EV วิ่งลืมชาร์จ พร้อมขายไทย Benz CLA 250+ ชาร์จ 1 ครั้ง 792 กม.
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เยอรมนี เสริมตลาดรถคอมแพคท์ เปิดตัว Mercedes-Benz CLA (ซีแอลเอ) โฉมใหม่ และแน่นอน ยังรวมถึงการรุกตลาดรถพลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี (EV) ด้วยเช่นกัน กับโมเดล CLA นี้ และนับเป็นยุคที่ 4 ของ อีวี พรีเมียม จากสตุทการ์ท
และมันจะเป็น อีวี รุ่นต่อไปที่จะทำตลาดในประเทศไทย ช่วงปลายปีนี้ด้วยเช่นกัน
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เป็นหนึ่งในแบรนด์พรีเมียมที่ให้ความสำคัญกับพลังงานใหม่อย่าง EV ถึงขั้นที่ครั้งหนึ่งเคยประกาศว่าในอนาคตจะทำตลาด EV เพียงอย่างเดียว ขณะที่เครื่องยนต์ (ICE) จะหยัดพัฒนา และค่อย ๆ เฟดออกจากตลาดไป
ก่อนที่จะปรับแผนตลาดใหม่ โดยยืนยันยังคงพัฒนาเครื่องยนต์ต่อไป ควบคู่กับการพัฒนาพลังงานไฟฟ้า ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะเป็นเรื่องของธุรกิจที่ต้องปรับให้เหมาะสมกับตลาดหรือว่าสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
ถ้าเป็นการเมืองก็ว่าไปอย่าง
และก็ไม่แปลก เพราะไม่ใช่แค่เมอร์เซเดส-เบนซ์ แต่อีกหลาย ๆ แบรนด์ ก็มีแนวคิดเดียวกัน ที่มุ่งอีวี ก่อนปรับเปลี่ยนใหม่ เพราะเห็นว่า อีวี ไม่ใช่คำตอบทั้งหมด แต่มันคือหนึ่งในคำตอบ และแน่นอนเป็นคำตอบที่สำคัญ
และสำหรับเมอร์เซเดส-เบนซ์ ตั้งแต่เปิดตลาดอีวี ปัจจุบัน มียอดขายสะสมทั่วโลกประมาณ 720,000 คัน
และสำหรับการมาของ CLA จะเห็นว่า ชื่อเรียกนั้นแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้านี้ ที่มีคำว่าEQ นำหน้า
เพราะก่อนหน้านี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ แยกกลุ่มพลังงานไฟฟ้าออกมาทำตลาด หรือเรียกว่าเป็นซับ แบรนด์ (sub brand) ก็คือ EQ นั่นเอง
แต่ล่าสุดตั้งแต่ CLA เป็นต้นไป ทุกอย่างจะกลับมาอยู่ภายใต้แบรนด์ Mercedes-Benz เช่นเดิม แต่จะมีคำว่าwith EQ ต่อท้าย ซึ่งหากเป็นอีวี ก็จะเป็น with EQ Technology ส่วนในอนาคต เมื่อมีรุ่นลูกผสมอย่างไฮบริด หรือ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ในอนาคต ก็จะต่อท้ายที่บ่งบอกว่าเป็น ไฮบริด
สำหรับที่มาที่ไป ของ อีวี เมอร์เซเดส-เบนซ์ เริ่มจากรหัสที่เราคุ้นกันก่อนหน้านี้คือ "EVA1" (Electric Vehicle Architecture1)
- EVA1
EVA1 มีรถทำตลาดคือ EQC ที่พัฒนาต่อยอดมาจาก GLC เป็นรุ่นที่คนไทยลุ้นกันว่าจะนำเข้ามาทำตลาด เมื่อกระแสอีวี เริ่มแรงขึ้นในตลาดโลกช่วงนั้น แต่ที่สุด EQC จาก EVA1 ก็ไม่ได้เข้ามาทำตลาดในบ้านเรา
- EVA1.5
ถัดมาเป็นยุคของ EVA1.5 โดยยังมีแนวคิดการพัฒนาเหมือนกับ EVA1 คือ การใช้แพลทฟอร์มที่มีอยู่แล้วมาต่อยอด โดยยุคนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ มี อีวี 2 รุ่น ทำตลาดคือ EQA และ EQB
ซึ่ง EQB นี้เองที่เป็น อีวี ตัวแรกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่นำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ซึ่งจำหน่ายหมดโควต้าในเวลารวดเร็ว แต่เป็นโควต้าที่มีจำนวนไม่มากนัก ประมาณ 70 คัน ก่อนที่จะมีล็อต 2 ตามเข้ามา ในจำนวนใกล้ ๆ กัน
- EVA2
จากนั้น เข้าสู่ยุคที่ 3 คือ EVA2 ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เมื่อเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประกาศแยกแพลทฟอร์มชัดเจนระหว่าง EV กับแพลทฟอร์มรถที่ยังมีเครื่องยนต์
เริ่มต้นด้วย EQS ตัวถังซาลูน ที่เรียกว่าเป็นว่าเป็นรุ่นเรือธง หรือ flagship model ของฝั่ง อีวี เหมือนกับที่ S Class เป็นเรือธงฝั่งที่ใช้เครื่องยนต์
