ภูมิธรรมแถลง ‘เขากระโดง’ เป็นที่ดินรัฐ เตรียมเพิกถอน 5,083 ไร่ พรุ่งนี้ เผย ‘พรพจน์’ ยื่นย้ายจากอธิบดีกรมที่ดินแล้ว ยันไม่ใช่เกมการเมือง
วันนี้ (1 สิงหาคม) ที่กระทรวงมหาดไทย ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย เดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะผู้กำกับดูแลกรมที่ดิน แถลงถึงความคืบหน้าผลการตรวจสอบอธิบดีกรมที่ดิน กรณีไม่เพิกถอนโฉนดที่ดิน 995 ฉบับ รวมทั้งสิ้น 5,083 ไร่ ที่บริเวณเขากระโดง ตำบลอิสาณ และตำบลเสม็ด อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์
ภูมิธรรมกล่าวว่า เรื่องที่ดินเขากระโดง มีข้อค้างคา ข้อขัดแย้ง หรือพิจารณาที่แตกต่างกันมาตลอด และตนได้รับการร้องเรียนจากประชาชน ทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้ยื่นหนังสือมา ที่ขอให้พิจารณาวินิจฉัยว่า เขากระโดงเป็นที่ดินของรัฐ เมื่อศาลมีคำสั่งแต่เหตุใดจึงไม่มีการจัดการให้เหมาะสม และถูกต้องเป็นไปตามคำสั่งของศาล โดยได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม โดยมีเดชอิศม์ ในฐานะกำกับดูแลกรมที่ดินเป็นผู้รับผิดชอบ เพื่อไต่สวนเรื่องต่างๆ
เดชอิศม์ กล่าวว่า ที่ดินกว่า 5,083 ไร่อยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา และคำพิพากษาแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย เมื่อศาลฎีกาพิพากษาแล้ว ทางการรถไฟฯได้ทำหนังสือถึงกรมที่ดิน เพื่อให้ทำการเพิกถอนโฉนดที่ดิน แต่ในขณะนั้นกรมที่ดินเพิกเฉย ไม่ทำตามศาลฎีกา การรถไฟแห่งประเทศไทยได้ทำการฟ้องกรมที่ดินกับศาลปกครองกลาง เพื่อให้กรมที่ดินเพิกถอนตามคำสั่งศาลฎีกา
แต่ปรากฏว่าศาลปกครองกลางได้พิพากษาว่า ให้เพิกถอนโฉนดตามคำพิพากษาของศาลฎีกา ส่วนไหนที่ไม่มีปัญหาเรื่องขอบเขตให้เพิกถอนตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 61 วรรค 8 แต่ยังมีส่วนหนึ่งที่มีการแย้งเข้ามา เรื่องขอบเขตที่ดินข้างนอก เมื่อมีปัญหาเช่นนี้
คำพิพากษาของศาลปกครองมีคำสั่งว่าให้อำนาจอธิบดีกรมที่ดินตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหนึ่งชุด เพื่อทำประมวลกฎหมายมาตรา 61 วรรค 2 ให้กรรมการชุดดังกล่าวฯ มีอำนาจหน้าที่ร่วมกับการรถไฟฯ เพื่อสอบเขตที่ไม่ชัดเจน เพื่อให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น จากนั้นจะได้เพิกถอนตามคำพิพากษาของศาลฎีกา
แต่ขณะนั้นกรมที่ดิน ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ซึ่งตามที่คณะกรรมการจะทำให้ครบตามคำสั่งศาลฎีกา ที่เป็นขอบเขตที่ละเอียด แต่ปรากฏว่าตามรายงานไม่มีการสอบเขต ทั้งยังมีคำสั่งว่าให้ยุติเรื่อง ด้วยเหตุผลต่างๆ นานา อธิบดีกรมที่ดินเห็นชอบตามมติของคณะกรรมการชุดนั้น
หลังจากนั้นเป็นที่พูดถึงกันมีประชาชนทั้งประเทศไทยว่า เหตุใดกรมที่ดินไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลฎีกา นอกจากไม่ปฏิบัติตามแล้ว ยังปฏิบัติตรงกันข้าม ค้านสายตาชาวไทย และค้านสายตาผู้พิพากษา
เมื่อตนได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รับโอกาสจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มากำกับดูแลกรมที่ดิน ได้รับหนังสือร้องเรียนเกือบทุกวันว่า จะแก้ปัญหาอย่างไรกับเรื่องเขากระโดง เมื่อเป็นเช่นนี้จึงตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีกชุดหนึ่ง เพื่อตรวจสอบว่าคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินถูกต้องหรือไม่
ทั้งนี้ ผลสรุปของคณะกรรมการระบุว่าคณะกรรมการชุดนั้นตามมาตรา 61 วรรค 2 ไม่ได้ทำตามกระบวนการที่ครบถ้วน ฉะนั้นคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินเลยไม่ชอบ ตนจึงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่า ระหว่างกรมที่ดินและการรถไฟมีการสอบเขตแล้วหรือไม่
ผลปรากฏว่าในปี 2567 กรมที่ดินและการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ร่วมกันสอบแนวเขตมาชัดเจนแล้ว วันนี้สรุปได้ว่าอธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจเพิกถอนโฉนดเขากระโดงตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 61 วรรค 8 ได้เลย
