กต. ประณามกัมพูชา ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา หลังทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดซ้ำ
กต. ประณามกัมพูชา ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ข้อตกลงหยุดยิง หลังทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดซ้ำ ร้องกัมพูชา เลิกปิดหูปิดตา ปชช. รับข่าวสาร หวัง RBC คุยร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดน
วันที่ 13 ส.ค. 68 ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า สำหรับพัฒนาการล่าสุดในกรณีสถานการณ์บริเวณชายแดนไทยกัมพูชา โดยกรณีการลอบวางระเบิดสังหารบุคคลบริเวณชายแดนไทยกัมพูชานั้น เมื่อช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ของไทยยังคงปฏิบัติหน้าที่บริเวณชายแดนไทยกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง และเหตุการณ์ที่น่าเสียใจ และไม่ควรเกิดขึ้นคือ กำลังพลทหารของไทยได้รับบาดเจ็บบาดเจ็บถึงขั้นทุพพลภาพถาวร จากการเหยียบทุนระเบิดสังหารบุคคล ขณะเดินลาดตระเวนในพื้นที่อธิปไตยของไทยถึง 2 ครั้ง บริเวณพื้นที่รอยต่อจังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นที่น่าผิดหวังอย่างยิ่งที่เหตุเกิดเพียงไม่กี่วันหลังทั้งสองฝ่ายบรรลุรายละเอียดข้อตกลงหยุดยิงในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สมัยวิสามัญ เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 68 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะยุติการใช้อาวุธทุกรูปแบบรวมถึงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลด้วย โดยกระทรวงการต่างประเทศขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับทหารไทยทุกนายที่ได้รับบาดเจ็บ และขอให้ฟื้นตัวจากการบาดเจ็บโดยเร็ว
นายนิกรเดช กล่าวอีกว่า เกี่ยวกับเรื่องนี้กระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์ 2 ฉบับ เพื่อประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลจากฝ่ายกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของไทยที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ รวมทั้งหลักการพื้นฐานของกฎประชาชาติ และเป็นการละเมิดพันธะกรณีตามอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลหรืออนุสัญญาออตตาวา และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างชัดเจน ตั้งแต่เหตุการณ์ปะทะครั้งแรกทหารไทยต้องเหยียบกับระเบิดหลายครั้ง ซึ่งหลายกรณีส่งผลให้ทหารไทยทุพพลภาคถาวร เหตุการณ์เหล่านี้สะท้อนพฤติการณ์ที่ไม่สุจริตใจ และความไม่จริงใจของฝ่ายกัมพูชาในการปฏิบัติตามอนุสัญญาออตตาวา และข้อตกลงหยุดยิง
นายนิกรเดช กล่าวต่อว่า ในการนี้ฝ่ายไทยขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชายุติการกระทำที่ละเมิดอนุสัญญา และข้อตกลงหยุดยิง โดยขอให้ฝ่ายกัมพูชาแสดงความจริงใจที่จะฟื้นฟูสันติภาพบริเวณชายแดนตามที่กัมพูชาได้แถลงต่อประชาคมโลก จนถึงปัจจุบันการกระทำของฝ่ายกัมพูชายังคงเป็นการกระทำที่สวนทางกับคำพูดและไทยยังคงเรียกร้องให้กัมพูชาร่วมมือกับไทยในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบริเวณชายแดน โดยไทยได้หยิบยกสิ่งนี้กับกัมพูชามาโดยตลอด แต่ถูกปฏิเสธหรือบ่ายเบี่ยงโดยฝ่ายกัมพูชา ในการนี้ฝ่ายไทยหวังว่าประเด็นสำคัญในการเก็บกู้ทุนระเบิดจะได้รับการพิจารณาในการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) และการประชุม GBC ที่จะมีขึ้นอีกครั้งในอนาคตอันใกล้นี้
นอกจากนี้ นายนิกรเดช กล่าวอีกว่า ในส่วนของการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศโดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์การใช้ทุนระเบิดสังหารบุคคลของฝ่ายกัมพูชา และการดำเนินการของกระทรวงต่างประเทศล่าสุดเพื่อตอบโต้กรณีดังกล่าว เพิ่มเติมจากสิ่งที่กระทรวงได้ทำมาโดยตลอดตั้งแต่ต้น คือ หลังจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 68 และ 12 ส.ค. 68 ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศมิได้นิ่งนอนใจโดยได้มีหนังสือประท้วงไปยังกัมพูชาต่อทั้งสองกรณีอีกครั้งหนึ่ง
