คลังเคาะงบ 4 หมื่นล้านฟื้นฟูเศรษฐกิจ รับมือผลกระทบภาษีทรัมป์
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เป็นประธาน ได้หารือแนวทางจัดสรรงบกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินที่เหลืออีก 40,000 ล้านบาท จากที่ใช้ไปแล้ว 115,000 ล้านบาท โดยมีวาระสำคัญคือการพิจารณาโครงการจากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ท่ามกลางข้อคลาดเคลื่อนของข้อมูลจากหลายหน่วยงาน เช่น สำนักงบประมาณ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
ที่ประชุมยังได้หารือมาตรการเยียวยาผลกระทบจากภาษีทรัมป์ โดยมุ่งเน้นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการและการพัฒนาทุนมนุษย์เพื่อรองรับผลกระทบระยะยาว หากสรุปโครงการได้ภายในกรอบเวลา จะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ และคณะรัฐมนตรีภายใน 30 กันยายนนี้ เพื่อให้สามารถเบิกจ่ายงบได้ทันช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี คาดว่าจะช่วยขับเคลื่อนจีดีพีได้ราว 0.4–0.5%
ทั้งนี้ อปท.ทั่วประเทศได้ยื่นคำขอโครงการเกินกรอบงบประมาณที่ตั้งไว้ โดยเฉพาะผ่านกระทรวงมหาดไทยซึ่งมีวงเงินขอสูงถึง 60,000 ล้านบาท ขณะที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ได้รับคำเสนอขอกว่า 27,000 โครงการ รวมวงเงินกว่า 160,000 ล้านบาท โดยจะคัดเลือกเหลือประมาณ 4,800 โครงการ คิดเป็นวงเงิน 34,690 ล้านบาท เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการอนุมัติต่อไป
ด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุว่า สิ่งที่ภาคเอกชนต้องการเร่งด่วนจากนายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธปท. คนใหม่ คือการแก้ไขปัญหาหนี้เชิงโครงสร้าง โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือน หนี้เอสเอ็มอี และหนี้นอกระบบที่สะสมมาตั้งแต่วิกฤตโควิด-19 ซึ่งยังคงส่งผลกระทบต่อประชาชนและผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง และเสนอให้ยกระดับการแก้ปัญหาหนี้ทั้งระบบเป็นวาระแห่งชาติ โดยให้ ธปท. ทำงานร่วมกับภาครัฐและธนาคารพาณิชย์ ผ่านมาตรการที่หลากหลาย นอกจากนี้ยังเสนอให้ ธปท. ใช้นโยบายการเงินแบบยืดหยุ่นเพื่อรับมือผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะภาษีทรัมป์ ที่อาจส่งผลให้การส่งออกของไทยในปีนี้เติบโตต่ำกว่าคาด พร้อมเสนอให้พิจารณามาตรการบรรเทาผลกระทบต่อผู้ประกอบการ และรักษาเสถียรภาพระบบการเงินระยะยาว
ขณะที่ความเคลื่อนไหวล่าสุดของนโยบายการค้าสหรัฐฯ มีรายงานว่า อัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่นจะอยู่ที่ 15% ลดลงจากระดับที่เคยขู่จะขึ้นถึง 25% โดยญี่ปุ่นตอบแทนด้วยการลงทุนในสหรัฐฯ มูลค่า 550,000 ล้านดอลลาร์ และเปิดตลาดให้สินค้าสหรัฐฯ เช่น รถยนต์และข้าว ส่วนฟิลิปปินส์ถูกเก็บภาษีนำเข้า 19% ลดลงเล็กน้อยจากเดิมที่อาจถูกเก็บถึง 20% โดยมีเงื่อนไขต้องเปิดตลาดให้สินค้าสหรัฐฯ เข้าแข่งขันได้อย่างเต็มที่
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : คลังเคาะงบ 4 หมื่นล้านฟื้นฟูเศรษฐกิจ รับมือผลกระทบภาษีทรัมป์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ภท. จ่อถกฝ่ายค้านพรุ่งนี้ คุยเปิดอภิปราย 152 เรื่องภาษีทรัมป์
- ทรัมป์ปิดดีลการค้าญี่ปุ่น เก็บภาษี 15% ลงทุนในสหรัฐฯ 5.5 แสนล้านดอลลาร์
- คลังเคาะงบ 4 หมื่นล้านฟื้นฟูเศรษฐกิจ รับมือผลกระทบภาษีทรัมป์
- ปุ้มปุ้ยเปิดตัวสินค้าใหม่พร้อมทาน 7 รสชาติ ยันภาษีทรัมป์ไม่กระทบ
- “พิชัย”ย้ำชงครม.วันนี้เคาะผู้ว่าธปท.ใหม่ วงในชี้“วิทัย”ยังเต็งหนึ่งไม่มีพลิกล็อคแน่
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath