ศาลนัดพิพากษา "ทักษิณ" คดี หมิ่นเบื้องสูง 22 ส.ค. นี้
ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นัดสืบพยานฝ่ายจำเลยคดีหมายเลขดำที่ อ.1860/2567 ที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 จากกรณีให้สัมภาษณ์กับสื่อเกาหลีใต้เมื่อปี 2558
โดยนายทักษิณได้เดินทางมาถึงศาลอาญาในเวลาประมาณ 09.15 น.ด้วยรถยนต์ Mercedes-Maybach สีดำ – เงิน ทะเบียน ธษ 267 กรุงเทพมหานคร จอดเทียบส่งที่บริเวณประตูด้านข้างอาคารศาลอาญา ซึ่งนายทักษิณสวมชุดสูทเนคไทสีเหลือง เดินทางมาคนเดียว มีนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความประจำตัวนายทักษิณ ได้มารอรับด้วยตนเองก่อนที่ทั้งคู่จะเดินขึ้นฝั่งประตูข้างอาคารศาลอาญา อย่างไรก็ตาม บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่หวงห้ามไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง เข้าในพื้นที่บริเวณศาล สำหรับการสืบพยานพิจารณาคดีในวันนี้ ยังคงเป็นการพิจารณาคดีแบบลับ
ภายหลังจากการสืบพยานเสร็จสิ้นเวลา 12.00 น. นายทักษิณ ได้เดินทางกลับออกทาง ประตู 7 หน้าศาลแพ่งรัชดาภิเษก
นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ เผย วันนี้ตนได้นำพยานจำเลยเข้าสืบรวมทั้งหมด 3 ปาก โดยปากแรกเป็น นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ปากที่ 2 นายธงทอง จันทรางศุ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม และนายทักษิณ ชินวัตร เป็นพยานจำเลยปากสุดท้าย
หลังจากการเบิกความตนได้ปรึกษากับทางทีมงานและตัวนายทักษิณแล้ว จึงแถลงหมดพยาน และไม่ประสงค์สืบพยานอีก ตนจึงแถลงปิดคดีเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 15 วัน ศาลพิจารณาแล้วได้นัดฟังคำพิพากษาคดีนี้ในวันที่ 22 ส.ค 2568 เวลา 10.00 น.
นายวิญญัติ กล่าวอีกว่า เดิมตนได้เตรียมพยานเอาไว้ 14 ปาก แต่การสืบพยานที่ผ่านมาทั้งการสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยเพียงพอและเหมาะสมแล้ว จึงแถลงหมดพยาน ตนคงจะเปิดเผยรายละเอียดในคดีหรือว่าการสืบพยานไม่ได้ เพราะเป็นการพิจารณาลับทำได้เพียงแจ้งความคืบหน้าแก่สื่อมวลชนเท่านั้น ส่วนเอกสารแถลงปิดคดี ขึ้นอยู่กับศาลว่าจะนำมาพิจารณาประกอบการเขียนคำพิพากษาหรือไม่
เมื่อถามว่าตอนนี้หลังจากสืบพยานทั้งโจทก์และจำเลยแล้วมีความหนักใจหรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่า ตนไม่ตอบว่ามั่นใจหรือไม่ แต่เชื่อว่าเรื่องนี้จะได้รับความเป็นธรรม แนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์ที่ผ่านมา มีหลายส่วนที่ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ และมีหลายส่วนที่เป็นพยานบุคคลที่เป็นพยานความเห็นทั้งสิ้น
ทีมทนายความได้พยายามหักล้างว่าเป็นพยานที่มีความอคติและอยู่ฝ่ายตรงข้ามของนายทักษิณแทบทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามต้องเรียนตามตรงว่าโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานที่จะพิสูจน์ทราบการกระทำความผิดได้ชัดเจน
เมื่อถามว่าเหตุใดจากที่เตรียมพยานไว้ตอนแรกไว้ 14 ปาก แต่กลับเหลือแค่ 3 ปาก นายวิญญัติ กล่าวว่า ในส่วนนี้เป็นการประเมินคดีและได้ปรึกษาร่วมกับนายทักษิณแล้วว่า สมควรยุติการสืบพยานเท่านี้ สำหรับฝ่ายจำเลย เนื่องจากการพิจารณาคดีของศาลอาญา ศาลจะพิจารณาพยานฝั่งโจทก์เป็นหลักว่ามีหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์ทราบการกระทำความผิดของจำเลยได้มากน้อยเพียงใดหรือไม่ ซึ่งตนก็ได้ประเมินดูมาโดยตลอด
เมื่อถามว่านายวิษณุ และนายธงทอง มาเป็นพยานและให้ความเห็นในด้านใด นายวิญญัติ กล่าวว่า ทั้งคู่เป็นพยานที่เกี่ยวข้องกับช่วงเวลาที่นายทักษิณถูกกล่าวหา และช่วงที่ยังดำรงตำแหน่งนายกฯ และเป็นบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญทางกฎหมายและด้านภาษา รวมทั้งเคยแปลและรับรู้ถึงการแสดงออกการกระทำของนายทักษิณว่ามีความจงรักภักดีอย่างไรอยู่แล้ว
เมื่อถามว่านายทักษิณ จะเดินทางมาที่ศาลอีกครั้งแค่ในวันนัดฟังคำพิพากษาหรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่า จะต้องมาอีกครั้งในการรายงานตัวตามคำสั่งศาลในช่วงต้นเดือน เนื่องจากได้รับการปล่อยชั่วคราวเกี่ยวเนื่องจากคดีนี้ จากนั้นจะมาศาลอีกครั้งในวันที่ 22 ส.ค. ซึ่งเป็นวันพิพากษา อย่างไรก็ตาม คำสั่งกำหนดนัดรายงานตัวและห้ามออกนอกราชอาณาจักร จะมีผลสิ้นสุดลงหลังจากการฟังคำพิพากษาในศาลชั้นต้น
เมื่อถามว่าท่าทีของนายทักษิณเป็นอย่างไรหลังการสืบพยานเสร็จสิ้น นายวิญญัติ กล่าวว่า วันนี้ตัวนายทักษิณอารมณ์ดี และรู้สึกว่าต้องได้รับความเป็นธรรม
เมื่อถามว่าหลังจากฟังคำพิพากษาแล้วจะมีการเดินทางออกนอกราชอาณาจักร หรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่า ตนยังไม่ตอบในส่วนนี้ รอดูคำพิพากษาก่อนว่าผลจะเป็นอย่างไร ซึ่งหลังจากนั้นจะมีกำหนดการการทำงานของนายทักษิณอย่างแน่นอน