ไม่ใช่แค่โสดด้วยความสามารถ… ชวนดูสารพัดเหตุผลที่ทำให้บางคนไม่อาจเริ่มต้นความสัมพันธ์กับใครสักคนได้เสียที จาก ‘Better Late Than Single’ รายการเรียลลิตี้เดตรวมคนโสดที่ไม่เคยมีแฟนตลอดชีวิต
โดยปกติแล้ว ในรายการเดตทั่วไป ผู้ชมมักจะได้เห็นการจีบการอ่อยที่ทรงเสน่ห์จากผู้เข้าร่วม แต่นั่นไม่ใช่สำหรับ ‘Better Late Than Single’ รายการเรียลลิตี้เดตทาง Netflix ซึ่งรวมคนโสดที่ไม่เคยมีแฟนตั้งแต่เกิดมาอยู่ร่วมกัน เพื่อออกเดตเป็นครั้งแรกในชีวิต ทำให้ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่มีความเงอะงะ กระอักกระอ่วน และทำตัวไม่ถูกเมื่อต้องเริ่มทำความรู้จักกับคนที่สนใจ
ความพิเศษของรายการนี้คือ ผู้เข้าร่วมทุกคนจะได้ปรับบุคลิกภาพ พร้อมทั้งได้รับคำปรึกษาจากเหล่าผู้ช่วยและผู้เชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะเป็นด้านกายภาพบำบัด, แฟชั่น, การควบคุมน้ำหนัก, การพูด รวมถึงสุขภาพทางใจ ซึ่งใช้เวลาทั้งหมด 6 สัปดาห์ในการพัฒนาส่วนต่างๆ ที่แต่ละคนต้องการ เพื่อต่อยอดข้อดีของตนเอง และเติมเต็มข้อบกพร่องที่ต้องการปกปิด ก่อนที่พวกเขาจะได้พบกันเป็นครั้งแรกในรีสอร์ตคนโสด
“ฝากถึงแฟนในอนาคต ถึงฉันในตอนนี้จะยังบกพร่องอยู่มาก ฉันจะเป็นผู้ชายที่ดีขึ้น และพยายามต่อไปเรื่อยๆ นะ” - โนแจยุน, โสดมาแล้ว 27 ปี
บางคนอาจจะมองว่า ทำไมเราจะต้องพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อมีความรักด้วย ทำไมเราไม่ตามหาคนที่รักในแบบที่เราเป็น? การคิดแบบนั้นก็ไม่ใช่เรื่องผิด และสามารถเข้าใจได้ ขณะเดียวกัน การพยายามพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นเพื่อความรัก ก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไรเช่นกัน ตราบใดที่การเปลี่ยนแปลงนั้นมาจากความต้องการของตัวเราเองจริงๆ ไม่ใช่เพราะความคิดเห็นของคนอื่น หรือการกดทับจากสังคม
อีกทั้ง การปรับบุคลิกภาพและพัฒนาด้านต่างๆ ในรายการ ‘Better Late Than Single’ ก็ถือเป็นการทำเพื่อตัวเอง ไม่ใช่เพื่อคนอื่น เพราะการกระทำนี้เกิดขึ้นจากความต้องการประสบความสำเร็จในด้านความรัก และความสมัครใจที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองของผู้เข้าร่วมรายการเอง
