การ์ทเนอร์เผย องค์กรทั่วโลก ทบทวนการพึ่งพาผู้ให้บริการคลาวด์
การ์ทเนอร์ เผย สถานการณ์โลกกดดัน องค์กรทั่วโลกหันกลับมาทบทวนการพึ่งพาผู้ให้บริการคลาวด์ จากความเสี่ยงใหม่ที่มาพร้อมกับความไม่แน่นอน พร้อมแนะโซลูชั่นทางเลือกใหม่ วางแผนรับมือตามสถานการณ์
วันที่ 1 สิงหาคม 2568 - สถานการณ์ความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก กำลังสร้างแรงกดดันให้องค์กรต่างๆ ต้องหันกลับมาประเมินการพึ่งพาผู้ให้บริการคลาวด์จากต่างประเทศอีกครั้ง โดยผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า "อธิปไตยคลาวด์" (Cloud Sovereignty) กลายเป็นประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาในห้องประชุมของผู้บริหาร
Lydia Leong รองประธานนักวิเคราะห์อาวุโสจาก การ์ทเนอร์ (Gartner) บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาชั้นนำ กล่าวว่า"ในอดีต องค์กรต่างๆ เผชิญกับความท้าทายจากคลาวด์มาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการถูกผูกขาดผู้ให้บริการ (Vendor Lock-In) การสูญเสียอำนาจต่อรอง หรือความเสี่ยงจากระบบล่มครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นสิ่งที่พอจะยอมรับได้เพื่อแลกกับนวัตกรรมและความยืดหยุ่นของคลาวด์ แต่ปัจจุบันสถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว"
ความเสี่ยงใหม่ที่มาพร้อมกับความไม่แน่นอน
รายงานระบุว่าความเสี่ยงจากความปั่นป่วนทางภูมิรัฐศาสตร์ในปัจจุบันขยายไปไกลกว่าแค่การหยุดชะงักของบริการจากการคว่ำบาตรทางการค้า แต่ยังรวมถึงความกังวลเกี่ยวกับการจารกรรมข้อมูลโดยรัฐบาลหรือการกระทำที่อยู่นอกเหนือกฎหมาย
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนคลาวด์ ไม่ว่าจะเป็นภาษีนำเข้า เงินเฟ้อ หรือความผันผวนของค่าเงิน ซึ่งความเสี่ยงเหล่านี้กำลังผลักดันให้กลยุทธ์คลาวด์กลายเป็นวาระสำคัญด้าน "ความยืดหยุ่นทางธุรกิจ" ที่ทุกองค์กรต้องให้ความสนใจ
การประเมินความเสี่ยงเชิงรุก: ไม่ใช่แค่เรื่องของคลาวด์
เพื่อสร้างความยืดหยุ่นในสภาพแวดล้อมที่คาดเดาได้ยาก องค์กรต้องมองภาพให้กว้างกว่าการประเมินการพึ่งพาผู้ให้บริการคลาวด์ระดับไฮเปอร์สเกลเพียงอย่างเดียว แต่ต้องครอบคลุมถึงความเสี่ยงทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานคลาวด์ในทุกมิติ
การ์ทเนอร์แนะนำให้องค์กรเริ่มต้นด้วยการทำแผนที่ (Mapping) เพื่อระบุความเชื่อมโยงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบริการที่พึ่งพาคลาวด์โดยตรง หรือเทคโนโลยีอื่นๆ ที่ต้องอาศัยโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ เช่น โซลูชันความปลอดภัยที่ใช้ข้อมูลภัยคุกคามบนคลาวด์ หรืออุปกรณ์ IoT ที่ถูกบริหารจัดการผ่านคลาวด์
หลังจากนั้น ให้พิจารณาเขตอำนาจศาลที่เกี่ยวข้องกับผู้ให้บริการแต่ละราย เช่น ที่ตั้งสำนักงานใหญ่, พื้นที่ตามสัญญาบริการ และสถานที่ให้บริการ เพื่อระบุว่าส่วนใดของระบบไอทีที่อาจเผชิญกับความเสี่ยงจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์
ทางเลือกใหม่เพื่อความยืดหยุ่นที่แท้จริง
การเปลี่ยนผ่านจากผู้ให้บริการรายเดิมอาจไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องแลกมาด้วยต้นทุนที่สูงขึ้น ระยะเวลาที่ยาวนานกว่าเดิม หรือความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้น ทำให้การตัดสินใจนี้ไม่ใช่แค่เรื่องทางเทคนิค แต่เป็นเรื่องทางธุรกิจที่ต้องให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วม
สำหรับทางเลือกที่องค์กรควรพิจารณา ได้แก่:
- โซลูชั่นอธิปไตยคลาวด์ (Sovereign Cloud Solutions): การใช้งานระบบคลาวด์ที่ส่งมอบผ่านกิจการร่วมค้า หรือพันธมิตรในประเทศ เพื่อให้ข้อมูลอยู่ภายใต้อำนาจทางกฎหมายในประเทศนั้นๆ
- การย้ายงาน (Geopatriation): การย้ายแอปพลิเคชันและข้อมูลจากผู้ให้บริการต่างประเทศไปยังผู้ให้บริการในภูมิภาคหรือในประเทศ
- การลดการพึ่งพาคลาวด์บางส่วน: การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อลดการพึ่งพาผู้ให้บริการคลาวด์ในส่วนที่สำคัญ
วางแผนรับมือล่วงหน้า คือกุญแจสำคัญ
การ์ทเนอร์ชี้ว่าความเสี่ยงจากภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลกระทบแตกต่างกันไปในแต่ละองค์กร ขึ้นอยู่กับลักษณะเหตุการณ์และขอบเขตของการพึ่งพาระบบคลาวด์ ดังนั้นการวางแผนตามสถานการณ์ (Scenario Planning) จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้องค์กรสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การรับมือกับราคาที่พุ่งสูงขึ้น, การโจมตีทางการเมือง, หรือการหยุดชะงักทางการค้า
รายงานระบุว่าในสถานการณ์ปกติ การสลับเปลี่ยนผู้ให้บริการคลาวด์อาจใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปี ซึ่งทำให้การเตรียมตัวล่วงหน้าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้องค์กรสามารถรับมือกับความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างทันท่วงที