โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

กรมแพทย์แผนไทยฯย้ำ 'กัญชาทางการแพทย์' จำกัด 5 กลุ่มอาการ

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 1 ก.ย.2568 ที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก มีการแถลงข่าว การดำเนินงานตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องสมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ. 2568 และการพัฒนาระบบควบคุมการใช้กัญชาทางการแพทย์ โดยนพ.สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศ สมุนไพรควบคุม(กัญชา) พ.ศ. 2568 ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา มิถุนายน 2568

มีการกำหนดมาตรการควบคุม “ช่อดอกกัญชา” ได้แก่ ผู้ป่วยต้องมีใบสั่งแพทย์ จึงจะสามารถเข้าถึงช่อดอกกัญชาได้ ร้านจำหน่ายต้องมีใบอนุญาต และจัดหากัญชาจากแหล่งปลูกที่ได้มาตรฐาน ห้ามจำหน่ายกัญชาผ่าน ออนไลน์ เครื่องขายอัตโนมัติ และโฆษณาเพื่อการค้า ใบสั่งแพทย์จำกัดการจ่าย ไม่เกิน 30 วันต่อครั้ง

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการต้องบันทึกผลการมีและการใช้กัญชาในระบบ ตามแบบ ภ.ท.27 และแบบ ภ.ท.28 พร้อมส่งรายงานดังกล่าวผ่านระบบ online หรือ E-mail ให้ผู้อนุญาตเป็นประจำทุกเดือน ขณะเดียวกัน ผู้ป่วยต้องมีใบสั่งจ่ายแพทย์ ภ.ท.33

ซึ่งออกโดยผู้ประกอบวิชาชีพ 6 กลุ่ม ได้แก่ แพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ แพทย์แผนจีน เภสัชกร ทันตแพทย์ และหมอพื้นบ้าน อีก 1 กลุ่ม เท่านั้น โดยการใช้กัญชาจะจำกัดอยู่ใน 5 กลุ่มอาการ ได้แก่ นอนไม่หลับ, ปวดเรื้อรัง, ไมเกรน, พาร์กินสัน และเบื่ออาหาร

ร้านใบอนุญาตจ่อหมดอายุ 12,000 แห่ง

กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกจึงมีการพัฒนาบุคลากรประกอบวิชาชีพ 6 วิชาชีพ และ หมอพื้นบ้าน อีก 1 กลุ่ม ต้องผ่านการอบรมการสั่งจ่ายตามใบสั่งแพทย์ ภ.ท.33 ปัจจุบันมีผู้ผ่านการอบรมแล้ว 3,693 คน รวมถึง มีการจัดอบรมหลักสูตรกัญชาทางการแพทย์เบื้องต้นสำหรับผู้ช่วยแพทย์ หรือ Budtender และพัฒนา ระบบ Telemedicine สำหรับกัญชาทางการแพทย์ เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลใบ ภ.ท.27, ภ.ท.28 และ ภ.ท.33 เข้าสู่ฐานข้อมูลกลาง ลดความเสี่ยงจากการใช้ใบสั่งซ้ำ และเสริมการควบคุมที่แม่นยำ

ล่าสุด กรมการแพทย์แผนไทยฯ ร่วมมือกับภาคเอกชนและมหาวิทยาลัยมากกว่า 3 หน่วยงาน ในการพัฒนาระบบ เพื่อติดตามผลการรักษาอย่างเป็นระบบ และ ส่งมอบให้กรมได้ทดลองใช้งานฟรี ซึ่งจะช่วยให้การควบคุมและกำกับดูแลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทันสมัย มากยิ่งขึ้น
ขณะที่ในสิ้นปี 2568 จะมีร้านกัญชาที่ใบอนุญาตหมดอายุ 3 ปี ราว 12,000 แห่ง โดยหาก ร่างกฎกระทรวงสธ. การอนุญาตให้ศึกษาวิจัยหรือส่งออกสมุนไพรควบคุม หรือจำหน่าย หรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….ที่รอเข้าสู่การพิจารณาของครม.ผ่านออกมาและมีผลบังคับใช้ การต่อใบอนุญาตก็จะต้องดำเนินการตามเกณฑ์ใหม่ ซึ่งร้านที่เคยถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาต ผู้อนุญาตอาจพิจารณาไม่ต่ออายุใบอนุญาต

