คาด SET ‘Sideways’ กรอบ 1,238–1,255 จุด

หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า SET Index มีแนวโน้มแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,238–1,255 จุด โดยภาพรวมตลาดหุ้นต่างประเทศชะลอตัวเล็กน้อยในระยะสั้น ขณะที่นักลงทุนยังติดตามแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะถัดไป โดยล่าสุดตัวเลข ISM ภาคบริการเดือน ก.ค. ออกมาต่ำกว่าคาดที่ 50.1 (ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้า และเกือบจะต่ำกว่าระดับ 50)

ขณะเดียวกัน ตลาดยังมองโอกาสกว่า 90% ที่ Fed จะปรับลดดอกเบี้ยลง 25 bps สู่ระดับ 4.00–4.25% ในการประชุมเดือน ก.ย. นี้ และมีแนวโน้มปรับลดอีก 3 ครั้งในทุกการประชุมที่เหลือของปี

ด้านพัฒนาการภาษีการค้าของทรัมป์ ระบุว่า เตรียมเก็บภาษีอินเดียเพิ่มภายใน 24 ชม. จากประเด็นการซื้อน้ำมันจากรัสเซีย

เรามองว่าตลาดจะเคลื่อนไหวตามกระแสการประกาศผลประกอบการ บจ. 2Q25 มากขึ้น ซึ่งจะทยอยประกาศหนาแน่นในช่วง 2 สัปดาห์นี้ รวมถึง Outlook จากบริษัทต่าง ๆ ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะประเด็นผลกระทบจากภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ว่าจะส่งผลมากน้อยเพียงใด รวมถึงการปรับประมาณการ EPS ปี 2025 จากปัจจุบันที่ราว 89 บาทต่อหุ้น

เรายังคงมุมมองว่าหุ้น Defensive และ Consumer Staple ซึ่งเป็นกลุ่มที่ Laggard ตลาดในช่วงกว่า 1 เดือนที่ผ่านมา เช่น กลุ่มการแพทย์ ค้าปลีก ไฟแนนซ์ และรับเหมาก่อสร้าง มีแนวโน้มปรับตัวได้แข็งแกร่งกว่าดัชนีโดยรวมในระยะนี้

กลยุทธ์:
เลือกลงทุนในหุ้นที่ยัง Laggard ตลาด และมีกำไร 2Q25 แข็งแกร่ง

หุ้นเด่นเดือน ส.ค. :
BDMS, CPALL, CPN, MTC, SCGP

FSSIA Portfolio:
BA, BDMS, CENTEL, CPALL, KBANK, MTC, NSL, OSP, STECON

หุ้นเด่นวันนี้: MTC
แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 56 บาท

ประกาศกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 1.65 พันลบ. +5% q-q, +14% y-y แข็งแรงตามคาด

หนุนจากสินเชื่อที่ยังเติบโตแข็งแกร่ง +4% q-q, +13% y-y

Credit Cost ใกล้เคียงคาดที่ 2.48%

คุณภาพสินทรัพย์ดีกว่าคาดเล็กน้อย โดย NPL Ratio ลดลง q-q อยู่ที่ 2.62% คาดว่าตลาดรับรู้เชิงบวก

คงประมาณการกำไรปี 2025 ที่ 7.08 พันลบ. +21% y-y

แนวรับ 37.50 // 36 บาท แนวต้าน 39.75 // 42 บาท

Fund Flow (วานนี้):
เงินทุนต่างชาติไหลเข้าสุทธิภูมิภาคต่อเนื่อง US$791 ล้าน

นำโดยไต้หวัน US$452 ล้าน

เกาหลีใต้ US$244 ล้าน

อาเซียน: ไทย US$64 ล้าน (สูงสุดในอาเซียน), อินโดนีเซีย US$34 ล้าน

แนวโน้ม: คาดว่า Fund Flow จะชะลอการไหลเข้า หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังอ่อนตัว นักลงทุนจับตาว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวเร็วมากน้อยเพียงใด

ประเด็นสำคัญวันนี้:
(+) TU

ผู้บริหารให้มุมมองเชิงบวก ผลกระทบจาก US Tariff ยังจำกัด

หาก Mitsubishi Corporation เข้าซื้อหุ้นครบ 20% จะเกิด Synergy มากขึ้นในปี 2026

คาดกำไรสุทธิ 3Q25 โตต่อ q-q แต่ลดลง y-y จากบาทแข็งและภาษี GMT สูงขึ้น

คงเป้ารายได้ปี 2025 ที่ -1% ถึง -2% y-y

คงประมาณการกำไรปี 2025 -15% y-y, ปี 2026 ฟื้นตัว +11.3% y-y

ปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2026 ที่ 13.50 บาท แนะนำ “ถือ”

(0) HMPRO

เดินหน้ากลยุทธ์ Cross-sell กระตุ้น Demand

SSSG ก.ค. 2025: HomeProduct -4.8% y-y, Mega Home กลับมาเป็นบวก

เดินหน้าเปิดสาขาต่อเนื่อง 11 แห่ง สิ้นปีรวม 147 แห่ง

มุมมองเป็นกลาง แม้ PER ต่ำกว่าคู่แข่ง แต่ยังมี Downside ต่อประมาณการกำไร 4–5%

แนะนำ “Wait & See”

(+) CK

คาดกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 780 ลบ. +176% q-q, +60% y-y

หนุนจากส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วม (CKP) ที่เริ่มเข้าสู่ฤดูน้ำ

โรงไฟฟ้าหลวงพระบางมี FX gain, รับปันผล TTW

ธุรกิจก่อสร้างโต y-y จากโปรเจกต์ใหญ่หลายรายการ

แนวโน้ม 3Q25 ยังดีจากเงินปันผล TTW, CKP, BEM

คงราคาเป้าหมาย 20 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) EPG

ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว คาดกำไร 1QFY26 ฟื้นตัว q-q จากคำสั่งผลิตชิ้นส่วนโมเดลใหม่

แนวโน้มธุรกิจยานยนต์โลกแม้ชะลอ แต่ควบคุมต้นทุนได้

คาดกำไรปกติ 1QFY26 คิดเป็น 30% ของทั้งปี

ยังเผชิญความเสี่ยงจากภาษีการค้าในช่วงที่เหลือของปี

คงประมาณการ และราคาเป้าหมาย 4 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(0) GABLE

คาดกำไรปกติ 2Q25 ที่ 64 ลบ. ฟื้นตัวจากขาดทุน 1Q25

หากเป็นไปตามคาด กำไร 1H25 จะอยู่ที่ 56 ลบ. -22.6% y-y

แนวโน้ม 2H25 ดีขึ้นจากฤดูกาล + Backlog จำนวนมาก

ปรับประมาณการกำไรปี 2025–2027 ลง

ปี 2025 คาดกำไร -16.9%, ปี 2026 ฟื้นตัว +17.8%

ปรับราคาเป้าหมายใหม่เป็น 3.80 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ”