ครอบครัว ‘เมย ภคพงศ์’ ให้สัมภาษณ์ หลังศาลทหาร พิพากษาให้รุ่นพี่ที่สั่งซ่อมจำคุก 4 เดือน-รับราชการต่อ
วันนี้ (22 กรกฎาคม 2568) ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีแรกของ ‘เมย–ภคพงศ์ ตัญกาญจน์’ นักเรียนเตรียมทหาร ซึ่งถูกสั่งธำรงวินัยจนหมดสติและเสียชีวิต เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา
ล่าสุด สุกัญญา ตัญกาญจน์ และพิเชษฐ์ ตัญกาจน์ แม่และพ่อของเมย ภคพงศ์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังฟังคำพิพากษาว่า ศาลเห็นว่าจำเลยยังสามารถทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้ และถ้าสั่งลงโทษทันที จะทำให้ประกอบสัมมาชีพยาก จึงให้โอกาสโดยการลงอาญา 2 ปี
“อยากจะบอกว่าในการรับโทษของเขาเราโอเคนะ ไม่ได้ขัด แต่มันมีคำถามเล็กๆ ว่า ศาลเห็นว่าจำเลยทำคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติ และถ้าลูกพี่มีชีวิตอยู่ล่ะ เขาสามารถทำคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติได้ไหม แล้วจำเลยยังไม่ได้ติด(ลงโทษ)เลย เพราะจะยากต่อการประกอบสัมมาชีพ แต่ลูกพี่ไม่ได้มีโอกาสไง” สุกัญญากล่าวพร้อมน้ำตา
สุกัญญาตั้งคำถามต่อว่า ถ้าหากจำเลยเป็นเพียงบุคคล-นักเรียนปกติธรรมดา ก็จะยังพอเข้าใจได้ แต่กรณีนี้เป็นนักเรียนบังคับบัญชา ซึ่งเหมือนกับผู้ที่กำกฎหมายไว้ในมือแต่ทำผิดซะเอง “เราก็คิดว่าต่อไปเขาจะทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้มากขนาดไหน” พร้อมบอกอีกด้วยว่า ที่สู้มาขนาดนี้เพราะต้องการจะแก้ข้อกล่าวหาให้ลูกชายที่บอกว่าเมยทำผิดระบบเกียรติศักดิ์ ซึ่งสุดท้ายแล้วเมยไม่ได้ทำผิดระบบเกียรติศักดิ์แต่อย่างใด
พิเชษฐ์ พ่อของเมยกล่าวว่า นี่เป็นเพียงคดีแรก ส่วนคดีต่อไปเป็นผลพวงหลังจากนี้ ยกตัวอย่าง แม่เคยไปแจ้งความไว้ที่สน.พญาไท เรื่องการผ่าชันสูตรครั้งแรกของโรงพยาบาลพระมงกุฎ โดยปัจจุบันร้อยเวรของสน.พญาไทแจ้งกลับมาว่ามีหนังสือไปเรียกตัวแพทย์ผู้ผ่า 2 ครั้งแล้วแต่ไม่มา และไม่ได้มีการออกหมายจับ ซึ่งตอนนี้ผ่านไป 4 ปี คนที่ผ่าตอนนั้นมียศเป็นพันตรีก็ไม่ได้มารายงานตัว ซึ่งส่วนตัวก็ไม่ได้มีอำนาจไปตามเขาเช่นกัน
“มันเศร้านะ และอยากให้ทุกคนรู้ด้วย คนมีลูกจะเข้าใจ พี่ไปขอให้ตำรวจทำคดีทำสำนวนตำรวจเขาบอกว่า คุณรู้ไหม คดีลูกคุณมันเปลืองงบประมาณไปเท่าไหร่ เราก็ยิ่งเจ็บเข้าไปใหญ่ และมีอีกที่คือโรงพักในเมืองหลังผลการชันสูตรที่ออกมาเรียกเราไปดู เราไปหาคุณหมอด้วยกัน รู้การตายหมด
แต่สุดท้ายท้ายสำนวนกลับพลิก และตำรวจมาพูดกับแม่ว่า คุณแม่เข้าใจผมนะ ลูกผมยังเล็ก ผมยังไม่อยากตาย พอผ่านมาหลายๆ ปีเรารู้สึกว่าเราไม่อยากทำให้คนอื่นเดือดร้อน หรือครอบครัวคนอื่นเดือดร้อน ใครที่เข้ามาพูดกับเราจะโดนแบนหมด แล้วคิดว่าเราจะไปหาหลักฐานพยานจากไหน” แม่ของเมยกล่าว
ขณะที่การติดตามคดีหลังจากนี้ พ่อของเมยกล่าวว่า จะติดตามกับสน.พญาไท และเรื่องการรับราชการระหว่างการรอลงอาญาของจำเลยนั้น ต้องออกจากราชการหรือไม่ ซึ่งก็ต้องรอสอบถามกับทางผู้ใหญ่ต่อไป
สำหรับคดีนี้ ศาลได้พิพากษาให้ยืนตามศาลชั้นอุทธรณ์ จำเลยมีความผิดทำร้ายร่างกาย ทำโทษ โดยฝ่าฝืนคำสั่งกลุ่มนักเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร ส่วนที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยทันทีนั้น ศาลเห็นว่าด้วยอายุจำเลยนั้นไม่เคยได้รับโทษ การจะลงโทษจำเลยไปก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัวรับราชการ รับใช้ชาติต่อไปจะเป็นประโยชน์มากกว่า โดยมีโทษจำคุก 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาทและรอลงอาญา 2 ปี