ในส่วนของกรอบพหุภาคี เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำนครเจนีวา ได้มีหนังสือถึงประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ครั้งที่ 22 เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 68 เพื่อร้องเรียนการละเมิดพันธะกรณีของกัมพูชาการที่เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทย ณ นครนิวยอร์ก มีหนังสือหนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติอีกฉบับหนึ่ง เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีการละเมิดอนุสัญญาของกัมพูชาครั้งล่าสุดนี้ด้วย นอกจากนี้ที่ผ่านมาทูตทั้ง 2 คน ยังได้เข้าพบประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ครั้งที่ 22 และเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ รวมถึงผู้แทนระดับสูงของรัฐภาคีอนุสัญญา ตลอดจนองค์กรภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอให้ดำเนินการต่อการละเมิดพันธะกรณีของกัมพูชา รวมทั้งชี้แจงข้อเท็จจริงต่อคณะกรรมการการปฎิบัติตามอนุสัญญาของกรอบอนุสัญญาซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง
โดยล่าสุด นายมาริษ ได้โทรศัพท์หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ในฐานะที่ญี่ปุ่นเป็นประธานอนุสัญญาประจำปี 2568 เพื่อขอให้ใช้กลไกในกรอบอนุสัญญาตะวาดำเนินการกับการกระทำของกัมพูชา และได้โทรศัพท์พูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของมาเลเซีย และสิงคโปร์ เพื่อขอใช้กลไกอาเซียนในการกดดันให้กัมพูชาให้ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดด้วย และในวันวันศุกร์ที่ 15 ส.ค. 68 นี้ กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับกระทรวงกลาโหมจะเชิญคณะทูตของประเทศผู้บริจาค และองค์กรระหว่างประเทศด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดมารับฟังข้อมูลการละเมิดอนุสัญญาและท่าทีของกัมพูชาในการปฏิเสธความร่วมมือกับฝ่ายไทยในภารกิจการเก็บกู้ทุ่นระเบิด โดยจะเรียกร้องให้สหรัฐทบทวนการให้ความช่วยเหลือต่อกัมพูชาต่อไป ในขณะเดียวกันในวันเสาร์ที่ 16 ส.ค. 68 นี้ กระทรวงการต่างประเทศพร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะจัดให้ผู้แทนประเทศ และองค์กรเหล่านี้ลงพื้นที่สังเกตการณ์ความเสียหายจริง และรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทุ่นระเบิด
นายนิกรเดช ยังกล่าวถึงสำหรับกรณีการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารของกัมพูชานั้น ว่า ที่ผ่านมาเรายังคงพบเห็นการเผยแพร่ข่าวปลอม และการบิดเบือนจากฝ่ายกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง จากหน่วยงานภาครัฐ และสื่อกัมพูชา ซึ่งขัดต่อข้อตกลงการหยุดยิงของที่ประชุม GBC สมัยพิเศษที่ระบุให้งดเว้นการกระทำดังกล่าว เพื่อลดความตึงเครียด และความรู้สึกเชิงลบของสาธารณะชน และส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจรจาอย่างสันติ นอกจากนี้แล้วยังมีการปิดบังการเข้าถึงข้อมูลในช่องทางต่างๆของประชาชนกัมพูชา ซึ่งตนเองหมายถึงสื่อหลักของไทยเกือบทั้งหมดด้วย ตนเองขอยกตัวอย่างการแถลงข่าวของตนเองในวันนี้ก็ถูกบล็อก และปิดกั้นโดยรัฐบาลกัมพูชาไม่ให้สาธารณะชนได้เห็น โดยสิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่ากัมพูชากำลังปิดหูปิดตาประชาชนตนเองไม่ให้รับฟังข้อมูลรอบด้าน โดยจำกัดให้ประชาชนกัมพูชารับฟัง และรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ตนตนเองเป็นผู้ป้อนให้เท่านั้น การกระทำเช่นนี้ถือเป็นการละเมิดเสรีภาพสื่อ และสิทธิในการรับทราบข้อมูลข่าวสารของประชาชน
ทั้งนี้ นายนิกรเดช ยังกล่าวอีกว่า ประเทศไทยขอเรียกร้องให้ทางการกัมพูชาเปิดกว้างให้ประชาชนกัมพูชาเข้าถึงข้อมูลข่าวสารอย่างอิสระ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้วิจารณญาณ และดุลพินิจในการรับรู้ด้วยตนเอง ในขณะที่ฝ่ายไทยนั้นประชาชนไทยสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารจากแหล่งใดก็ได้ในโลก ซึ่งรัฐบาลไทยไม่เคยปิดกั้น และขอย้ำว่าประชาชนชาวกัมพูชาไม่ใช่ข้อขัดแย้งของฝ่ายไทยหากแต่เป็นผู้ถูกจำกัดข้อมูลที่รอบด้านจากรัฐบาลของตนเอง
“สุดท้ายนี้ ตนขอยืนยันว่าประเทศไทยยังยึดมั่นในการปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัดโดยมีเป้าหมายเพื่อให้สถานการณ์ เข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว เพื่อความสงบสุขและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชนทั้งสองประเทศ และตนขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาแสดงความจริงใจ แสดงความสุจริตใจเพื่อยุตติสถานการณ์ความเครียดเหล่านี้โดยไม่แสดงการยั่วยุเพิ่มเติม และสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการหาทางออกอย่างสันติ และแท้จริง” นายนิกรเดช กล่าว