โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สังคม

บทความวิทยาศาสตร์ปลอมกำลังแพร่ระบาดในแวดวงวิชาการ

Reporter Journey

อัพเดต 2 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 2 วันที่แล้ว • Reporter Journey

บทความทางวิทยาศาสตร์ปลอมกำลังแพร่ระบาด เรื่องนี้น่ากลัวกว่าที่คิด

เดี๋ยวนี้ไม่ว่าในวงการอะไร แวดวงอะไร ก็มีทั้งคนที่เป็นตัวจริง ตัวปลอม คละ ๆ กันเต็มไปหมด ไม่เว้นแม้แต่วงการวารสารวิชาการทางด้านวิทยาศาสตร์

เรื่องนี้ถูกรายงานโดยสื่ออังกฤษ The Economist ว่าตอนนี้บรรดาวารสารวิชาการวิทยาศาสตร์ (ขอเรียกสั้น ๆ ว่า วารสารวิทย์ฯ) ปลอมกำลังแพร่ระบาดหนักขึ้นเรื่อย ๆ ทั่วโลก ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงอย่างมากและอาจกระทบกับวารสารวิทย์ฯ ระดับคุณภาพ กระทบคนทำงานด้านนี้ได้ในอนาคต

วารสารวิทย์ฯ เกิดมาเพื่อมีจุดประสงค์ในการนำเสนอและตีพิพม์รายงานการวิจัยใหม่ ๆ ที่ถูกต้อง แม่นยำ ผ่านการตรวจสอบโดยผู้ทรงคุณวุฒิ และเผยแพร่ออกมาเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ทั้งมิติสังคม มิติทางด้านงานวิชาการ และมิติวิชาชีพ ทว่าจากรายงานที่ตีพิพม์เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2568 ในวารสาร PNAS (สารสารวิทยาศาสตร์สหสาขาวิชาที่ถูกอ้างอิงมากที่สุดในโลก) กลับพบข้อมูลว่า

  • ขณะที่จำนวนบทความในวารสารวิทย์ฯ เพิ่มขึ้น 2 เท่าในทุก ๆ 15 ปี

  • แต่บทความที่เป็นของปลอม บทความเท็จ หรือบทความที่มีการโกง (fraudulent) กลับเพิ่มขึ้น 2 เท่า ในทุก ๆ 1 ปีครึ่ง นับตั้งแต่ปี 2010

นักวิชาการอาวุโสจากมหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์นในชิคาโก อาจารย์ ‘ลุยส์ นูเนส อามารัล’ (Luís Nunes Amaral) พูดถึงเหตุการณ์นี้ไว้ว่า

“ถ้าหากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไป องค์กรและสถาบันทางวิทยาศาสตร์จะถูกทำลายลงในท้ายที่สุด”

ตบมือข้างเดียวไม่ดัง วารสารวิทย์ฯ ที่โกงก็เช่นกัน

การเผยแพร่บทความวิชาการที่อาจจะปลอมแหล่งข้อมูลขึ้นมา มีการจ้างเขียนขึ้นมา หรือไปเอาของคนอื่นมา บทความที่เข้าข่าย fraudulent นี้ไม่ได้เป็นแค่การกระทำของผู้ส่งบทความหรือตัวนักวิจัยเพียงคนเดียว แต่ต้องมีคนจากในวารสารร่วมรู้เห็นด้วย หรือแม้แต่มีการจัดตั้งเป็นบริษัทที่ขายผลงานทางวิชาการที่เกิดจาก AI ให้กับนักวิชาการที่ต้องการเพิ่มผลงานตีพิมพ์ใน CV ของตัวเอง

อาจารย์อามารัลและคณะ ยังอธิบายเพิ่มเติมต่อว่า บรรณาธิการวารสารบางคนอาจจงใจเผยแพร่หรืออนุมัติผ่านบทความเหล่านี้ด้วยซ้ำ เพื่อประโยชน์ของตัวเองหรืออะไรก็ตาม เรื่องนี้สะท้อนผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลของทีมอาจารย์อามารัลเอง

ทีมของอาจารย์อามารัล ทำการสำรวจบทความวิชาการกว่า 276,956 บทความ ที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ PLOS One โดยพยายามจับคู่ระหว่างบรรณาธิการดูแลงานกว่า 18,329 คน กับ งานที่เผยแพร่ในวารสารตั้งแต่ปี 2006 และการจับคู่ระหว่างบทความ-บรรณาธิการนี้ก็พบว่า

มีบรรรณาธิการ 45 คน ที่มักจะตอบรับการตีพิพม์บทความวิชาการที่ถูกมาร์คว่ามีข้อสงสัย-ถูกเพิกเถิน อยู่บ่อยครั้ง ความน่าสงสัยต่อมาคือบรรณาธิการ 45 คนนี้มีส่วนร่วมในการพิจารณาบทความทั้งหมดของวารสารเพียง 1.3% แต่บรรณาธิการ 45 คนนี้กลับมีส่วนร่วมในการพิจารณาบทความที่เข้าข่าย fraudulent จนถึงขั้นเป็นบทความที่ถูกเพิกเถินถึง 30.2% เรื่องนี้แปลกเกินกว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ

และแน่นอน เมื่อความแปลก ๆ นี้ประจักษ์ก็ไม่อาจทำให้สถาบันที่มีอำนาจอยู่เฉย เพราะภายหลังบรรณาธิการทั้ง 5 คนนี้ถูกวารสารวิชาการ Nature สืบสวนและมีมติไล่ออก

