คนร. ไฟเขียว NT ออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ เผย 6 เดือนแรกกำไร 4 พันล้าน
วันที่ 8 สิงหาคม 2568 พันเอก สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เปิดเผยผลประกอบการครึ่งปีแรก 2568 NT มีผลดำเนินงานรวม 41,118 ล้านบาท จากธุรกิจโมบาย บรอดแบนด์ โครงสร้างพื้นฐาน และ บริการดิจิทัล โดยมีกำไรสุทธิ 4,110 ล้านบาท คาดสิ้นปีรายได้รวม 67,525 ล้านบาท และกำไรสุทธิเป็นไปตามแผนธุรกิจ ทั้งนี้โดยรวมดอกเบี้ยส่วนเพิ่ม อันสืบเนื่องจากรายการพิเศษค่าคดีความส่วนแบ่งผลประโยชน์ของ บจก. จัสมิน ซับมารีน เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ จำนวน 5,128 ล้านบาท
ทั้งนี้ NT มีกำไรครึ่งปีแรกสูงกว่าแผนธุรกิจเนื่องจากการควบคุมค่าใช้จ่าย ประกอบกับควบคุมปัจจัยภาพรวมการบริหารจัดการได้ดีโดยตัวเลข EBIT เพิ่มขึ้นขณะที่ค่าใช้จ่ายพนักงานและค่าเสื่อมราคาลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2564-2568 เป็นผลให้ NT ได้รับการพิจารณาให้ออกจากการกำกับและติดตามการแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจหรือแผนฟื้นฟูกิจการ จากมติสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เมื่อพฤษภาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ NT ยังคงเน้นการดำเนินงานตามเป้าหมายอย่างเข้มข้นและเคร่งครัดภายใต้การกำกับของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) โดยมุ่งตอบโจทย์แผนตามยุทธศาสตร์หลักในการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย การสนับสนุนภารกิจภาครัฐ และการพัฒนาองค์กร ดันรายได้ครึ่งปีหลังเต็มสูบ มุ่งเป้าสิ้นปีกำไรตามแผน
พันเอก สรรพชัยย์ กล่าวว่าหลังจากหมดอายุใบอนุญาตคลื่นความถี่ 850 MHZ,2300 MHz และ 2100 MHz ในเดือนสิงหาคม 2568 นับเป็นช่วงเวลาสำคัญอย่างมากในการปรับทิศทางธุรกิจของ NT โดยเป้าหมายแรกคือการผลักดันรายได้สิ้นปีนี้ให้ทันตามแผนธุรกิจ มุ่งรักษาฐานรายได้เดิมของธุรกิจหลักคือ ธุรกิจโมบาย ซึ่งปัจจุบัน NT ได้โอนย้ายลูกค้าและให้บริการอย่างต่อเนื่องบนคลื่น 700 MHz พร้อมลดต้นทุนค่าโรมมิ่งโดยปรับแพคเกจเน้น 4G ซึ่งลูกค้า MY by NT สามารถใช้งานเพียงพอต่อการใช้งานทั้งการโทร และการใช้อินเทอร์เน็ต
ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นเป้าหมายสำคัญที่เน้นผลักดันเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างรายได้จากพื้นที่เช่าในทำเลศักยภาพสูงทั้งในกรุงเทพและจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งขณะนี้ได้มีลูกค้าสนใจทำสัญญาหลายพื้นที่ โดย NT ได้ปรับระเบียบขั้นตอนในการหาผู้เช่าและการอนุมัติอัตราค่าใช้บริการที่คล่องตัว พร้อมกับร่วมมือพันธมิตรในการช่วยหาผู้เช่าเพิ่มขึ้น ร่วมกับการใช้ระบบข้อมูลภายในสนับสนุนเพื่อเร่งกระบวนการทำงานเร็วขึ้น ทั้งนี้ NT ได้ปรับการใช้พื้นที่ในโซนอาคารสำนักงานแจ้งวัฒนะทำให้ได้พื้นที่ว่างเพิ่มขึ้นราว 10,000 ตารางเมตร ซึ่งจะเพิ่มเป็นพื้นที่เช่าต่อไป
