7 เดือนแรกปี 68 จีนส่งออกมาไทยโตแรง แซงอาเซียน
จีนส่งออกสินค้ามาอาเซียนว่าโตแล้ว
แต่ส่งออกมาไทยโตกว่า
กรกฎาคมที่ผ่านมาไม่ว่าสถานการณ์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะตึงเครียดแค่ไหน แต่จีน ก็ยังส่งออกสินค้าต่าง ๆ มายังอาเซียนบ้านเราอย่างแข็งแกร่ง ด้วยตัวเลขการเติบโตถึง 16.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ตัวเลขการเติบโตที่แข็งแกร่งนี้ทำเอาการส่งออกของจีนในภาพรวมเดือนกรกฎาคมขยายตัวกว่าที่นักวิเคราะห์สถาบันคาดการณ์
ก่อนจะพาเข้ามาดูสถานการร์การส่งออกจากจีนมาแถว ๆ บ้านเรา ขอย้อนดูภาพรวมก่อน ตั้งแต่ทรัมป์เข้ามารับตำแหน่งเมื่อช่วงต้นปี การค้าขายระหว่างจีน-สหรัฐฯ ก็ชะลอตัวลง โดยตั้งแต่ มกราคม-กรกฎาคม การส่งออกจากจีนไปสหรัฐ ปรับตัวลดลงถึง 12.6% (ไม่ใช่เพราะใครที่ไหนเพราะนโยบายการค้าพ่อใหญ่ทรัมป์ที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงทุกวันนี่แหละ)
และก็เป็นไปตามที่นักวิเคราะห์หลาย ๆ สถาบันในไทยคาดการณ์ เมื่อสินค้าจากจีนส่งออกไปยังสหรัฐลำบาก-ไม่ได้ สินค้าเหล่านี้ต้องหาที่ระบาย และก็ไม่ใช่ภูมิภาคไหนนอกซะจากบ้านพี่เมืองน้อง ‘เอเชียตะวันออกเฉียงใต้’ บ้านเรานี่แหละ โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปี จีนส่งออกสินค้ามายังอาเซียนเติบโตถึง 13.2%
และประเทศที่จีนส่งออกมาได้อย่างเมามันส์ เติบโตที่สุดก็ไม่ใช่ประเทศไหน ไทยเราเอง (ถึงแม้เราจะไม่เห็นหน้านักท่องเที่ยวจีน เพราะภาคการท่องเที่ยวหดตัว แต่สินค้าจีนก็ยังไหลบ่าเข้าไทยอย่างไม่ลดละ)
โดยตัวเลขการส่งออก 7 เดือนแรกของจีนไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ที่น่าจับตาของโลกเป็นดังนี้ (เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว)
อาเซียน โต 13.5%
ประเทศไทย โต 22.6% (โตแรงแซงค่าเฉลี่ยอาเซียน)
เวียดนาม โต 20.7% (โตแรงแซงค่าเฉลี่ยอาเซียน)
สหภาพยุโรป โต 7%
และถ้าคุณผู้อ่านยังจำกันได้ว่าเวียดนามโดนภาษีจากทรัมป์ 20% แต่ก็โดนภาษีสินค้าสวมสิทธิ์ (Transshipment) สูงถึง 40% คือพอเห็นตัวเลขการส่งออกจากจีนมายังอาเซียนก็พอจะทำให้เห็นภาพและเข้าใจถึงรูปแบบภาษีต่าง ๆ ที่ทรัมป์ตั้งใส่ทั่วโลก แน่นอนว่าเพื่อลดการขาดกุลการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับหลายประเทศทั่วโลก ไม่ให้เงินไหลออกนอกประเทศมาก แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเหมือนยาแรงป้องกันสินค้าราคาถูกจากจีนที่พร้อมจะทุ่มตลาด
ซึ่งเรื่องสินค้าสวมสิทธิ์ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลังก็ออกมายืนยันเองผ่านสำนักข่าวอินโฟเควสต์เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ว่าเปป็นประเด็นที่สหรัฐอเมริกากังวลอย่างมาก และก็เป็นหน้าที่ของกรมศุลกากร ที่ต้องหาทางและเพิ่มความเข้มงวดในการจัดการกับสินค้าสวมสิทธิ์จากพี่จีน และเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยวิเคราะห์ว่าท้ายที่สุด ในช่วงที่เหลือของปี 2568 การส่งออกของจีนจะมีแนวโน้มที่เติบโตชะลอลงจากการเผชิญความเสี่ยงหลายสาเหตุ เช่น
อัตราภาษีสินค้าสวมสิทธ์ในอาเซียนที่ถูกทรัมป์ตั้งไว้ยังอยู่ในระดับที่สูง และไม่มีทีท่าว่าจะลดลง
ภาษีที่ทรัมป์ตั้งใส่จีนรวม ๆ แล้วยังคงอยู่ในระดับที่สูงถึง 51.1%
การเปลี่ยนแปลงและอัตราภาษีใหม่ ๆ ที่พร้อมจะมีใหม่ตลอดเวลาจากทรัมป์ในการพุ่งเป้าไปที่สินค้ารายอุตสาหกรรม
และสุดท้าย ความไม่แน่นอนทางการค้าโลกจากพ่อใหญ่ทรัมป์ และความขัดแย้งในหลายภูมิภาคทั่วโลกที่พร้อมปะทุขึ้นตลอดเวลา
ปี 2568 เป็นปีที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนไม่เปลี่ยนคือ
สินค้าจากพี่ใหญ่จีนที่พร้อมจะไหลเข้าประเทศไทยตลอดเวลา