สื่อนอกมีภาพถ่ายดาวเทียมกัมพูชาเตรียมการหลายเดือนโจมตีไทย
ตามที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชาแถลงยืนยันท่าทีของกัมพูชาในการยึดมั่นต่อข้อตกลงหยุดยิงและกฎหมายระหว่างประเทศ ในขณะที่สื่อ Khmer Times เผยแพร่ข่าวกรณีชาวกัมพูชาไม่สามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาได้ ซึ่งเป็นผลจากอาวุธตกค้างของฝ่ายไทยจากเหตุการณ์การปะทะกันนั้น นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ขอชี้แจง ดังนี้
การให้คำมั่นของกัมพูชาว่าจะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงระหว่าง ไทย-กัมพูชา และยึดมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศ สันติภาพ ความร่วมมือ และการพัฒนาชายแดน ยังคงเป็นเพียงการสร้างภาพทางการสื่อสาร ขณะที่พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นจริงกลับสวนทางกับสิ่งที่กล่าวอ้าง โดยเฉพาะการเผยแพร่ข่าวที่บิดเบือนข้างต้นของสื่อกัมพูชา ซึ่งฝ่ายกัมพูชาต่างหากที่ยังคงละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างต่อเนื่อง โดยมีอย่างน้อย 4 ประเด็น ได้แก่
(1) การลอบวางทุ่นระเบิด
(2) การใช้โดรนเข้ามาก่อกวน
(3) การปลุกระดมประชาชนให้ออกมาเคลื่อนไหว
(4) ล่าสุด พบการใช้ระเบิดแสวงเครื่องซึ่งมีอานุภาพร้ายแรงในพื้นที่ชายแดนฝั่งไทยตามที่โฆษกกองทัพบกไทยได้ตอบโต้ไปแล้ว
ล่าสุด มีรายงานจากนิตยสารด้านความมั่นคง Jane‘s Defence Weekly ว่า จากหลักฐานภาพถ่ายดาวเทียม พบการก่อตั้งฐานปฏิบัติการทางทหารในฝั่งกัมพูชาบริเวณชายแดนเป็นเวลาหลายเดือนก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์การปะทะขึ้น ส่อถึงเจตนาของฝ่ายกัมพูชาในการโจมตีไทย ซึ่งสะท้อนถึงความไม่บริสุทธิ์ใจของกัมพูชา
การเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนและข่าวปลอมอย่างเป็นขบวนการและอย่างต่อเนื่องของกัมพูชา ตั้งแต่ผู้แทนระดับสูงของภาครัฐ ลงมาถึงสื่อมวลชนที่ถูกควบคุมโดยรัฐบาล รวมถึงประชาชนกัมพูชาที่ได้รับข้อมูลบิดเบือนดังกล่าว ถือเป็นการโฆษณาชวนเชื่อเพื่อสงคราม ซึ่งเป็นประเด็นที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) เห็นว่า เป็นปัญหาระดับโลก ซึ่งในบริบทสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ปัญหาดังกล่าวไม่เพียงเสี่ยงต่อการยุยงส่งเสริมให้เกิดความรุนแรง แต่ยังเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการคลี่คลายสถานการณ์และการหาทางออกอย่างสันติ ฝ่ายไทยจึงขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชายุติพฤติกรรมที่ไร้ความรับผิดชอบทั้งต่อประชาชนของตนเองและต่อประชาคมโลกเช่นนี้โดยทันที