สำหรับโอกาสในธุรกิจใหม่ NT เน้นเดินหน้าความร่วมมือพันธมิตร Joint Venture ที่สร้างรายได้ใหม่โดยเน้นด้านดิจิทัลและบริการคลาวด์ รวมถึงธุรกิจดาวเทียม การพัฒนาธุรกิจบริการด้านระบบดาวเทียมวงโคจรต่ำ(LEO) เป็นหนึ่งในโอกาสสร้างรายได้ระยะยาวของ NT โดยปัจจุบัน NT ให้บริการเกตเวย์สำหรับเครือข่ายดาวเทียมของ Eutelsat One Web ที่สามารถเป็นต้นแบบความสำเร็จในการร่วมมือกับผู้ให้บริการรายอื่น ๆ เพื่อรองรับการใช้งานโดรนที่จะสามารถควบคุมด้วยระบบดาวเทียมในอนาคต
นอกจากนี้ NT ยังมีแผนขยายตลาดในส่วนภูมิภาคเพิ่มขึ้นของบริการกลุ่มดิจิทัล,ดาต้าคอม, บรอดแบนด์, CCTV, SI และอสังหาริมทรัพย์ โดยผ่านทีมขายส่วนภูมิภาคทั่วประเทศและมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าองค์กรเป็นหลัก บวกกับการควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายในทุกด้านซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มระดับกำไรสุทธิให้เข้าเป้าตามแผนผลักดันแนวคิดเชิงยุทธศาสตร์เพื่ออนาคตองค์กรและประเทศ
พันเอก สรรพชัยย์ กล่าวต่อไปว่า นอกเหนือจากการสร้างรายได้กลุ่มบริการใหม่ มุ่งเน้นรักษาฐานรายได้เดิม และขยายความร่วมมือพันธมิตรดังกล่าวแล้ว การดำเนินธุรกิจของ NT ในฐานะหน่วยงานโทรคมนาคมหลักของประเทศ ยังมุ่งขับเคลื่อนแนวคิดโครงการสำคัญที่เป็นโอกาสทางธุรกิจ พร้อมกับสามารถสนับสนุนภารกิจภาครัฐและยุทธศาสตร์ของประเทศ อาทิ
แนวทางการบูรณาการการใช้คลื่นความถี่ 850 MHZ ร่วมกับคลื่นความถี่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคลื่น Digital Trunk เพื่อประโยชน์ต่อประเทศในด้านความมั่นคง และรองรับการสื่อสารในภารกิจ/กรณีภัยพิบัติ โดยมั่นใจว่า NT ในฐานะโอเปอเรเตอร์ภาครัฐสามารถดำเนินการด้วยความพร้อมของอุปกรณ์โครงข่ายและบุคลากรทั่วประเทศ ซึ่งช่วยสนับสนุนภารกิจหน่วยงานรัฐ และหน่วยงานความมั่นคงได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะด้านการป้องกันบรรเทาสาธารณภัย ภัยพิบัติ ทั้งนี้ ยังต้องมีการรวบรวมข้อมูลความต้องการใช้งานที่ชัดเจนจากหน่วยงานภาครัฐและประเมินความคุ้มค่าต่อไป
การขับเคลื่อน ASEAN Digital Hub NT พร้อมที่จะสนับสนุนยุทธศาสตร์ประเทศในการเป็นศูนย์กลางของอาเซียนด้าน Connectivity ในภาพรวม บนแนวคิดการขยายศักยภาพและความพร้อมในการรองรับการลงทุนด้านดิจิทัลของ Hyper Scale จากต่างขาติให้เข้ามาใช้ได้ทันที ได้แก่ การเพิ่มเส้นทางเชื่อมโยงเคเบิลใต้น้ำและภาคพื้นดินอย่างพอเพียง โดยเฉพาะเส้นทางสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ เช่น เส้นทางเชื่อมต่อฝั่งอันดามัน-อ่าวไทย, และเส้นทางไทย-สิงคโปร์ รวมถึงการบาลานซ์ทราฟิกออกนอกประเทศ, การบาลานซ์ทราฟิกระหว่างบนพื้นดินและใต้น้ำ และการเป็น Neutral ศูนย์กลางควบคุมการเชื่อมโยงระหว่างประเทศในอาเซียน ซึ่งจะส่งเสริมประเทศไทยด้านความมั่นคงและการเป็นผู้นำด้านสื่อโทรคมนาคมของภูมิภาคในอนาคต