มูลค่าขึ้นต่ำ 36,000 ล้าน

ด้านนายสุปรีย์ ทองเพชร นายกสมาคมสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม SME กล่าวว่า ปัจจุบันประเมินว่าการใช้กัญชาทางการแพทย์มีมูลค่าขั้นต่ำอยู่ที่ประมาณ 36,000 ล้านบาท ยังไม่นับรวมการส่งออก ในส่วนของทุนเล็กๆ อย่าง SME ก็พยายามที่จะยกระดับมาตรฐานตัวเองเช่นกัน

แต่ปัญหาที่ผ่านมาคือ ไม่มีเส้นมาตรฐานที่ชัดเจน ทำให้การยกระดับมาตรฐานทำได้ยาก เมื่อมีการสร้างเส้นมาตรฐานที่ชัดเจนขึ้นมา ก็สามารถให้ความรู้และนำผู้ประกอบการเข้าสู่กระบวนการมาตรฐานได้ นำไปสู่ความเท่าเทียมกันในการทำธุรกิจ ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นการออกกฎที่เอื้อให้ทุนใหญ่ได้เปรียบทุนเล็ก

สมาคมฯ กำลังพยายามปรับอัตราเร่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ในการยกระดับมาตรฐานผู้ประกอบการ โดยขั้นแรกทำให้ผู้ที่เดือดร้อนเกือบทั้งหมดนั้น กลายเป็นผู้ช่วยแพทย์ก่อน ตามแนวทางของกรม รวมถึง พัฒนาระบบ CannaMed Connect เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการกัญชาทั่วประเทศเข้าถึง โดยเป็นแพลตฟอร์มกลางที่สนับสนุนการควบคุมการใช้กัญชาอย่างรอบด้าน

"สมาคมฯ ต้องการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ประสบความยากลำบากจากนโยบายกัญชาให้เดินหน้าธุรกิจต่อไปได้ จากที่ก่อนหน้านี้มีSME เกิน 50 % ที่จะถอยออกไป แต่เมื่อสมาคมฯขยับมาช่วย ทำให้เกินครึ่งก็หันกลับมาเดินต่อ โดยดึงทุกอย่างกลับเข้าสู่มาตรฐานทางการแพทย์ การควบคุมที่มีความโปร่งใสมากขึ้น การปรับหรือยกระดับมาตรฐานทั้งผู้ประกอบการและตัวกัญชาก็จะทำได้ง่ายขึ้น และธุรกิจที่ไม่เหมาะสมก็จะค่อยๆ ลดลงไป”นายสุปรีย์กล่าว

ตลาดกัญชาการแพทย์ไปได้

นายสุปรีย์ มั่นใจว่าตลาดจะยังคงไปได้ โดยผู้บริโภคเองก็ต้องปรับวิธีคิดเกี่ยวกับการใช้กัญชาเช่นกัน ซึ่งมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากถึง 300,000-400,000 คน พร้อมจะเข้ามาใช้ประโยชน์จากกัญชาทางการแพทย์ของไทย เพียงแค่มีใบสั่งยาอย่างถูกต้องและมีหมายเลขผู้รับกัญชาอย่างถูกต้อง และการพัฒนาระบบตรวจสอบย้อนกลับ(traceability) ช่วยให้สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของกัญชา เป็นการยกระดับในเรื่องของคุณภาพ

“แม้การเมืองจะเปลี่ยนไม่เปลี่ยนขั้วรัฐบาล ก็จะอยู่ในหลักการเดียวกันตั้งแต่จุดเริ่มต้นคือ การนำมาใช้ทางการแพทย์ เชื่อว่ายังคงทำสิ่งเดิมคือให้ใช้เพื่อการแพทย์”นายสุปรีย์กล่าว

ขณะที่ สิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ความไม่แน่นอนที่ผ่านมาทำให้ตลาดกัญชาดรอปลงอย่างมาก โรงงานสกัดกัญชาหลายแห่งไม่สามารถส่งออกสารสกัดได้ หรือขึ้นทะเบียนเป็นอาหารเสริมหรือสมุนไพรก็ CBDต่ำ แต่มองว่าความชัดเจนเรื่อง Medical Cannabis จะเป็นโอกาสทำให้อุตสาหกรรมเริ่มกลับมาได้ ต่างชาติก็เริ่มกลับมาพูดคุย จากที่ในช่วงที่ไม่ชัดเจนต่างชาติก็เงียบไป ซึ่งการทำธุรกิจเอกชนต้องการความชัดเจน ก็เดินหน้าต่อได้