คนที่หาผลประโยชน์จากการฉ้อโกง ไม่ว่าวงการไหนก็มีจริง ๆ และการกระทำแบบนี้ทำให้นึกถึงคำไทย

“ตบมือข้างเดียวไม่ดัง”

ปัญหาที่ตามมาจากเหตุการณ์แบบนี้คือ เมื่อมีนักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์ หรือนักวิจัยคนอื่นที่พยายามหาข้อมูล และไปเจอข้อมูลปลอม ๆ ที่ตีพิมพ์ในสารวิทย์ฯ และนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้โดยเชื่อสุดใจว่าเชื่อถือได้ ผลที่ตามมาอาจนำมาซึ่งอันตรายกว่าที่คิด ลองนึกภาพคุณหมอที่กำลังจะฉีดยาตัวใหม่ให้เราดูโดยที่คุณหมอบอกว่ายานี้มีการรับรองจากการทดลองที่ตีพิพม์แล้ว แต่เรามารู้ภายหลังว่า อ้าว ไอ้ที่ตีพิมพ์มันปลอมนี่หว่า แบบนี้คือสถานการณ์ที่อันตรายมาก ๆ

แรงจูงใจเบื้องหลังบทความวิทยาศาสตร์ปลอม

การมีจำนวนงานที่ตีพิพม์เพิ่มเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดความสำเร็จของนักวิจัยหรืออาจารย์ในหลาย ๆ สถาบัน ในส่วนของวารสารและบรรณาธิการ หรือผู้ทรงคุณวุฒิที่ต้องมาทำหน้าที่ review paper การมีบทความส่งมาตีพิพม์ก็หมายความว่าจะได้ค่าตอบแทน ดีไม่ดีวารสารที่ตนทำอยู่ด้วยนั้นอาจได้เลื่อนขั้น (tier) อีกด้วย

เรื่องราวที่ถูกเผยแพร่ผ่าน The Economist ให้ประชาชนคนทั่วไปรู้นั้น ย่อมเป็นเรื่องที่คนในแวดวงวิชาการต้องรับรู้ก่อนอยู่แล้ว แต่ละสถาบันก็จะมีแนวทางต่าง ๆ ในการรับมือพวกบทความวิชาการที่มีการฉ้อโกงในแนวทางที่ต่างกันไป โดยเฉพาะฐาน Scopus หรือ Web of Science สามารถลงดาบ “ถอดรายชื่อ” วารสารที่ตรวจพบว่ามีการฉ้อโกงออกได้

แต่อย่างที่กล่าวไปในตอนต้น จากข้อมูลจะพบว่าตอนนี้บทความวิชาการที่เข้าข่ายฉ้อโกง ปลอม เท็จ กำลังมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งการเข้ามามีบทบาทของ AI อาจจะยิ่งทำให้สถานการณ์นี้เลวร้ายลงได้ ต้องมาดูกันต่อว่าสถาบันวิชาการระดับโลกจะรับมือเรื่องนี้อย่างไร และนักวิชาการในประเทศไทย สถาบันวิชาการต่าง ๆ ในไทยเริ่มขยับตามเพื่อรับมือเรื่องนี้แล้วหรือยัง

ที่มา : The Economist

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Reporter Journey

7 เดือนแรกปี 68 จีนส่งออกมาไทยโตแรง แซงอาเซียน

1 วันที่แล้ว

AI Marketing vs คนจบ Marketing ใครจะอยู่ใครจะไป !

11 ส.ค. เวลา 08.25 น.

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสังคมอื่น ๆ

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 14 สิงหาคม 2568

สวพ.FM91

มติที่ประชุมเป็นเอกฉันท์ ทางโรงเรียนให้นักเรียนชาย ลาออก เหตุทำร้ายครูกลางห้องเรียน

สวพ.FM91

ไทย-กัมพูชาร้าวลึก ฉุดการค้าซึมยาว ห่วงโซ่ผลิตสะเทือนหนัก ปิด 5 ด่านใหญ่ ส่งออกวูบเดือนละ 1.1หมื่นล้าน

ฐานเศรษฐกิจ

ราคาน้ำมันวันนี้2568 (15 ส.ค. 68) ปตท. บางจาก อัปเดตราคาล่าสุด

ฐานเศรษฐกิจ

กองประกวด” Mrs. International Thailand” ชวนผู้หญิงทุกคนร่วมจุดประกายฝันให้สว่างไสวทั่วโลก

77kaoded

3 แมวดาวพลัดหลง ถูกส่งคืนสู่ธรรมชาติ หลังเจ้าหน้าที่ดูแลนานกว่า 4 เดือน

สวพ.FM91

DSI ร่วม ป.ป.ส.ภ.9,ปกครองโก-ลกบุกยึดทรัพย์ผู้ต้องหาคดียาเสพติดกว่า 15 ล้าน!!

77kaoded

ปลัด มท. นำประชุมคณะกรรมการควบคุมโรงรับจำนำ มุ่งส่งเสริมกิจการและกำกับดูแลการประกอบกิจการโรงรับจำนำให้เป็นไปตามกฎหมาย

สวพ.FM91

ข่าวและบทความยอดนิยม

AI Marketing vs คนจบ Marketing ใครจะอยู่ใครจะไป !

Reporter Journey

Controlled Sleep เมื่อชีวิตถูกควบคุมตั้งแต่การนอน

Reporter Journey

ทำงานไกลบ้าน VS ทำงานใกล้บ้าน ชีวิตควรจะเป็นแบบไหน

Reporter Journey
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...