ผู้ป่วยเอดส์รักษาได้ 1-2 เดือนกลับไปทำงานปกติ อย่าตกเป็นเหยื่อเรี่ยไร
"เอชไอวี" (HIV) หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ เอดส์ เป็นโรคที่มนุษย์ต่อสู้มายาวนาน ซึ่งมีหลายคนที่ยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้ ถึงขั้นตอนวิธีการรักษาและการกลับมาใช้ชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป
ล่าสุด ผศ.(พิเศษ) พญ.จุรีรัตน์ บวรวัฒนุวงศ์ นายกสมาคมโรคเอดส์แห่งประเทศไทย กล่าวในงานแถลงข่าว เอดส์ประเทศไทย: ก้าวได้ไกล ไปใกล้ถึง ว่า "การรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีในประเทศไทยที่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งปัจจุบันยาต้านไวรัสมีประสิทธิภาพดีขึ้นอย่างมาก ผู้ที่รับยาต้านไวรัสอย่างต่อเนื่องเพียง 3 เดือน จะไม่แพร่เชื้อสู่ผู้อื่น และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ มีครอบครัวและมีบุตรได้ นอกจากนี้ ยังมียาต้านไวรัสสำหรับกินเพื่อป้องกันการติดเชื้อได้อีกด้วย"
จากนั้น ศ.กิตติคุณ นพ.ประพันธ์ ภานุภาค กรรมการและที่ปรึกษาสมาคมโรคเอดส์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า "เมื่อติดเชื้อแล้วรักษาด้วยยาต้านไวรัสภายใน 1-2 เดือน ก็กลับไปทำงานหาเลี้ยงชีพได้ ไม่ได้เป็นภาระกับใครหรือครอบครัว เพราะรัฐบาลจ่ายค่ารักษาให้ เมื่อรักษาครบ 3 เดือน ผู้ติดเชื้อจะไม่สามารถแพร่เชื้อให้ใครได้เลย แม้จะจงใจแพร่เชื้อก็ตาม เพราะปริมาณเชื้อจะน้อยมาก"
ทางด้าน นายนิมิตร์ เทียนอุดม ประธานคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบและกำกับติดตามการเข้าถึงบริการผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยโรคเอดส์ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และวัณโรค ปิดท้าย "วัดพระบาทน้ำพุ ไม่มีความจำเป็นแล้วใน พ.ศ.นี้ ถ้าเราทำให้ทุกคนที่มีความเสี่ยงรีบตรวจ รีบรักษา ภายใน 3 เดือน จะไม่มีผู้ป่วยระยะสุดท้ายต้องไปนอนที่วัดแบบนั้น เรายังมีผู้เสียชีวิตจากเอดส์เพราะรู้ตัวช้า รักษาช้า 30 ปีที่แล้ว วัดโฆษณาว่าเป็นที่พึ่งพิงสุดท้าย ผมกับเพื่อนเข้าไปคุยกับพระอาจารย์อลงกต เพราะกังวลว่าคนจะยิ่งรังเกียจและกลัว อยากให้ครอบครัวเข้าใจเป็นที่พึ่งพิงที่สำคัญ แต่วัดก็เติบโตขึ้น ส่วนผมก็ต้องมาทำงานรณรงค์แบบนี้"
ทั้งนี้หากต้องการปรึกษาสามารถโทรสายด่วน 1330 หรือ 1663 เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับการตรวจหาเอชไอวี หรือใช้แอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ในส่วนของบริการส่งเสริมป้องกัน โดยระบบได้เตรียมชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง (HIV self-test) ไว้ปีละ 1 ล้านชุด และมีการให้บริการตรวจในโรงพยาบาล