมย์ อายุ 22 ปี บุตรสาวที่มีอาการเครียดและคิดสั้น จนต้องคอยปลอบใจและดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่กล้าให้อยู่บ้านคนเดียวหวั่นคิดสั้น หลังสมัครสอบเข้าเป็นพนักงานหน่วยงานแห่งหนึ่ง ประกาศผลสอบได้ลำดับที่ 1 และเข้ารายงานตัวทำสัญญาจ้าง พร้อมใช้เงินสดประกันสัญญา แต่ก่อนถึงวันทำงาน 1 วัน กลับถูกบอกยกเลิกสัญญาจ้าง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ฝันสลาย!สาวสอบคัดเลือกหน่วยงานราชการได้ที่1 สุดงงก่อนวันทำงานถูกยกเลิก
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่หน่วยงานดังกล่าวได้มอบหมายให้ นายเกรียงศักดิ์ ภู่พันธ์ตระกูล หรือรู้จักกันในนาม "โกก้าว" นักธุรกิจใหญ่และผู้กว้างขวางและใจบุญ เจ้าของกิจการภัตตาคารกลางเมืองนครศรีธรรมราช พร้อม พ.ต.อ.ประภาส ศรีสังข์จร ผกก.สภ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช เป็นตัวแทนในการชี้แจง เยียวยาช่วยเหลือน้องเมย์ และครอบครัว โดยนัดพบกันที่สำนักข่าว “คนข่าวตัวดำ” ไพฑูรย์ อินทศิลา สื่ออาวุโสจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีพี่หลวงย้อย เจ้าของเพจ “พี่หลวงย้อยมาแล้ว” ร่วมเป็นสักขีพยาน
นายเกรียงศักดิ์ หรือโกก้าว กล่าวว่า เนื่องจากเจ้าหน้าที่ที่กระทำผิดพลาดเป็นญาติของตน และยอมรับผิดในความบกพร่องที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่ได้เป็นการกระทำทุจริต มีเบื้องหน้าเบื้องหลังแต่อย่างใด และได้มีการชี้แจงอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร ทั้งระเบียบการรับสมัคร คำสั่งในแต่ละขั้นตอนอย่างถูกต้องทุกอย่าง อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับน้องเมย์ และครอบครัว เป็นเรื่องที่ละเลยไม่ได้ ตนจะรับผิดชอบดูแลเยียวยาเรื่องค่าใช้จ่าย หนี้สิน และระยะเวลาที่รอทำงาน แต่หากน้องเมย์ ต้องการทำงาน ตนก็พร้อมจะรับเข้าทำงานด้านการเงิน บัญชีหรือคอมพิวเตอร์ที่ภัตตาคารของตนจนกว่าน้องเมย์ จะสมัครเข้าทำงานในหน่วยงานราชการหรืออื่น ๆ ตามความต้องการในอนาคตต่อไป
ด้านน้องเมย์ กล่าวว่า ตนและแม่ไม่ได้กล่าวหาหน่วยงานดังกล่าวว่าทุจริตหรือมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง เพราะทางหัวหน้างานและพี่ ๆ ในสถานที่ทำงาน ได้ร่วมกันชี้แจงเรื่องราวรายละเอียดความผิดพลาดที่เกิดจากเจ้าหน้าที่รับสมัคร ที่ระบุคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งไว้อย่างละเอียด แต่ตนใช้วุฒิการศึกษาสาขาการบริหารจัดการ ซึ่งไม่ตรงกับข้อกำหนดคุณสมบัติผู้สมัครสอบจริง ซึ่งเจ้าหน้าที่จุดนี้บกพร่องแค่ไม่ตรวจสอบให้ละเอียด ให้ตนสมัครและเข้าสอบได้ลำดับที่ 1 แต่เมื่อรายงานตัวทำสัญญาจ้างส่งให้ทางหน่วยเหนือ ทางหน่วยเหนือแจ้งว่า “ไม่ตรงกับสาขาที่เปิดรับสมัครสอบ” และนอกจากตนแล้ว ผู้ที่ประกกาศรายชื่อ 5 คน มีคุณสมบัติไม่ตรงถึง 3 คน ประกอบด้วย ตนและผู้ได้ลำดับที่ 4 และ 5 ส่วนลำดับที่ 2 และ 3 คุณสมบัติตรงตามที่กำหนด จึงมีการประกาศยกเลิกการประกาศครั้งแรก และประกาศใหม่ซึ่งผู้สอบผ่านแค่ 2 คนเท่านั้น
น้องเมย์ กล่าวอีกว่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทางหัวหน้าและพี่ๆ ในที่ทำงานเขาต่างเสียใจและยอมรับความผิดพลาดในการเรียกตนมายกเลิกสัญญาจ้าง แต่หลังจากกลับไปบ้านก็คิดมาก รู้สึกเครียดรับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งยอมรับว่าตอนแรกคิดสั้นจริง ๆ จนพ่อ แม่วิตกกังวลเป็นห่วงว่าตนจะคิดสั้นจริง ๆ แม่จึงตัดสินใจโทรฯ ไปปรึกษาและร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ “คนข่าวตัวดำ” ไพฑูรย์ อินทศิลา ผู้สื่อข่าวอาวุโส และหลังจากคนข่าวตัวดำลงมาช่วย กระทั่งทางหน่วยงานมอบหมายให้ผู้หลักผู้ใหญ่ 2 ท่านมาพบ ยอมรับความผิดพลาดและพร้อมเยียวยาช่วยเหลืออย่างจริงจัง ทำให้ตนมีกำลังใจดีขึ้นมาก และสัญญาว่าจะไม่วู่วามคิดสั้นอีกต่อไป
น้องเมย์ กล่าวว่า ตนไปสมัครสอบเข้านายสิบตำรวจ สังกัดกองพิสูจน์หลักฐาน มีกำหนดสอบในเดือนสิงหาคม 2568 นี้ จะตั้งใจอ่านหนังสือเพื่อสอบให้ผ่านให้ได้ หากสอบผ่านและเข้ารับราชการเป็นนายสิบตำรวจ จะลงเรียนปริญญาตรีสาขานิติศาสตร์เพิ่มอีก 1 ใบ เพื่อสอบเข้าเป็นนายตำรวจต่อไป และขอขอบพระคุณทุกคนทุกฝ่ายทั้งหัวหน้าและเจ้าหน้าที่ในหน่วยงาน ผู้ใหญ่ทั้งสองท่านที่ยื่นมือเข้ามาเยียวยาช่วยเหลือ เหตุการณ์และเรื่องราวครั้งนี้ นับว่าเป็นบทเรียนบททดสอบสำคัญให้ตนได้เป็นอย่างดี และจะเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมในการทำงานที่ต้องมีความละเอียดรอบคอบ เพื่อจะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นมาอีก