และ EQS เป็น อีวี รุ่นที่ 2 ที่เข้ามาทำตลาดในไทย เริ่มต้นด้วยการนำเข้าในรุ่น 450+ ก่อนที่หลังจากนั้นไม่นาน เมอร์เซเดส-เบนซ์ จะสร้างความฮือฮา ด้วยการเดินสายการประกอบรุ่นเรือธง EQS ในประเทศไทยที่โรงงานสำโรง
EVA2 มีผลผลิต ตามมาอีกหลายรุ่น เช่น EQE, EQE AMG, EQE SUV, EQE SUV AMG, EQS SUV, EQS AMG หรือว่า Mercedes-Maybach EQS SUV ซึ่งหลายรุ่น ก็ทำตลาดในไทย ยกเว้น EQE SUV AMG และ EQS AMG
- MMA
ทีนี้ก็มาถึงว่าที่ อีวี ตัวใหม่ที่จะเข้ามาทำตลาดในไทย และเพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการในตลาดโลกไปไม่นาน และคราวนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงอีกครัั้งกับโครงสร้างรถ ที่เปลี่ยนจาก EVA มาเป็น MMA
MMA หรือ Mercedes-Benz Modular Architecture เป็นการกลับมาพัฒนาอีวีควบคู่กับพลังงานอื่น ๆ เช่น ICE หรือ ไฮบริด
จะบอกว่าเป็นการกลับสู่จุดเดิมก็อาจจะไม่ใช่เสียทีเดียว เพราะแต่เดิมอาจจะดูเหมือนเป็นการต่อยอด แต่ MMA เป็นงานที่ละเอียดขึ้น เป็นการพัฒนาให้เป็นแพลทฟอร์มที่หลากหลายและเหมาะสมกับแต่ละเทคโนโลยี รวมถึง อีวี ไม่ว่าจะเป็นการจัดวางแบตเตอรี มอเตอร์ไฟฟ้า อินเวอร์เตอร์ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานไฟฟ้า
และสำหรับ CLA เวอร์ชั่นพลังงานไฟฟ้า ขณะนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ผลิตออกมา 2 ทางเลือกคือ
- Mercedes-Benz CLA 250+ with EQ Technology มอเตอร์เดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD)
- Mercedes-Benz CLA 350+ with EQ Technology มอเตอร์คู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ (AWD)
ซึ่งรุ่นที่จะทำตลาดในไทย คือ Mercedes-Benz CLA 250+ with EQ Technology โดยคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ แต่การส่งมอบจะเริ่มได้ช่วงต้นปี 2569
นำเข้าจากทีไ่หน เยอรมนี หรือ จีน ซึ่งเมอร์เซเดส-เบนซ์ มีฐานการผลิตที่นั่นเช่นกัน และช่วงต้นปีที่ผ่านมาที่งาน เซี่ยงไฮ้ มอเตอร์ โชว์ เพิ่งเปิดตัวรุ่นฐานล้อยาว (LWB) ไป
แน่นอนการนำเข้าจากจีน ก็จะได้สิทธิภาษีนำเข้า 0% เช่นเดียวอีวี แบรนด์ อื่น ๆ ตามความตกลงการค้าเสรี อาเซียน-จีน
แต่ไม่ใช่ทั้งคู่ เพราะ Mercedes-Benz CLA 250+ with EQ Technology ที่จะทำตลาดในไทย จะประกอบในประเทศที่โรงงานสำโรง
สเปคเบื้องต้น CLA 250+ with EQ Technology
- แบตเตอรี ลิเธียม ไอออน NMC เทคโนโลยี 800V
- ความจุ 85.5 kWh
- การชาร์จ AC 22 kW
- การชาร์จ DC 360 kW
- กำลังสูงสุด 272 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 335 นิวตันเมตร
- 0-100 กม./ชม. 6.7 วินาที
- ความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม.
ซึ่งเมื่อดูสเปคเบื้องต้น ถือว่าน่าสนใจทีเดียว ทั้งด้านของสมรรถนะมอเตอร์ รวมถึงเทคโลแบตเตอรีแบบ 800 V
และสิ่งที่จะเป็นจุดขายสำคัญของ Mercedes-Benz CLA 250+ with EQ Technology คือความสามารถในการใช้งาน ที่จะรองรับการขับขี่ในชีวิตประจำวันได้สะดวกยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมือง หรือ การเดินทางไกล การเดินทางท่องเที่ยว
เพราะการชาร์จไฟ 1 ครั้ง รองรับการขับขี่สูงสุด 790 กม. ตามมาตรฐาน WLTP
เรียกว่าชาร์จ 1 ครั้ง ก็ลืมชาร์จไปนานเลย โดยเฉพาะหากขับขี่ในเมือง
ทีนี้ก็เหลือแต่รอลุ้นกันว่า Mercedes-Benz CLA 250+ with EQ Technology ประกอบในประเทศ หรือ CKD จะมีราคาที่ดึงดูดใจได้เหมือนสเปครถ มากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง