ตลาดหุ้นจีนส่งสัญญาณเตือน หลังหุ้นพุ่งแรง สวนทางปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ
ตลาดหุ้นจีนส่งสัญญาณเตือน หลังหุ้นพุ่งแรง สวนทางปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -26 ส.ค. 68 14:19 น.
การพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงเกินคาดของตลาดหุ้นจีนในช่วงที่ผ่านมา เริ่มส่งสัญญาณเตือนนักลงทุนว่า การเติบโตครั้งนี้ถูกขับเคลื่อนด้วย สภาพคล่องที่ล้นเกิน ไม่ใช่เพราะพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง แม้ว่ามูลค่าการซื้อขายจะพุ่งทำสถิติ และดัชนีCSI 300 จะโชว์ฟอร์มโดดเด่น แต่ตัวชี้วัดสำคัญหลายตัวกลับส่งสัญญาณว่า ตลาดหุ้นจีนกำลังเข้าสู่ภาวะ "ซื้อมากเกินไป"
ตลาดหุ้นจีน ซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ยังพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันจันทร์ (25 ส.ค.) โดยมีมูลค่าการซื้อขายแตะ 3.1 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 433,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ซึ่งทำสถิติมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์การซื้อขายของตลาดหุ้นจีน
ขณะที่ดัชนี CSI 300 ปรับขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ถือเป็นหนึ่งในดัชนีที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในเอเชียเดือนนี้ อย่างไรก็ตาม ตัวชี้วัดต่าง ๆ ตั้งแต่มูลค่าหุ้นไปจนถึงตัวบ่งชี้ทางเทคนิคและการซื้อขายโดยใช้มาร์จิน เริ่มส่งสัญญาณเตือนแล้ว
มูลค่าหุ้นในตลาดมีแนวโน้มแพงขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากที่ปรับตัวขึ้นรอบล่าสุด ทำให้ดัชนี CSI 300 ซึ่งพุ่งขึ้นกว่า 13% ไปแล้วในปีนี้ โดยมีอัตราส่วน P/E ล่วงหน้า 12 เดือน อยู่ที่เกือบ 15 เท่า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2022 และสูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปี ที่ประมาณ 12 เท่า
ขณะที่ความน่าดึงดูดของดัชนี CSI 500 ซึ่งเป็นหุ้นขนาดเล็กก็ลดลงเช่นกัน โดยตอนนี้มีค่า P/E ล่วงหน้า อยู่ที่ประมาณ 21 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ 17 เท่าอย่างมาก แม้จะยังไม่ถึงระดับสูงสุดของปีนี้ แต่ประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) ของทั้งสองดัชนีจาก Bloomberg ก็มีแนวโน้มสูงขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
สัญญาณบ่งชี้ทางเทคนิค สะท้อน ซื้อมากเกินไป ดัชนี Star 50 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นกลุ่มชิป เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดของการปรับตัวขึ้นรอบล่าสุดนี้ โดยเกือบ 2 ใน 3 ของหุ้นในดัชนีนี้มีการซื้อขายในระดับที่สูงกว่ากรอบบนของ Bollinger Band ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความผันผวนที่นิยมใช้ในการพิจารณาว่า มูลค่าหุ้นว่าสูงหรือต่ำเกินไป ระดับดังกล่าวยังเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ขึ้นไปแตะจุดพีคที่ 100% ในเดือนต.ค. 2024 และอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงจุดที่ควรขายออก
ขณะที่ตัวชี้วัดทางเทคนิคอื่นๆ กำลังส่งสัญญาณเตือนเช่นกัน โดยดัชนีหุ้นหลักในประเทศ 4 รายการแตะระดับ "ซื้อมากเกินไป" ส่วนดัชนี Relative Strength Index (RSI) ระยะ 14 วัน ทั้งหุ้นขนาดใหญ่และหุ้นเติบโต ในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น ต่างไต่ขึ้นสูงกว่าระดับ 80 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ระดับ 70 บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นอยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป
อย่างไรก็ตาม ค่าความผันผวน 10 วันของดัชนี Shanghai Composite ยังคงอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งบ่งชี้ว่าเซนติเมนท์ของนักลงทุนรายย่อยที่ติดตามดัชนีนี้อย่างใกล้ชิด ยังไม่ได้อยู่ในภาวะกลัวตกขบวนจนเกินเหตุ
การเทรดด้วยมาร์จินเพิ่มขึ้น แม้นักวิเคราะห์บางคนจะมองเชิงบวกว่าตลาดขาขึ้นรอบนี้จะมีความแข็งแกร่ง แต่การเทรดโดยใช้มาร์จินยังเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่น่ากังวล ซึ่งปริมาณการซื้อขายด้วยวิธีนี้เมื่อเทียบเป็นสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายรายวันรวมทั้งหมดในตลาดแตะระดับสูงกว่า 11% หลายครั้งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา และกำลังขยับเข้าใกล้ระดับสูงสุดเมื่อเดือนต.ค
ขณะที่ยอดคงค้างของการซื้อขายด้วยมาร์จินเพิ่มขึ้นเป็น 2.1 ล้านล้านหยวน ซึ่งต่ำกว่าจุดสูงสุดในปี 2015 ก่อนที่ภาวะฟองสบู่จะระเบิด ไม่ถึง 6% อย่างไรก็ตาม ขนาดของตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ก็ได้ขยายตัวขึ้นประมาณ 75% จากจุดสูงสุดเมื่อสิบปีก่อนเช่นกัน
ที่มา Bloomberg
รายงาน โดย Supak Hopuengju เรียบเรียง โดย Supak Hopuengju
อีเมล์. supak@efinancethai.com
ดูข่าวต้นฉบับ