โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

กมธ.มั่นคงฯ เชิญ “แพทองธาร” ให้ข้อมูลคลิปเสียง พร้อมถกปมคลิปสั่งล่าคนเห็นต่างในไทย

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

อัพเดต 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ภาพไฮไลต์

กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ ถกปัญหากรณีคลิปเสียงการสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีกับ “สมเด็จฮุน เซน” และกรณีคลิปเสียงสั่งไล่ล่าผู้เห็นต่างในไทย เตรียมเชิญ “แพทองธาร” พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ข้อมูล

วันที่ 3 กรกฎาคม 2568 นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ เลขานุการคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ พร้อมด้วย นายรอมฎอน ปันจอร์ กมธ. และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ที่ปรึกษาประจำ กมธ. แถลงผลการประชุม ซึ่งในวันนี้ กมธ.ความมั่นคงฯ ได้พิจารณาเกี่ยวกับคลิปเสียงการสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และกรณีคลิปเสียงการสนทนาระหว่างบุคคลเสียงคล้ายสมเด็จฮุน เซน สั่งนายเคลียง ฮวด ไล่ล่าผู้เห็นต่างทางการเมืองในประเทศไทย ซึ่งทั้งสองคลิปส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน

นายชุติพงศ์ กล่าวว่า กมธ.ความมั่นคงฯ ได้เชิญผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล ได้แก่

1. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้
2. สภาความมั่นคงแห่งชาติ โดย นายไผท สิทธิสุนทร ผู้ช่วยเลขาธิการ
3. กระทรวงการต่างประเทศ โดย นายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย
4. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.ต.วีรพัฒน์ ศิวะแพทย์ รองผู้บัญชาการสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ
5. สำนักงานอัยการสูงสุด โดย นายสุทธิ สุขยิ่ง อัยการพิเศษฝ่ายกิจการต่างประเทศ 3 และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว ได้แก่ น.ส.สิตานันท์ สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นายพร พันนา และนายสวน จำเริญ

ทั้งนี้ คณะ กมธ. จะเชิญนายกรัฐมนตรีมาให้ข้อมูลอีกครั้ง เพราะในคลิปเสียงซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สนทนากับสมเด็จฮุน เซน เป็นการส่วนตัว หากนายกรัฐมนตรีไม่เดินทางมาให้ข้อมูลด้วยตนเองก็ไม่มีใครสามารถให้ข้อมูลแทนได้ และในวันที่ 6-7 กรกฎาคม 2568 คณะ กมธ. จะเดินทางลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดสระแก้ว ขอให้สื่อมวลชนร่วมติดตามกรณีข้อพิพาทและการทำงานของคณะ กมธ. ซึ่งจะมี นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยคณะอนุ กมธ. ที่ดูแลเกี่ยวกับการตรวจสอบบัญชีม้า และ Call Center ไปร่วมติดตามกรณีนี้เช่นเดียวกัน

ด้าน น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ประเด็นหลักที่ถูกนำมาซักถามในคณะ กมธ. คือประเด็นเกี่ยวกับคลิปที่ผ่านการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าเป็นเสียงของสมเด็จฮุน เซน จริง และเนื้อหาสำคัญของคลิปคือการสั่งให้นายเคลียง ฮวด ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกับที่ปรากฏในฐานะล่ามระหว่างนายกรัฐมนตรีกับสมเด็จฮุน เซน เป็นผู้รับคำสั่งจากสมเด็จฮุน เซน ให้ไปประสานกับตำรวจไทยในการจับเป็นหรือจับตายฝ่ายค้านและผู้เห็นต่างกัมพูชาที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งวันนี้คณะ กมธ. เรียกนายพร พันนา ซึ่งเป็นบุคคลในปรากฏในเสียงของสมเด็จฮุน เซน ในคลิปว่า “โดยเฉพาะ พร พันนา ต้องจับเป็นหรือจับตายให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” ซึ่งปัจจุบันนายพร พันนา ได้ลี้ภัยอยู่ที่สหรัฐอเมริกาและเข้าร่วมประชุมกับคณะ กมธ. ผ่านระบบซูม รวมถึงนายสวน จำเริญ ผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชา ที่ลี้ภัยอยู่ที่ประเทศนิวซีแลนด์

ในกรณีของนายพร พันนา ได้ให้ข้อมูลว่าเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยที่จังหวัดระยอง และถูกทำร้ายร่างกายที่อำเภอบ้านฉาง นายพร พันนา ได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.บ้านฉาง จนถึงปัจจุบันก็ยังคงไม่มีความคืบหน้า ซึ่งคณะ กมธ. จะได้ติดตามความคืบหน้าต่อไป ส่วนนายสวน จำเริญ ให้ข้อมูลว่าถูกทำร้ายที่อพาร์ทเมนต์ของตนเองในพื้นที่เขตดินแดง ซึ่งเป็นความพยายามใช้ปืนไฟฟ้าช็อตและอุ้มขึ้นรถตู้แต่เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีคนอาศัยอยู่จำนวนมากและมีคนมุงดูจึงจับตัวไม่สำเร็จ ทำให้นายสวน จำเริญ หลบหนีไปได้ และได้รับข้อมูลจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) และ Human Right Watch ว่านายสวน จำเริญ เป็นเป้าหมายในการถูกไล่ล่าจึงสามารถลี้ภัยได้และปัจจุบันลี้ภัยอยู่ที่ประเทศนิวซีแลนด์ เหล่านี้เป็นข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงที่สอดคล้องกับคลิปเสียง

