ปภ.เกาะติดพายุวิภา เร่งประสานจังหวัดระบายน้ำช่วยประชาชน
วันนี้ (26 ก.ค.68) เวลา 09.00 น. ที่ห้องกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ติดตามสถานการณ์และการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุวิภา โดยประสานจังหวัดเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งด้านการดำรงชีพ การแพทย์และสาธารณสุข และสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน
ปภ.ได้แจ้งเตือนภัยผ่านระบบ Cell Broadcast ไปยังพื้นที่ริมแม่น้ำ อ.วังชิ้น จ.แพร่ อ.ศรีสำโรง อ.เมืองสุโขทัย จ.สุโขทัย ให้ยกของขึ้นที่สูงทันที อพยพไปยังศูนย์พักพิง นอกจากนี้ ได้ประสานจังหวัดลุ่มแม่น้ำโขง เตรียมความพร้อมในการป้องกันพื้นที่จากเหตุระดับน้ำโขงเพิ่มสูงขึ้นไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะพื้นที่ในเขตชุมชน โรงพยาบาล และพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจ รวมถึงจัดเตรียมศูนย์พักพิงชั่วคราวเพื่อรองรับการอพยพของประชาชน
โดยมี นางสาวชัชดาพร บุญพีระณัช รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นประธานการประชุม ผู้แทนจังหวัดที่ประสบสถานการณ์อุทกภัย ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่ประสบสถานการณ์อุทกภัย ผู้แทนสำนัก/กองส่วนกลาง ปภ. เข้าร่วมประชุม และเข้าร่วมประชุมผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์
นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสถานการณ์อุทกภัยและดินโคลนถล่ม จากอิทธิพลของพายุ “วิภา” ที่ส่งผลกระทบตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2568 ถึงแม้ว่าปัจจุบันได้อ่อนกำลังเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำแล้ว แต่อิทธิผลของพายุที่ผ่านมาได้ส่งผลให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง ในพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดน่าน เชียงราย พะเยา ลำปาง เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน แพร่ และเลย รวม 50 จังหวัด 246 ตำบล 1,348 หมู่บ้าน
ประชาชนได้รับผลกระทบ 33,900 ครัวเรือน 115,858 คน ผู้สูญหาย 1 ราย ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดน่าน เชียงราย พะเยา ลำปาง และแพร่ รวม 37 อำเภอ 201 ตำบล 917 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 25,241 ครัวเรือน 83,820 คน ภาพรวมสถานการณ์น้ำในทุกจังหวัดลดลง
แม้ว่ามีหลายพื้นที่สถานการณ์อุทกภัยเริ่มคลี่คลายแล้ว แต่การดำเนินการให้ความช่วยเหลือในทุกจังหวัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงเร่งแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มกำลัง
โดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่เครื่องมืออุปกรณ์เครื่องมือเครื่องจักรกลสาธารณภัยจากหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยทหาร ฝ่ายปกครอง ตำรวจ มูลนิธิ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนอาสาสมัคร และภาคประชาชน เข้าปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชน โดยให้ความสำคัญกับการดูแลความปลอดภัยด้านชีวิตของประชาชนเป็นลำดับแรก ตลอดจนดูแลประชาชนในเรื่องของการดำรงชีพ การแพทย์และสาธารณสุข และสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน รวมถึงเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่
สำหรับการอพยพประชาชนไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว ได้อพยพผู้ป่วยติดเตียงและกลุ่มเปราะบางไปยังพื้นที่ปลอดภัย และจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ อส.ดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน ส่วนการดูแลและการดำรงชีวิต ได้มีการจัดตั้งโรงครัวพระราชทาน โรงครัวประกอบเลี้ยง เพื่อประกอบอาหารปรุงสุกแก่ผู้ประสบภัย ตลอดจนทางด้านหน่วยแพทย์ ได้มีการบริการดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจของผู้ประสบภัย และมอบยาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็นกับผู้ประสบภัย
ส่วนการดูแลอำนวยความสะดวก จัดดูแลความปลอดภัยด้านการสัญจรผ่านเส้นทางท่วมขังให้กับพี่น้องประชาขน และติดตั้งป้ายแจ้งเตือน เส้นทางเลี่ยง ตลอดจนเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ท่วมขัง เพื่อให้ประชาชนได้สามารถสัญจรได้และประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด สำหรับจังหวัดที่สถานการณ์เริ่มคลี่คลายแล้ว ให้เร่งสำรวจความเสียหาย
ซึ่งขณะนี้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้สนับสนุนถุงยังชีพไปยังจังหวัดที่เป็นพื้นที่ประสบอุทกภัยทั้งสิ้น รวม 18,900 ชุด และได้สนับสนุนทรัพยากรจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่ใกล้เคียงที่ไม่มีสถานการณ์ภัยในพื้นที่ เข้าไปช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัย รวมทั้งได้มอบหมายให้นายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และทีม ปภ.ส่วนกลาง เข้าสนับสนุนการอำนวยการและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่จังหวัดน่าน และจังหวัดในภาคเหนือแล้ว