ขณะที่ เชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ประธานคณะกรรมการตรวจสอบ อธิบดีกรมที่ดินฯ กล่าวว่า คำพิพากษาของศาลฎีกาที่ 842-876/2560 คำพิพากษาของศาลฎีกาที่ 8027/2561 ศาลอุทธรณ์ภาค 3 หมายเลขคดี เลขแดง ที่ 1112/2563 และคำพิพากษาศาลปกครองกลาง เลขแดงที่ 548/2566 ศาลที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ดินของรัฐ และเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นที่ดินรถไฟที่มีไว้ใช้ในราชการตามพระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟ และทางหลวง พ.ศ. 2464 มาตรา 3 (2) และได้รับความคุ้มครองมาตรา 6 (1) และ(2)
ทั้งนี้ มีขอบเขตพื้นที่ตามพระราชกฤษฎีกาและแผนที่แสดงเขตที่ดินเพื่อสร้างทางรถไฟ และเพื่อจัดหาแหล่งวัสดุมาใช้ในการก่อสร้างทางรถไฟและลำเลียงอิฐ ซึ่งจัดทำขึ้นเสร็จเรียบร้อย 18 พฤษภาคม 2465 กรมที่ดินและอธิบดีกรมที่ดิน ซึ่งถือเป็นหน่วยงานของรัฐและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ จึงต้องผูกพันและมีหน้าที่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล เนื่องจากมีหน้าที่และอำนาจในการคุ้มครองสิทธิในที่ดินของบุคคล และการจัดการที่ดินของรัฐ
รวมทั้งดำเนินการเกี่ยวกับการคุ้มครองป้องกันที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน คือเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน ดังนั้นกรมที่ดินและอธิบดีกรมที่ดิน จึงมีหน้าที่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล โดยการตรวจสอบและเพิกถอนโฉนดที่ดินหนังสือรับรองการทำประโยชน์หรือหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินที่ออกให้ในที่ดินของรัฐซึ่งตนมีหน้าที่ต้องปฏิบัติและแก้ไข คำสั่งทางปกครองตามคำพิพากษาของศาลฎีกาศาลอุทธรณ์ภาค 3 และศาลอุทธรณ์กลาง เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว
จากนั้นภูมิธรรม กล่าวย้ำว่า จากกรณีดังกล่าวได้รับการร้องเรียนเรื่องเขากระโดงและสื่อมวลชนมีการเปิดประเด็นว่าการดำเนินการนั้นโดยชอบหรือไม่ เนื่องจากขัดกับที่ศาลปกครอง ศาลฎีกา และศาลอาญา ที่ได้มีการสรุปและตัดสินไปแล้วว่า ที่ดินนี้เป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งเรื่องการบังคับใช้ซึ่งหากดูแผนที่ที่ได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯ จากรัชกาลที่ 5 ซึ่งบ่งบอกว่าเป็นที่ดินของหลวงและเป็นที่ดินของรัฐโดยแท้ และเมื่อปี 2465 มีการออกพระราชกฤษฎีกา
ขณะนั้นมีชาวบ้านครอบครอง 18 ครอบครัว และการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ไปซื้อที่ดินมาจากชาวบ้าน ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ในอดีตที่ดินที่มีการครอบครองจากชาวบ้านได้ขายให้การรถไฟ ซึ่งถือว่าเป็นที่ดินของการรถไฟโดยชอบทั้งหมด เพราะฉะนั้นโดยกระบวนการทางกฎหมายที่ดินต่างๆจะต้องถูกประกาศยกเลิกขีดฆ่าออกจากสารบบเพราะเป็นที่ดินของรัฐ ซึ่งถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญ หลังจากที่มีการดำเนินการและฟ้องร้องกัน
ภูมิธรรม ยังกล่าวอีกว่า ใจกลางของที่ดินทำสนามฟุตบอล และสนามรถแข่งรถของที่ดินแปลงนี้ จึงมิชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว จึงไม่มีเหตุที่ทำให้เอกชนมายึดครองและที่ดินของรัฐ แล้วมาอ้างว่าเป็นที่ดินของตัวเอง จากการสืบสวนสอบสวนได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง สรุปออกมาอย่างไรก็ยืนยันว่าเป็นที่ดินของรัฐและศาลได้พิจารณาเรื่องนี้แล้วชัดเจน
อย่างไรก็ตามตามมาตรา 61 (8) กรมที่ดินมีอำนาจเพิกถอนได้ทันทีตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เพราะฉะนั้นที่ดินเหล่านี้ตกเป็นของรัฐ จึงจะดำเนินการ เพิกถอนที่ดินทั้งหมดตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ส่วนที่ดินชายขอบที่มีปัญหาอยู่บ้าง ที่มีการทับซ้อน จะต้องมีการตรวจสอบหากเป็นเอกชน ก็จะต้องมีการดำเนินการต่อจากนั้นให้เกิดความชัดเจนตามกรอบของที่ดิน
ภูมิธรรมกล่าวอีกว่า พรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน ได้ยื่นหนังสือขอย้ายออกจากกรมที่ดินแล้วเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อให้การพิจารณาเรื่องต่างๆ เป็นไปอย่างชัดเจน โปร่งใส และไม่เกิดความเกรงใจ เนื่องจากตนเป็นคนกลาง จึงขอยื่นหนังสือดังกล่าว โดยปลัดกระทรวงมหาดไทยจะเป็นผู้ดำเนินการต่อไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การดำเนินการตั้งแต่พรุ่งนี้ ในพื้นที่ตรงกลางที่เป็นของประชาชนมีจำนวนเท่าไร ไกรศรี สว่างศรี ผู้อำนวยการส่วนแผนที่และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะกรรมการฯ กล่าวว่า พื้นที่ตรงกลางคิดเป็น 90% ของ 800 แปลง ซึ่งสามารถดำเนินการได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีประชาชนได้ที่ดินมาโดยสุจริต และมีโฉนด จะต้องเยียวยาอย่างไร ภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม หรือตามกฎหมาย แต่ทั้งหมดเป็นที่ดินของรัฐ ใครที่คิดว่าได้มาตามกระบวนการที่ถูกต้อง ก็จะว่ากันไปตามกฎหมาย มีสิทธิ์เสนอเรื่องขึ้นมาฟ้องร้องก็ได้ ก็ว่ากันตามกระบวนการ แต่ขณะนี้ยืนยันว่าที่ดินนี้เป็นที่ดินของรัฐ ถ้าจะมีการขอเช่าต่อก็ว่าตามกระบวนการ ไม่ว่ากัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นเกมไล่บี้ เครือข่ายพรรคภูมิใจไทยและบ้านใหญ่บุรีรัมย์ ต่อเนื่องจากการโยกย้ายอธิบดีกรมการปกครอง และอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่ใช่การไล่บี้ เพราะสื่อมวลชนทุกสาขาไล่บี้เรื่องนี้กับตนมาโดยตลอด โดยเมื่อตนเข้ามาทำหน้าที่ได้มีประชาชนเข้ามายื่นเรื่องให้ตรวจสอบ พร้อมย้ำว่า ไม่เกี่ยวกับการไล่บี้หรือไม่ไล่บี้ใคร หรือไม่พอใจใครหรือพอใจใคร
แต่เกี่ยวกับที่ศาลฎีกา และศาลปกครองมีคำสั่งที่เป็นที่ยุติแล้ว และที่ผ่านมามีการดำเนินการตามคำสั่งของศาลไม่ครบถ้วน ซึ่งได้มีการมาเคลียร์และดูตรงนี้ทั้งหมด โดยพบว่า สามารถดำเนินการตามกฎหมายมาตรา 61 วรรค 8 ซึ่งสามารถดำเนินการนำที่ดินกลับมาเป็นของรัฐตามที่ประชาชนเฝ้ามองอยู่ ซึ่งว่ากันไปตามกฎหมายซึ่งตรงนี้หากใครมองว่าไม่ชอบอย่างไรก็สามารถเรียกร้องความเป็นธรรมได้ แต่เรามีหน้าที่ทำให้ที่ดินส่วนนี้ กลับมาเป็นที่ดินของรัฐ เพราะไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาในเรื่องของการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และยังมีอีกกฎหมายที่เราต้องรับผิดชอบร้ายแรง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าคนที่จะมาเพิกถอนที่ดินเริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ จะเป็นอธิบดีคนใหม่ใช่หรือไม่ และจะใช้แนวทางตามที่กล่าวข้างต้นใช่หรือไม่ ภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นอธิบดีท่านไหนก็ต้องดำเนินการ เพราะเป็นคำสั่งศาล ที่ได้มีคำสั่งมายังกรมที่ดิน และอำนาจเพิกถอนเป็นของกรมที่ดิน แต่ถ้าไม่มี ก็เป็นผู้บังคับบัญชาระดับต่างๆ ที่จะต้องบังคับดำเนินการ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าคนที่จะมาเพิกถอนที่ดินเริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ จะเป็นอธิบดีคนใหม่ใช่หรือไม่ และจะใช้แนวทางตามที่กล่าวข้างต้นใช่หรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นอธิบดีท่านไหนก็ต้องดำเนินการ เพราะเป็นคำสั่งศาล ที่ได้มีคำสั่งมายังกรมที่ดิน และอำนาจเพิกถอนเป็นของกรมที่ดิน แต่ถ้าไม่มี ก็เป็นผู้บังคับบัญชาระดับต่างๆ ที่จะต้องบังคับดำเนินการ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามอีกว่า จะได้อธิบดีกรมที่ดินคนใหม่เมื่อไร ภูมิธรรมตอบว่า อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร ส่วนจะเร็วหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับกระบวนการทั้งหมด ที่ตนนั้นดูแลเรื่องการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า งบประมาณที่จะต้องนำมาใช้ในการเยียวยานั้น ภูมิธรรมกล่าวว่า ก็ต้องชัดเจนก่อนว่าใครที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมายละเมิด