โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

อ่านเกมการตลาดคอลแลบส์ K Pop-คาแรคเตอร์ลิขสิทธิ์ ช่วย Moshi Moshi ชนะในตลาดค้าปลีกไลฟ์สไตล์

การเงินธนาคาร

อัพเดต 26 สิงหาคม 2568 เวลา 21.57 น. • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เจาะลึกเกมการตลาดที่ทำให้ Moshi Moshi ชนะอย่างเหนือชั้นในสมรภูมิค้าปลีกไลฟ์สไตล์ 7,000 ล้านบาท ด้วยส่วนแบ่งตลาด 40% ไม่ใช่แค่สงครามราคาและการขยายสาขา แต่ใช้กลยุทธ์ "คอลแลบ" กับศิลปิน K-Pop และคาแรกเตอร์ลิขสิทธิ์ สร้างมูลค่าทางใจให้สินค้าธรรมดากลายเป็นไอเทมที่แฟนคลับต้องมี

ตลาดค้าปลีกไลฟ์สไตล์ในประเทศไทยเป็นตลาดใหญ่ที่มีความน่าสนใจ มีการคาดการณ์ว่าในปี 2568–2569 มูลค่าตลาดอยู่ราวๆ 7,000–9,000 ล้านบาท ส่งผลให้มีการแข่งขันสูงมากตามไปด้วยจากผู้เล่นทั้งในและต่างประเทศหลายกลุ่มหลัก:

ผู้เล่นไทย: Moshi Moshi เป็นผู้นำตลาดที่โดดเด่น ด้วยความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทยเป็นอย่างดี และมีจุดแข็งด้านการขยายสาขาและการบริหารจัดการสินค้าที่หลากหลาย นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ไทยอื่นๆ เช่น Mini Mono และ Kuma Store ซึ่งเน้นสินค้าที่เข้าถึงง่ายและราคาประหยัด

ผู้เล่นจีน: แบรนด์จากจีนเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในตลาด เช่น MINISO และ KKV ซึ่งมีจุดเด่นด้านดีไซน์และเทรนด์ที่ทันสมัย และได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่ที่แข็งแกร่ง

ผู้เล่นญี่ปุ่น: แบรนด์ญี่ปุ่นอย่าง MUJI เน้นการนำเสนอสินค้าที่มีดีไซน์เรียบง่าย คุณภาพดี และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่มีราคาสูงกว่าคู่แข่งรายอื่น

ผู้เล่นจากประเทศอื่นๆ: เช่น OH! SOME จากสิงคโปร์ ก็เข้ามาสร้างสีสันให้กับตลาด

การแข่งขันในตลาดนี้มีหลายมิติ:

การขยายสาขา: ทุกแบรนด์ต่างเร่งขยายสาขาเพื่อสร้างการเข้าถึงลูกค้าให้ครอบคลุมที่สุด โดยเฉพาะในทำเลยุทธศาสตร์อย่างห้างสรรพสินค้าและแหล่งชุมชน

การสร้างความแตกต่างของสินค้า: ผู้เล่นในตลาดพยายามสร้างจุดเด่นของตัวเองผ่านกลยุทธ์ต่างๆ เช่น การร่วมมือกับคนดังและคาแรกเตอร์ลิขสิทธิ์อย่างที่ Moshi Moshi ทำ, การนำเข้าสินค้าใหม่ๆ ตามเทรนด์ หรือการพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เฉพาะกลุ่ม

สงครามราคา: เนื่องจากสินค้ามีความคล้ายคลึงกัน การแข่งขันด้านราคายังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคใช้ในการตัดสินใจ

การปรับตัวสู่ช่องทางออนไลน์: ทุกแบรนด์ต่างหันมาให้ความสำคัญกับช่องทางออนไลน์มากขึ้น เพื่อตอบสนองพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป

คอลแลบส์คนดัง–คาแรกเตอร์ลิขสิทธิ์ กลยุทธ์การตลาดที่ทำให้ Moshi Moshi ชนะ

ปัจจุบัน Moshi Moshi เป็นผู้นำตลาดที่ครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 40% ด้วยกลยุทธ์ที่รอบด้าน ทั้งการขยายสาขา การบริหารต้นทุน โดยเฉพาะคีย์สำคัญอย่างการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าผ่านการคอลแลบกับคนดังและคาแรกเตอร์ลิขสิทธิ์ที่ใช้เป็นเครื่องมือหลักในการคว้าชัยในตลาดค้าปลีกไลฟ์สไตล์ที่มีการแข่งขันสูง

