“แกนนำกลุ่มนี้เมื่อเคลื่อนไหว มักไปจบที่รัฐประหาร มันกลายเป็นภาพจำ คนจึงคิดว่าการชุมนุมของ [ม็อบรวมพลังแผ่นดินฯ] จะนำไปสู่รัฐประหาร”
เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2568 ม็อบรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ประกาศ 3 ข้อเรียกร้องหลัก ได้แก่ นายกรัฐมนตรีลาออก พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว และปกป้องอธิปไตยไทย
สมบัติ บุญงามอนงค์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ระบุถึงสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนรู้สึกว่าการชุมนุมของกลุ่มรวมพลังแผ่นดินฯ เป็นการปูทางนำไปสู่การเกิดการรัฐประหาร
“สาเหตุแรกเลยแกนนำกลุ่มนี้ เมื่อเคลื่อนไหวมักไปจบที่รัฐประหาร มันกลายเป็นภาพจำ”
เขากล่าวต่อ การรัฐประหาร 2 ครั้งแล้ว ตั้งแต่ปี 2549 ถึงปี 2557 เกิดจากแกนนำกลุ่มนี้ ดังนั้น มันทำให้คนคิดว่าการชุมนุมนี้จะนำไปสู่รัฐประหาร
สมบัติ ระบุถึงสาเหตุที่สองว่า การปราศรัยของสนธิมีปัญหา เพราะสารที่สื่อออกมาเหมือนปูทางให้เกิด ยอมรับให้มีการรัฐประหาร มันก็เลยกลายเป็นประเด็น ทั้งนี้ การชุมนุมเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ที่ผ่านมา สนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัยบนเวทีว่า
“ถ้าทหารจะทำอะไรตอนบ้านเมืองวิกฤตก็ทำไป แต่ขอให้การได้มาซึ่งนายกฯ ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย จะทำเมื่อไหร่ก็ทำไป ถ้าบ้านเมืองวิกฤต จะปุ๊บปั๊บก็เรื่องของเขา แต่พลเอกอย่ามาบริหารบ้านเมืองอีก”
เหตุใดถึงไม่ควรเรียกหาการรัฐประหาร?
สมบัติ ชี้ว่า ระบอบเผด็จการมีทางออก ก็คือการคืนอำนาจให้กับประชาชน ส่วนการรัฐประหารมันเป็นทางออกชั่วคราว แต่ว่าผลของมันหลังจากนั้น ค่าเสียหายหลังจากนั้นมันสร้างความเสียหายมาก
เขาเสริมว่า ดังนั้นมันไม่คุ้มค่า และจริงๆ แล้วมันผิดหลักการ เพราะการรัฐประหาร มันเป็นการทำลายหลักการ ทำลายประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย ทำลายหลักการสำคัญว่าประเทศที่ปกครองโดยใครที่มีอำนาจสูงสุด มันทำลายหลักการนี้ ฉะนั้น จึงเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ ทั้งในเชิงหลักการและก็ผลของการเกิดรัฐประหาร
“ต่อให้การรัฐประหารจบไปแล้ว ประเทศยังไปต่อด้วยความยากลำบาก เพราะว่าผลพวงของมัน เช่น กฎหมาย คณะบุคคลจำนวนหนึ่งที่ไปอยู่ในกลไกต่างๆ ของสังคม ล้วนเป็นผลพวงมาจากรัฐประหารที่ยังคงดำรงอยู่”
อ่านบทความ ‘รัฐประหารไม่ใช่ทางออก และแก้ไขปัญหาไม่ได้ ฟังเหตุผลที่ไม่ควรเรียกร้องหารัฐประหาร’ ได้ที่: thematter.co