ชาวไร่ยาสูบวอน ยสท. รับซื้อใบยาตกค้าง หลังขายไม่ออกต้นทุนจม
นายกิตติทัศน์ ผาทอง ตัวแทนภาคีชาวไร่ยาสูบแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ปี 68 มีปัญหาเรื่องใบยาตกค้างเป็นจำนวนมากชาวไร่ลงทุนไปแล้ว แต่ไม่สามารถขายได้ ทำให้ต้นทุนจม จึงต้องการขอให้การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ช่วยรับซื้อ
ทั้งนี้ ปัจจุบันชาวไร่มีความเดือดร้อน และประกอบอาชีพอย่างยากลำบาก ทั้งจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ภัยธรรมชาติอย่างน้ำท่วมที่มาเร็วและหนักหนาขึ้นทุกปี
และสภาพอุตสาหกรรมก็หดตัวลงอย่างหนักเพราะบุหรี่เถื่อนที่โตขึ้นและบุหรี่ไฟฟ้าที่มาแย่งตลาด
อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามแก้ไขสถานการณ์เศรษฐกิจและความท้าทายต่าง ๆ ทั้งจากผลกระทบระหว่างประเทศ สงคราม และความไม่แน่นอน
“ล่าสุดได้เดินทางเข้าพบนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เนื่องจากชาวไร่ได้รับผลกระทบจากใบยาตกค้างที่ยังไม่ได้รับการรับซื้อแม้หมดฤดูเพาะปลูกแล้ว”
สำหรับปีนี้จะมีการประชุมกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก (WHO FCTC- COP) ครั้งที่ 11 ที่มักจะตามมาด้วยนโยบายสุดโต่ง เช่น การเสนอให้ชาวไร่เลิกทำยาสูบและไปปลูกพืชอื่นทดแทน หรือการจะให้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ผลิตเช่น ยสท. เพราะทุกครั้งมีแต่ตัวแทนจากฝ่ายสาธารณสุขไปเข้าร่วมประชุม
และกำหนดจุดยืนของประเทศไทยเพียงลำพังโดยขาดความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมจากกระทรวงการคลังทำให้ชาวไร่ต่างกังวลกันว่าจะกลายเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนที่มีอยู่แล้วให้แย่ลงไปกว่าเดิมอีก
“ชาวไร่ยาสูบต้องการให้มีตัวแทนจากกระทรวงการคลังเข้าร่วมการประชุมการประชุมกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก (WHO FCTC - COP) ครั้งที่ 11 ด้วย และขอให้กระทรวงการคลังได้มีส่วนร่วม แสดงความคิดเห็น กำหนดท่าทีของประเทศไทยก่อนการไปประชุม โดยคำนึงถึงผลกระทบอย่างรอบด้าน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดนโยบายสุดโต่ง ที่จะมาซ้ำเติมความเดือดร้อนของชาวไร่อีก”
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงฯ จะพิจารณาส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุมอย่างแน่นอน เพราะได้รับทราบแล้วว่าผลของการประชุมจะส่งผลกระทบกับ ยสท. และชาวไร่ยาสูบ