ด้วยการเปลี่ยนจากแบรนด์สินค้าทั่วไปให้กลายเป็นแบรนด์ที่สร้าง "มูลค่าทางอารมณ์" (Emotional Value) และความรู้สึกร่วมกับผู้บริโภค ซึ่งช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อได้เหนือกว่าคู่แข่งที่เน้นเพียงแค่ราคา โดย:

1. สร้างความตื่นเต้นและกระตุ้นยอดขาย (Buzz & Sales Driver)

Moshi Moshi เข้าใจว่าผู้บริโภคยุคใหม่ไม่ได้ซื้อสินค้าเพียงเพราะประโยชน์ใช้สอย แต่ซื้อเพราะความรู้สึกและ "คุณค่าทางใจ" ที่ได้รับจากการเป็นเจ้าของสินค้าชิ้นนั้นๆ การคอลแลบกับศิลปิน K-Pop ยอดนิยม เช่น RIIZE, NCT Dream หรือ aespa และคาแรกเตอร์ดังๆ อย่าง Sanrio, Disney ทำให้ Moshi Moshi สามารถ:

สร้างกระแสและดึงดูดความสนใจ: ทำให้เกิดกระแสในโซเชียลมีเดียอย่างรวดเร็ว เนื่องจากฐานแฟนคลับที่กว้างขวางของศิลปินเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงและแรงผลักดันให้เกิดการซื้อสินค้า

สร้างความผูกพันทางอารมณ์: แฟนคลับจะรู้สึกเหมือนได้เป็นส่วนหนึ่งของศิลปินที่พวกเขารักผ่านการเป็นเจ้าของสินค้า ทำให้เกิดความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) และพร้อมที่จะสนับสนุนสินค้าอย่างต่อเนื่อง

2. ขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ (Market Expansion)

เดิมที Moshi Moshi มีฐานลูกค้าหลักคือกลุ่มนักเรียน, นักศึกษา, และวัยทำงานตอนต้น แต่การคอลแลบกับคนดังและคาแรกเตอร์ลิขสิทธิ์ช่วยขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มแฟนคลับ K-Pop ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและพร้อมที่จะใช้จ่ายเพื่อสิ่งที่รัก และทำให้แบรนด์สามารถเจาะกลุ่มแฟนคลับชาวไทยและชาวต่างชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. ยกระดับภาพลักษณ์แบรนด์ (Brand Positioning)

การคอลแลบกับแบรนด์หรือศิลปินที่มีชื่อเสียง ช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของ Moshi Moshi จากร้านค้าสินค้าทั่วไปให้กลายเป็นแบรนด์ที่ทันสมัยและเข้าใจเทรนด์

ทำให้ลูกค้ามองว่าสินค้าของ Moshi Moshi ไม่ใช่แค่ของราคาถูก แต่เป็นสินค้าที่มีดีไซน์น่ารัก มีคุณภาพ และมีคุณค่าทางใจ

การนำเสนอสินค้าในคอนเซ็ปต์ "ดีไซน์สวย คุณภาพดี เข้าถึงง่าย" บวกกับเอกลักษณ์ของศิลปินหรือคาแรกเตอร์ ทำให้สินค้ามีมูลค่าเพิ่มขึ้นในสายตาผู้บริโภค

4. เพิ่มยอดขายในช่องทางออนไลน์ (Online Sales Boost)

การเปิดตัวคอลเลกชันพิเศษมักจะมาพร้อมกับการวางจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น Shopee ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นยอดขายในตลาดอีคอมเมิร์ซ นอกจากนี้ยังช่วยให้ Moshi Moshi เข้าถึงลูกค้าที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่มีสาขาอีกด้วย

ยอดขาย–กำไรโตก้าวกระโดดยกแผง

กลยุทธ์การคอลแลบส่งผลเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญต่อผลประกอบการของ Moshi Moshi ซึ่งสะท้อนผ่านตัวเลขทางการเงินที่น่าสนใจ:

ยอดขายเติบโตอย่างก้าวกระโดด: ในปี 2567 Moshi Moshi มีรายได้รวม 3,111.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากปี 2566

ยอดขายจากสาขาเดิมพุ่งสูงขึ้น: ในไตรมาส 4 ปี 2567 ยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) เติบโตถึง 20% ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเปิดตัวสินค้าลิขสิทธิ์ร่วมกับศิลปิน

และจากรายงานทางการเงินล่าสุดของบริษัท สะท้อนให้เห็นถึงผลลัพธ์โดยรวมของกลยุทธ์นี้ ดังนี้:

รายได้รวมเติบโต: ในไตรมาส 1 ปี 2568 บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงาน 838.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น: กำไรสุทธิในไตรมาส 1 ปี 2568 อยู่ที่ 156.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2567

