แบงก์ชาติ ผุดทัวริสต์วอลเล็ต เปิดต่างชาติแลกเงิน-คริปโตใช้จ่ายเที่ยวไทย
วันที่ 31 ก.ค. นายณพงศ์ธวัช โพธิกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. ร่วมกับผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ (อี-มันนี่) อยู่ระหว่างพัฒนาทัวริสต์วอลเล็ต เป็นอีมันนี่ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้ใช้จ่ายสะดวกขึ้นในไทย สามารถสแกนคิวอาร์โค้ดพร้อมเพย์ชำระเงินได้ ผ่านการแลกเงินสกุลต่างประเทศเป็นสกุลเงินบาท และในอนาคตอาจเชื่อมกับบัตรเครดิตของต่างชาติได้เลย รวมทั้งจะเชื่อมต่อกับการแปลงสินทรัพย์ดิจิทัลมาเป็นเงินบาทเพื่อใช้จ่าย
“ในอนาคตจะเชื่อมโยงจากที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทำแซนด์บ็อกซ์ให้นักท่องเที่ยวแปลงสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเงินบาท นำมาใช้ได้ เอื้อให้ต่างชาติที่มีสินทรัพย์ดิจิทัล ที่มาเปิดบริการกับผู้ประกอบการสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย แลกเป็นเงินบาทมาเติมเป็นทัวร์ริสต์วอลเล็ต เพื่อให้นักท่องเที่ยวสะดวกขึ้น โดย ก.ล.ต. อยู่ระหว่างรับฟังความเห็น ถึงช่วงกลาง ส.ค. นี้ ซึ่งต้องใช้จ่ายผ่านทัวริสต์วอลเล็ตซึ่งมี ธปท. กำกับดูแลอยู่”
สำหรับผู้ให้บริการอีมันนี่ที่สนใจ สามารถพัฒนาบริการได้ด้วยมาตรฐานเดียวกัน โดยมีการป้องกันความเสี่ยงและคุ้มครองผู้ใช้บริการอย่างเหมาะสม เช่น การเปิดบัญชี นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันและเปิดบัญชีอี-มันนี่ ของผู้ให้บริการภายใต้กำกับของ ธปท. โดยมีการระบุและยืนยันตัวตน (เควายซี) อย่างรัดกุมก่อนการให้บริการ ตามหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจอี-มันนี่ โดยใช้ชิปเอ็นเอฟซี พาสปอร์ต และยืนยันตัวตนผ่านระบบไบโอเมทริกซ์
ส่วนการเติมเงินเข้าบัญชี นักท่องเที่ยวสามารถเติมเงินเข้าทัวริสต์วอลเล็ต ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น เงินสดที่เคาน์เตอร์ของผู้ให้บริการ ผูกกับบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิต การโอนเงินจากบัญชีธนาคารต่างประเทศผ่านผู้ให้บริการภายใต้กำกับของ ธปท. ทั้งนี้ ขึ้นกับรูปแบบการให้บริการของผู้ให้บริการแต่ละราย
ขณะที่การใช้งาน นักท่องเที่ยวใช้จ่ายผ่านการสแกนคิวอาร์ปกติของร้านค้าทั่วไป โดยมีข้อกำหนดในการใช้งานเพื่อป้องกันการนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการฟอกเงินและการหลอกลวงภัยการเงิน เช่น เป็นบัญชีม้า โดยจำกัดวงเงินการใช้จ่าย 500,000 บาทต่อเดือนต่อบัญชี, จำกัดวงเงินการใช้จ่าย 50,000 บาทต่อเดือนต่อบัญชี สำหรับร้านค้ารายย่อยทั่วไป และห้ามใช้จ่ายที่ร้านค้าที่เข้าข่ายมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกใช้เป็นช่องทางการฟอกเงิน เช่น การลงทุน ผลิตภัณฑ์ที่เปลี่ยนเป็นเงินได้ง่าย ตามหลักเกณฑ์ของสำนักงาน ปปง.