นอกจากนี้ ยังมีบุคคลที่รู้จักและคุ้นเคยกับนายเคลียง ฮวด เป็นอย่างดี คือ น.ส.ประกายดาว พฤกษาเกษมสุข ซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดกับนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ที่ถูกบังคับสูญหายในระหว่างที่อยู่ที่กัมพูชา โดย น.ส.ประกายดาว ให้ข้อมูลว่านายวันเฉลิม ได้อาศัยในคอนโดหรือโรงแรมของนายเคลียง ฮวด และเป็นที่ชัดเจนว่านายเคลียง ฮวด เป็นมือขวาของสมเด็จฮุน เซน และดูแลผู้ลี้ภัยไทยที่หลบหนีอยู่ในกัมพูชา รวมถึงนายวันเฉลิมด้วย ซึ่ง น.ส.ประกายดาว และ น.ส.พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ทนายความของ น.ส.สิตานันท์ สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นผู้ติดตามคดีของนายวันเฉลิม ได้ให้ข้อสังเกตต่อคณะ กมธ. ว่า มีความเป็นไปได้ว่าอาจมีรูปแบบการแลกเปลี่ยนการจับกุมตัวผู้ลี้ภัยระหว่างทางการไทยกับกัมพูชา เนื่องจากกรณีนายวันเฉลิม มีการรับรู้จากชาวกัมพูชาว่าถูกจับและส่งตัวกลับมาที่ประเทศไทย ขณะเดียวกันยังมีการให้ข้อมูลว่านายเคลียง ฮวด อาจมีบัตรประชาชนหรือมีสัญชาติไทยและมีทรัพย์สินในประเทศไทย ซึ่งคณะ กมธ. จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสืบสวนขยายผลต่อไป

นอกจากนี้ คณะ กมธ. มีข้อสังเกตเกี่ยวกับรายละเอียดที่เกิดขึ้นต่อคลิปเสียงว่าคลิปเสียงที่สมเด็จฮุน เซน สั่งจับเป็นหรือจับตายฝ่ายค้านโดยให้ นายเคลียง ฮวด ร่วมมือกับตำรวจไทยอาจเข้าข่ายความผิดตามหมวด 3 ของประมวลกฎหมายอาญา ความผิดต่อการมั่นคงนอกราชอาณาจักร และอาจเข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือ มาตรา 157 ที่อาจต้องมีการดำเนินการกับนายกรัฐมนตรี รวมถึงรัฐมนตรีและหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ด้วยหรือไม่

ส่วนประเด็นการดำเนินการในระดับกฎหมายระหว่างประเทศกับสมเด็จฮุน เซน ในเรื่องนี้ ผู้ใหญ่ของกระทรวงการต่างประเทศยอมรับว่ามีการศึกษาพิจารณากันอยู่ และต้องขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคลิปด้วย ซึ่งตำรวจรับแล้วว่าจะนำคลิปเสียงมาตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ว่าเป็นเสียงของสมเด็จฮุน เซน หรือไม่ มีการตัดต่อหรือไม่ เพื่อนำเข้าสำนวนคดีต่อไป ทั้งนี้ ทางตำรวจยืนยันว่า ไม่เคยมีความเกี่ยวข้องหรือร่วมมือกับนายเคลียง ฮวด

ทางด้านผู้แทนจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ ยอมรับว่ามีปฏิบัติการของต่างชาติที่เข้ามาเป็นภัยคุกคามหรือมีปฏิบัติการตามล่าชาวกัมพูชาในประเทศไทยจริง แต่ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้มากนักและไม่ทราบว่าปฏิบัติการเหล่านี้มีรายละเอียดอย่างไร และมีความร่วมมืออย่างไม่เป็นทางการกับหน่วยงานราชการของไทยหรือไม่ นอกจากนี้ คณะ กมธ. ยังมีข้อกังวลในเรื่องคลิปเสียงระหว่างนายกรัฐมนตรีกับสมเด็จฮุน เซน ว่า ไม่แน่ใจว่าจะมีคลิปบทสนทนาส่วนตัวระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้นำต่างชาติอื่นอีกหรือไม่ เนื่องจากคณะ กมธ. มีความไม่สบายใจอย่างยิ่งที่อาจมีคลิปเสียงในลักษณะที่กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือกระทบต่อความมั่นคงของประเทศอันเกิดจากการดำเนินการทางการทูตที่ไม่ถูกต้องของนายกรัฐมนตรีหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมการประชุมวันนี้หลังจากที่ได้รับข้อมูลผู้ลี้ภัยจากกัมพูชาและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับนายเคลียง ฮวด ซึ่งเป็นคนไทยแล้ว คณะ กมธ. จะนำคลิปเสียงเข้าสู่สำนวนคดี โดยนายพร พันนา และนายสวน จำเริญ ยืนยันว่าจะส่งข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการถูกคุกคามในประเทศไทยมาให้คณะ กมธ. ซึ่งคณะ กมธ. จะจัดส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป.

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : กมธ.มั่นคงฯ เชิญ “แพทองธาร” ให้ข้อมูลคลิปเสียง พร้อมถกปมคลิปสั่งล่าคนเห็นต่างในไทย

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

ดูดวงรายวัน ประจำวันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม 2568

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

หนุ่มใจบุญช่วยไถ่ชีวิต "กบเผือก" ตั้งใจเลี้ยงเอาไว้ เชื่อมาให้โชค แถมไม่กั๊ก "เลขเด็ด"

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความยอดนิยม