ตลาดหุ้นไทยเช้านี้บวก 7.63 จุด ตลาดคาดหวังเจรจาการค้าสหรัฐฯ-ยุโรป ส่วนไทย-กัมพูชา อยู่วงจำกัด
ความเคลื่อนไหว "หุ้นไทย" ภาคเช้า ณ 24 ก.ค. 2568 เวลา 10.10 น. บวก 7.63 จุด หรือ 0.63% หรืออยู่ที่ 1,227.25 จุด มูลค่าการซื้อขาย 9,716.89 ล้านบาท
กรรณ์ หทัยศรัทธา หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุน และ นักเศรษฐศาสตร์ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้แสดงความแข็งแกร่งเกินคาด แม้จะเผชิญกับสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มีการปะทะกัน ซึ่งช่วงเปิดตลาดมีการปรับตัวลงของตลาดหุ้นโดยรวมไม่ได้รุนแรงนัก และเด้งกลับขึ้นมาได้ เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับภาพใหญ่ของการเจรจาการค้าระหว่างประเทศมากกว่า
สำหรับผลกระทบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ยังจำกัดต่อตลาดโดยรวม แม้สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทยและกัมพูชาได้กลับมาปะทุขึ้นอีกครั้ง โดยมีการปะทะกันหลังมีรายงานทหารเหยียบระเบิดจนบาดเจ็บและมีการเปิดฉากยิง อย่างไรก็ตาม มองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบเป็นการเฉพาะตัวต่อหุ้นบางกลุ่มเท่านั้น และสถานการณ์น่าจะสามารถควบคุมได้ในระดับที่ไม่บานปลายไปมากกว่านี้ เนื่องจากรัฐบาลไทยอยู่ภายใต้แรงกดดันหลายด้าน และคาดว่าจะบริหารจัดการเรื่องนี้ไม่ให้ผิดพลาด
บล.พาย ระบุว่า นักลงทุนกำลังให้น้ำหนักกับการเจรจาการค้ามากกว่า ในช่วงที่ผ่านมา ทรัมป์ประกาศบรรลุข้อตกลงการค้ากับหลายประเทศ อาทิ ฟิลิปปินส์ อินโดนิเซีย ญี่ปุ่น เวียดนาม อังกฤษ และล่าสุดนักลงทุนกำลังรอติดตามการเจรจากับ EU หลายๆ สื่อ ลงความเห็นคล้ายกันว่าสหรัฐฯ กับ EU ใกล้จะบรรลุข้อตกลงการค้ากัน โดยที่คาดว่าสหรัฐฯ จะลดระดับภาษีนำเข้าจาก EU เป็น 15% จากเดิมที่ 30%
นอกจากการค้าแล้วนักลงทุนกำลังรอติดตามผลประกอบการ ซึ่งเช้านี้ตามเวลาประเทศไทย Alphabet พึ่งรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/68 พบว่าดีกว่า Bloomberg Consensus คาดไว้ ทางผู้บริหารระบุว่าความต้องการ AI และ Cloud ยังแข็งแกร่งและบริษัทจะเดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง
สำหรับปัจจัยในประเทศยังไร้ปัจจัยใหม่นักลงทุนรอติดตามผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนรวมไปถึงความคืบหน้าเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ข้อมูลล่าสุดทีม Thailand ได้ยื่นข้อเสนอสุดท้ายให้กับสหรัฐฯ ในช่วงเมื่อวานที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านั้นทางสหรัฐฯ ก็ได้ทำคำอธิบายหรือข้อเสนอตอบกลับมาบ้างเกี่ยวกับสิ่งที่ทางสหรัฐฯต้องการ ทางรัฐมนตรีคลังหวังว่าสหรัฐฯจะลดอัตราภาษีนำเข้าของไทยมาใกล้เคียงกับภูมิภาค
ปัจจัยติดตามวันนี้ได้แก่ดัชนี PMI ภาคบริการและภาคผลิตเบื้องต้น (Flash PMI) จากยุโรปและสหรัฐฯสำหรับสหรัฐฯ ประกาศคืนนี้ Bloomberg Consensus คาดหมายไว้ที่ 53 , 52.7
วันนี้ประเมินSET เคลื่อนไหวในกรอบ 1210-1230 จุด บรรยากาศการลงทุนยังเป็นบวก เช้านี้หุ้นญี่ปุ่น +1.2% เกาหลี +1.7% นักลงทุนให้น้ำหนักเชิงบวกกับการทยอยประกาศ Deal การค้าระหว่างสหรัฐฯ กับนานาประเทศ
แต่อย่างไรก็ตามกับ SET การปรับขึ้นยังคงเฝ้าระวังเพราะในช่วงที่ปรับขึ้นมาเป็นผลจากกระแสเงินทุนทั้งจากสถาบันและต่างชาติ นักลงทุนต่างชาติซื้อสะสมสุทธิในช่วง 6 วันทำการที่ผ่านมาราว 1.12 หมื่นล้านบาท แต่ในเชิงปัจจัยพื้นฐานยังถือว่าไม่โดดเด่นเพราะยังไม่เห็นการปรับประมาณการขึ้นของเศรษฐกิจ และจำนวนนักท่องเที่ยวล่าสุดในช่วง 1 ม.ค. -20 ก.ค. สะสมที่ 18.3 ล้านราย -5.9%YoY
ในขณะเดียวกันพบว่า Bloomberg Consensus ปรับลด SET EPS ปีนี้ลงมาที่ 89.8 บาท / หุ้น นับเป็นระดับที่ต่ำสุดของปี 25 ดังนั้นในเชิงกลยุทธ์การลงทุนการปรับขึ้นของตลาดอาจมองเป็นจุดที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังและตลาดพร้อมปรับฐานแรง หากเกิดปัจจัยลบรุนแรง แต่อย่างไรก็ตามระยะสั้นนักลงทุนรับความเสี่ยงได้สูงอาจ Trading ได้ แต่ก็เน้นที่หุ้นมีปัจจัยหนุนเฉพาะ แนะนำกลุ่มค้าปลีก BJC CPALL CRC HMPRO การเงิน KTC SAWAD ศูนย์การค้า CPN ปัจจัยหนุนราคาหุ้นยังไม่ค่อยแพง นิคมอุตสาหกรรม (AMATA WHA) คาดหวังเจรจาการค้าสหรัฐฯ-ไทย