ครั้งนี้จึงอยากพาทุกคนไปทำความรู้จักกับผู้เข้าร่วมบางส่วนในรายการ ‘Better Late Than Single’ ซึ่งมีความกล้าและความพยายามที่จะออกจาก Comfort Zone ของตัวเอง เพื่อมีแฟนครั้งแรกในชีวิต เพราะพวกเขาไม่ใช่แค่ ‘โสดด้วยความสามารถ’ แต่ยังมีเรื่องราวเบื้องหลังตัวตน เหตุผลส่วนตัว และปัญหาที่ค้างคาในใจ เช่น ความไม่มั่นใจในตัวเอง บาดแผลจากครอบครัว การตั้งบรรทัดฐานสูง (เพราะรักตัวเอง) และการอึดอัดกับเพศตรงข้าม เป็นต้น ซึ่งทำให้ที่ผ่านมา พวกเขาไม่สามารถเริ่มต้นความสัมพันธ์กับใครอย่างจริงจังได้เสียที
โนแจยุน นักออกแบบสามมิติ ที่โสดมาแล้ว 27 ปี เขาคนนี้เป็นคนขี้อาย โลกส่วนตัวสูง และเข้าถึงยาก ซึ่งหนึ่งในปัญหาหลักของเขาก็คือ การพูดเสียงเบาและไม่กล้าสบตาคนอื่น ทำให้การสื่อสารเพื่อทำความรู้จักกับคนอื่นเป็นเรื่องยากสำหรับเขา ก่อนจะย้ายเข้าไปอยู่ในรีสอร์ตคนโสด โนแจยุนจึงได้เรียนรู้และฝึกฝนการพูดอย่างมั่นใจจากผู้เชี่ยวชาญ พร้อมปรับบุคลิกภาพอื่นๆ ให้มั่นใจขึ้นเช่นเดียวกัน
“ผมมีเวลาออกไปพบปะผู้คนน้อย เลยทำให้ผมรู้สึกว่าการพูดกับคนอื่นเป็นเรื่องยาก ผมอยากภูมิใจในตัวเองมากกว่านี้ เข้าหาผู้คนได้อย่างไร้อุปสรรค และมีแฟนสักคนให้ได้ครับ”
พักจียอน โสดมาแล้ว 26 ปี ซึ่งเธอไม่เคยไปนัดบอด หรือพยายามมีแฟนเลย เนื่องด้วยสาเหตุสำคัญอย่างเรื่อง ‘บาดแผลจากครอบครัว’ โดยเธอเติบโตมาในครอบครัวที่คุณพ่อไม่ได้เป็นต้นแบบที่ดีเท่าไรนัก ส่งผลให้เธอปิดกั้นตนเอง และไม่กล้าคบหากับผู้ชายคนไหน เพราะกลัวว่าเขาจะเป็นแบบพ่อของตนเอง
ที่ผ่านมา เธอกล่าวโทษตัวเองหนักมาก และตั้งคำถามว่า เธอเป็นตัวต้นเรื่องของปัญหาทั้งหมดหรือไม่ แต่การเข้าร่วมรายการ ‘Better Late Than Single’ ทำให้เธอได้พูดคุยปรึกษากับจิตแพทย์ จนเริ่มเข้าใจว่า เธอเองก็พยายามมาดีมากแล้ว เธอจึงตัดสินใจที่จะทลายกำแพงความอคติของตัวเอง และอยากให้ทุกคนเห็นว่าเธอเดินไปข้างหน้าแล้ว
“ฉันเป็นคนที่หลีกเลี่ยงเองด้วยค่ะ ตอนที่ฉันยังเด็ก ฉันไม่ได้เติบโตมาโดยที่มีพ่อเป็นต้นแบบที่ดีนัก ฉันก็เลยคิดว่าสุดท้ายแล้ว ผู้ชายคนนั้นก็น่าจะเป็นเหมือนกัน ฉันค่อนข้างมีความคิดยึดติดแบบนั้นพอสมควร ฉันก็เลยผลักไสทุกคนที่เข้ามาในชีวิต ถึงจะมีคนแสดงออกว่าสนใจฉัน ฉันก็มักจะคิดไปเองว่า เขาไม่จริงใจ และรู้สึกอึดอัดด้วยค่ะ”
อีมินฮง โสดมาแล้ว 28 ปี สาวมั่นใจที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรในความสัมพันธ์ ซึ่งถือเป็นข้อดีของตัวเธอเลยก็ว่าได้ เพราะมันแสดงให้เห็นว่า เธอรักตัวเองมากพอ จนไม่อยากเสียใจหรือเสียเวลาไปกับคนที่ไม่ใช่ แต่อย่างไรก็ตาม การมีบรรทัดฐานที่ชัดเจนในการคบหากัน กลับทำให้เธอปิดกั้นตัวเองมากเกินไป และไม่ยอมเปิดใจให้ใครง่ายๆ
แม้ก่อนหน้านี้ เธอจะเคยนัดบอดมาหลายต่อหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่เคยพัฒนาความสัมพันธ์ไปถึงขั้นที่เรียกว่า ‘แฟน’ ได้เลย เพราะจริงๆ แล้ว ทุกคนต่างก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย การจะรักใครสักคนจึงไม่ใช่เพียงแค่ชื่นชอบในข้อดี แต่ต้องยอมรับข้อเสียบางอย่างของอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน (โดยไม่เกินขอบเขตจนทำร้ายตัวเอง)
“ตลอดเจ็ดเดือน ฉันนัดบอดประมาณ 20-30 ครั้ง ฉันก็ออกไปเดตเป็นกลุ่มเยอะมากเหมือนกัน แต่ฉันอยากเจอใครสักคนที่วางแผนอนาคตร่วมกันได้ …ฉันชอบทำอะไรแล้วเห็นผล เพราะงั้นฉันเลยเสียดายเวลากับความสัมพันธ์ที่คบแล้วก็เลิกค่ะ แล้วฉันก็มีมาตรฐานในแบบของตัวเอง”
คังจีซู โสดมาแล้ว 26 ปี ซึ่งแม้เธอจะมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูดีตามมาตรฐานความงามของสังคมเกาหลี จนได้รับความประทับใจแรกสูงสุดจากผู้ชายในรายการ แต่จริงๆ แล้ว เธอเองก็มีปัญหาที่กระทบต่อการมีความสัมพันธ์เช่นกัน นั่นคือ เธอรู้สึกอึดอัดใจเมื่อต้องอยู่กับผู้ชาย เพราะส่วนใหญ่เธอคลุกคลีกับผู้หญิงในทุกช่วงชีวิต นอกจากนี้ คังจีซูยังเป็นคนติดบ้าน ทำให้เธอไม่ได้ออกไปทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ ด้วยสาเหตุเหล่านี้ เธอจึงได้พูดคุยกับจิตแพทย์ เพื่อให้เธอกล้าที่จะลงมือทำและกล้าที่จะเสี่ยงรับความเจ็บปวด เพื่อความรักที่ต้องการ
“เวลาฉันพบปะผู้คน รู้สึกเหมือนฉันชอบปิดกั้นตัวเอง แต่กับผู้หญิงฉันไม่เป็นแบบนั้นนะคะ ตอนมัธยมต้นผู้หญิงกับผู้ชายแยกกันเรียน ตอนมัธยมปลายก็มีผู้หญิง 40 คน ผู้ชายแค่ 5 คน และฉันก็จบจากมหาลัยหญิงล้วนอีก เพราะแบบนี้ฉันก็เลยอึดอัดเวลาอยู่กับผู้ชายค่ะ”
“ฉันชอบการอยู่บ้านคนเดียวมากกว่าค่ะ ถ้าออกนอกบ้านก็มีหลายอย่างที่ทำให้ฉันหมดแรงเยอะมาก ยิ่งทำให้ฉันอยากกลับบ้าน จนกลายเป็นคนติดบ้านเลยค่ะ ฉันเคยอยู่บ้านคนเดียวเป็นเดือนๆ เลย พอฉันไม่ได้พูดนานๆ เข้า ฉันเองก็ลืมวิธีการพูดไปเหมือนกันค่ะ”