แนะปลดล็อกแล็บ-มาตรฐานฟาร์ม

ปัจจุบันปัญหาหลักของการดำเนินธุรกิจกัญชา อยู่ตรงที่ห้องปฏิบัติการ(แล็บ)ไม่เพียงพอ เนื่องจากแล็บที่จะตรวจวิเคราะห์กัญชาทางการแพทย์จะต้องไปขอมาตรฐาน ISO 17025 ที่เป็นมาตรฐานของห้องแล็บโดยเฉพาะ และฟาร์มกัญชาต้องได้มาตรฐาน GACP ซึ่งการขอ GACP ใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือนในการนัดคิวเข้าตรวจ และมีฟาร์มจำนวนมาก หากดำเนินการไม่ทันแล้วมีผลผลิตออกมา ก็จะไม่สามารถขายดอกกัญชาได้

สิทธิชัย เสนอว่า กรมการแพทย์แผนไทยฯจะต้องออกประกาศมาปลดล็อกตรงจุดนี้ โดยนำประกาศของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)มาใช้ ด้วยการให้โรงงานผลิตสมุนไพรหรือโรงงานผลิตยาแผนปัจจุบันขนาดใหญ่ที่มีห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐาน GMP PICS สามารถช่วยตรวจวิเคราะห์และออก Certificate ให้กับโรงงานขนาดเล็กได้ โดยที่โรงงานขนาดเล็กไม่จำเป็นต้องสร้างห้องแล็บเอง

ทั้งนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพรมีความพร้อมที่จะช่วยเหลืออุตสาหกรรมกัญชาทางการแพทย์ เนื่องจากมีโรงงานผลิตยาหรือผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ได้มาตรฐาน GMP PICS มีโรงงานผลิตยาอยู่ถึง 54 แห่ง และโรงงานผลิตยาแผนปัจจุบันที่ได้มาตรฐาน GMP PICS 160 แห่ง รวมมีโรงงานถึง 214 แห่ง ที่มีมาตรฐาน GMP PICS

ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ควบคุมตั้งแต่ขั้นตอนวัตถุดิบ การผลิต การตรวจห้องปฏิบัติการ ไปจนถึงผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปอยู่แล้ว ถือเป็นมาตรฐานที่สูงและเพียงพออยู่แล้ว สำหรับการขึ้นทะเบียนยาและผลิตยารักษาโรคให้คนกินอยู่แล้ว จึงมีความพร้อมเข้ามาช่วยตอบโจทย์ทั้งผู้ประกอบการรายย่อยให้มีแล็บรองรับ และราคาถูกกว่าห้องแล็บทั่วไป

“หากปลดล็อกให้ไม่ต้องมี GACP สำหรับฟาร์ม และไม่ต้องตรวจด้วยห้องแล็บ ISO 17025 แต่เมื่อเก็บจากดินแล้วนำเข้าสู่โรงงานผลิตยาที่ได้มาตรฐาน GMP PICS ก็จะกลายเป็นยา ดังนั้น หากฟาร์มที่ยังไม่ได้รับ GACP นำกัญชามาให้โรงงานผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ได้ GMP PICS ตรวจวิเคราะห์และรีแพ็ค รวมถึงออกใบรับรองความปลอดภัย กัญชานั้นก็จะสามารถส่งไปร้านค้าได้ และมั่นใจได้ว่าเป็น Medical Cannabis อย่างแท้จริง”สิทธิชัยกล่าว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

‘แบงก์ชาติยุโรป’ เตือน ทรัมป์แทรกแซง 'เฟด' กระทบเศรษฐกิจโลก

23 นาทีที่แล้ว

ไม่ไว้ใจ พท.-ภท.! ปชน.ถก สส.วันแรกไร้ข้อสรุป นัดต่อ 2 ก.ย.

51 นาทีที่แล้ว

‘OpenAI’ บุกตลาดอินเดีย เล็งสร้างศูนย์ข้อมูลมหึมา ใต้โครงการ Stargate

53 นาทีที่แล้ว

ต่างชาติยังเชื่อมั่นการเมืองไทย กนอ.ปั้น Future Skill รับคลื่นลงทุนแสนล้าน

53 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสุขภาพอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...