อัตรากำไรสุทธิที่สูงขึ้น: อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ในไตรมาส 1 ปี 2568 เพิ่มขึ้นเป็น 18.5% ซึ่งเป็นผลจากการบริหารต้นทุนที่ดีและการเพิ่มมูลค่าให้สินค้าผ่านกลยุทธ์ต่างๆ รวมถึงการคอลแลบด้วย

การคอลแลบกับคนดังและคาแรกเตอร์ของ Moshi Moshi จึงเป็นมากกว่าการทำโปรโมชั่น แต่เป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจที่สำคัญซึ่งช่วยให้ Moshi Moshi สามารถเพิ่มยอดขาย ขยายฐานลูกค้า และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาดค้าปลีกไลฟ์สไตล์ได้

นางสาวบุณยวีร์ บุญสงเคราะห์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์ธุรกิจและปฏิบัติการ บริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) หรือ MOSHI สะท้อนความสำคัญของกลยุทธ์การสร้างการเติบโตจากฐานแฟนศิลปินอย่างน่าสนใจ

“เราเห็นอิทธิพลของศิลปินที่มีต่อผู้บริโภคมาโดยตลอด โดยเฉพาะในกลุ่มแฟนคลับที่พร้อมจะสนับสนุนผลงานของศิลปินที่พวกเขารัก อีกทั้งศิลปินยังเป็นแรงบันดาลใจและเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความสุข ทำให้การออกสินค้าที่เกี่ยวข้องกับศิลปินที่ชื่นชอบกลายเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มความสุขและสร้างช่วงเวลาดีๆ ได้ง่ายๆ

ครึ่งปีหลังร่วมมือกับ SM ENTERTAINMENT และ SM True ต่อเนื่อง ในการ Collaboration Project ล่าสุด ได้ร่วมมือกับ RIIZE (ไรซ์) หรือที่แฟนๆ ชาวไทยรู้จักในชื่อ ‘น้องข้าว’ บอยกรุ๊ปดาวรุ่งระดับโลกจากค่าย SM ENTERTAINMENT

โดยนำเอกลักษณ์ของวง RIIZE มาผสมผสานกับดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของ MOSHI ซึ่งยังคงราคาที่เข้าถึงได้ เพื่อให้แฟนคลับทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้อย่างเต็มที่ โดยวางเป้าหมายขยายฐานลูกค้าทั้งวัยเรียน วัยทำงาน และกลุ่มแฟนคลับ BRIIZE (บรีซ) ชาวไทยและต่างประเทศ ทั้งนี้ คาดว่าคอลเลกชันนี้จะช่วยกระตุ้นยอดขายและส่งเสริมการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2568 ได้เป็นอย่างดี”

อ่านข่าว แวดวงธุรกิจ ที่น่าสนใจ ทั้งหมด ได้ที่นี่

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก การเงินธนาคาร

ครม.รับทราบความคืบหน้าแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบ 157,000 ล้านบาท

47 นาทีที่แล้ว

ครม.อนุมัติงบกลาง 2,900 ล้านบาท หนุนกองทุนสวัสดิการแห่งรัฐ ดูแลต่อเนื่อง 13.45 ล้านคน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“ดอลลาร์-บอนด์สหรัฐ” ร่วง หลังทรัมป์ปลดผู้ว่าการเฟด ฉุดตลาดโลกผันผวน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ครม.ปรับรูปแบบลงทุน “ทางด่วนภูเก็ต ระยะที่ 1” กทพ.ลงทุนเอง 1.09 หมื่นล้านบาท

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

ทองคำโลกเงียบ ทรงตัวแถว 3,410 ดอลล์ ลุ้นนิวไฮก่อนสิ้น ส.ค. | คุยกับบัญชา | 26 ส.ค. 68

BTimes

ค้าชายแดนไทย-กันพูชา วูบ 97.5% ฉุดภาพรวมค้าชายแดน ลบ 20%

Thai PBS

หรือที่เราแก่เร็วจะเป็นความผิดคลื่นความร้อน

Amarin TV

เปิดรายได้ทีมฟุตบอลลีกไทย

SMART SME

เฉลยแล้ว! ‘สุกี้ตี๋น้อย’เปิดแบรนด์ใหม่ ‘ตี๋น้อยโกลด์’ ราคา 599 บาท

เดลินิวส์

สงครามราคาข้าวโลกแข่งดุ ฉุด 7 เดือนไทยส่งออกลดลง 25.09%

Thai PBS

ทช.-สมาคมทางหลวงฯ จัดประชุมวิชาการนานาชาติแลกเปลี่ยนความรู้ยกระดับมาตรฐานโครงข่ายถนนไทย

Manager Online

การท่าเรือฯ และกรมศุลฯ MOU เชื่อมต่อระบบ Scanning ตู้สินค้า

TNN ช่อง16

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...