กก.เตรียมงบ1.57 แสนล้านกระตุ้น ท่องเที่ยวไทย ครึ่งปีหลัง

อัพเดต 18 กรกฎาคม 2568 เวลา 19.35 น. • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กก.เผยภาพรวม ท่องเที่ยวไทย ยังสดใส แม้เผชิญความท้าทายด้านความปลอดภัยและความขัดแย้งระหว่างประเทศ ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนลดกระทบระดับหนึ่ง แต่ได้ตลาดใหม่ อิสราเอลเข้ามาทดแทน 70% ครึ่งปีหลังเตรียมงบ 157,000 ล้านบาทกระตุ้นการท่องเที่ยว

ประเทศไทยยังคงเดินหน้าฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวและกีฬาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 รายได้จากการท่องเที่ยวพุ่งสูงถึง 2.73 ล้านล้านบาท และสร้างการจ้างงานกว่า 4.7 ล้านคน ขณะที่ภาคกีฬาก็มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 206,470 ล้านบาท พร้อมแนวโน้มเติบโตในปี 2568 ทว่าปี 2568 อุตสาหกรรมนี้ยังคงเผชิญความท้าทายจากหลายปัจจัย ทั้งภาพลักษณ์ความปลอดภัย ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และสถานการณ์ชายแดน

นายสรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” ว่า การลดลงของนักท่องเที่ยวจีนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในระดับหนึ่ง แต่ตลาดใหม่เข้ามาทดแทน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากอิสราเอลที่ขยายตัวเกือบ 70% รวมถึงจากยูเครน สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา อิตาลี และอินเดีย ซึ่งในปีที่ผ่านมานักท่องเที่ยวอินเดียมีจำนวนมากถึง 2.1 ล้านคน

รัฐบาลเตรียมจัด อีเวนต์สำคัญหลายงานในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยนายสรวงศ์เชื่อมั่นว่าภาคการท่องเที่ยวยังคงเป็นความหวังในการพัฒนาประเทศ แม้จำนวนนักท่องเที่ยวจะลดลงในบางช่วง แต่ภาพรวมยังคงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้

สำหรับแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีหลัง กระทรวงฯ เตรียมงบประมาณ 157,000 ล้านบาท พร้อมสนับสนุนภาคเอกชนด้านการเดินทาง เช่น การเพิ่มจำนวนเที่ยวบิน ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายให้ประเทศไทยเป็น จุดหมายปลายทางที่ท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก FIVB Women’s World Championship 2025 ในช่วงกลางปีนี้ โดยมี 32 ประเทศเข้าร่วมแข่งขันใน 4 จังหวัดเจ้าภาพ ซึ่งจะสร้างโอกาสในการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างมาก กระทรวงฯ ได้จัดทำแพ็กเกจส่งเสริมการใช้จ่ายของนักกีฬาและแฟนกีฬา เพื่อให้พำนักอยู่ในประเทศไทยนานขึ้น

และในช่วงปลายปีนี้ ประเทศไทยยังจะเป็นเจ้าภาพ กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 และต้นปีหน้าจะเป็นเจ้าภาพ อาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 ซึ่งกิจกรรมทั้งหมดนี้จะมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างเป็นรูปธรรม