คิมยอมยอง โสดมาแล้ว 26 ปี ภายใต้รอยยิ้มหวานๆ นั้นมีความไม่มั่นใจเรื่องรูปร่างซ่อนอยู่ โดยเธอมองว่าตนเองค่อนข้างอวบ หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เธอคิดเช่นนั้น อาจเป็นเพราะบรรทัดฐานความงามในเกาหลีที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ก่อนการพบเจอกันครั้งแรก เธอจึงเข้าร่วมคลาสออกกำลังกายเพื่อควบคุมน้ำหนัก โดยมีเทรนเนอร์ส่วนตัวช่วยดูแล อีกทั้ง คิมยอมยองยังเล่าว่า โดยปกติเธอไม่ค่อยสนใจเรื่องมีแฟน เพราะเพื่อนรอบตัวต่างโสดเหมือนกัน แต่เมื่ออายุ 26 เพื่อนรอบตัวก็เริ่มมีแฟนกันหมด เธอจึงรู้สึกว่า ถึงเวลาแล้วที่เธอจะมีแฟนเหมือนคนอื่นบ้าง
“ฉันค่อนข้างอวบก็เลยใส่เสื้อผ้าไม่ค่อยสวย ฉันอยากแก้ไขปัญหานี้จากการฟิตหุ่น ฉันอยากใส่เสื้อผ้าแล้วออกมาสวย”
คิมซังโฮ โสดมาแล้ว 27 ปี เขาคนนี้แทบไม่มีผู้หญิงรอบตัว จึงทำให้ไม่มีโอกาสได้สานสัมพันธ์กับใคร โดยใน 3 ตอนแรกของรายการ Better Late Than Single จะพบว่า เขาทำตัวไม่ถูกเมื่อต้องไปออกเดตกับคังจีซู ทำให้บรรยากาศระหว่างทั้งคู่เต็มไปด้วยความอึดอัด และในขณะที่ผู้เข้าร่วมรายการคนอื่นๆ พยายามแสดงความรู้สึกให้คนที่สนใจรับรู้ แต่เขากลับไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้เท่าไรนัก
“ผมจบจากโรงเรียนชายล้วน และเรียนด้านวิศวกรรม จากนั้นผมก็ไปเข้ากรมต่อ ก็เลยทำให้รอบตัวมีแต่ผู้ชาย ผมไม่ค่อยมีโอกาสเจอผู้หญิงเลยครับ”
หากมองย้อนกลับมาในสังคมทั่วไป หลายคนก็อาจกำลังติดอยู่กับกรอบบางอย่างจากทั้งตัวเองและความคาดหวังของสังคม ดังนั้น การได้มองเห็นความพยายามของผู้เข้าร่วมรายการ ‘Better Late Than Single’ ซึ่งสมัครใจที่จะเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตัวเอง เพื่อตอบโจทย์ชีวิตด้านความรัก ก็ถือเป็นแง่มุมที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะอาจทำให้เราได้ทบทวนความคิด เข้าใจตัวเอง และตระหนักถึงสิ่งที่เราต้องการในความสัมพันธ์มากขึ้น
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
- ไม่ใช่แค่โสดด้วยความสามารถ… ชวนดูสารพัดเหตุผลที่ทำให้บางคนไม่อาจเริ่มต้นความสัมพันธ์กับใครสักคนได้เสียที จาก ‘Better Late Than Single’ รายการเรียลลิตี้เดตรวมคนโสดที่ไม่เคยมีแฟนตลอดชีวิต
- อัปเดตภาคต่อหนังแฟชั่นแห่งยุค! The Devil Wears Prada 2 กับการเปลี่ยนผ่านสู่โลกดิจิทัลและวิกฤติของสื่อแฟชั่น ที่แฟนๆ หวังว่ามันจะโอบรับความแตกต่าง และใจดีกับทุกคนมากขึ้น
- Colors of the Wind เพลงจากการ์ตูน Pocahontas อายุ 30 ปีที่อยู่ๆ ก็โดนใจคนเจนฯ Z เพราะมันอาจพูดถึงสถานการณ์โลกและผู้คนยุคนี้ได้อย่างร่วมสมัย
ตามบทความก่อนใครได้ที่
- Website : Mirror Thailand.com