80 ปีธนาคารกรุงศรีอยุธยา ถอดรหัสกลยุทธ์ ความร่วมมือ และความยั่งยืนที่ทำให้เป็นธนาคารระดับภูมิภาค [ADVERTORIAL]
เมื่อโลกเข้าสู่ยุคที่ความผันผวนกลายเป็นเรื่องปกติ ทั้งภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม ธนาคารที่เคยเป็นเพียงผู้ให้บริการทางการเงินแบบดั้งเดิมจึงต้องปรับตัวอย่างหนัก แต่ในภาพตรงกันข้าม กรุงศรี หรือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กลับแสดงให้เห็นถึงการ “ยืนหยัด” และ “ยืนระยะ” ได้อย่างแข็งแกร่งมาตลอด 80 ปี พร้อมกับปรับเปลี่ยนตัวเองจนกลายเป็นธนาคารที่นักลงทุนและบริษัทใหญ่ในภูมิภาคอาเซียนต้องจับตา
โอกาสครบรอบ 80 ปีของกรุงศรีในปีนี้ จึงเป็นหมุดหมายสำคัญที่ธนาคารตอกย้ำบทบาทการเป็นพันธมิตรเพื่อสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ,ผ่านการจัดงาน Krungsri-MUFG Business Forum 2025 ภายใต้แนวคิด “Thriving to Sustainable Future” พร้อมประกาศพันธกิจใหญ่ร่วมกับ MUFG กลุ่มสถาบันการเงินชั้นนำของโลก ว่า “ความยั่งยืน” จะไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นทางรอดของธุรกิจในอนาคต
การเดินทางตลอด 8 ทศวรรษบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
กรุงศรีเริ่มต้นขึ้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จากธนาคารท้องถิ่นเล็ก ๆ ที่มุ่งมั่นฟื้นเศรษฐกิจหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนจะค่อย ๆ เติบโต เคียงข้างภาคธุรกิจไทยมาตลอดช่วงเวลาสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 วิกฤตการเงินโลกปี 2551 หรือวิกฤตโควิด-19 ที่เพิ่งผ่านมา
สิ่งที่ธนาคารแห่งนี้ทำมาโดยตลอดคือการ “ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง” พร้อมพัฒนาองค์กรอย่างไม่หยุดนิ่ง ผ่านการปรับตัวที่ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนโครงสร้าง แต่ลึกไปถึงการเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร และการลงทุนในคนรุ่นใหม่เพื่อสร้างผู้นำยุคต่อไป
วันนี้ กรุงศรีคือ 1 ใน 6 สถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIB) ของไทย เป็นธนาคารพาณิชย์ Top 5 ที่ให้บริการลูกค้ากว่า 19 ล้านรายทั่วอาเซียน โดยมี MUFG ถือหุ้นใหญ่ และเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ตั้งแต่ปี 2556
“ตลอดระยะเวลา 12 ปีของความร่วมมือ MUFG และกรุงศรีคือครอบครัวเดียวกัน เราไม่ได้มองกรุงศรีเป็นเพียงบริษัทในเครือ แต่เป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจระยะยาวในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ยั่งยืนในภูมิภาคนี้ การเติบโตของกรุงศรีคือการเติบโตของ MUFG และในทางกลับกัน เรามีความเชื่อร่วมกันในเรื่องการลงทุนระยะยาว การสนับสนุนธุรกิจที่สร้างประโยชน์ต่อสังคม และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินให้ตอบโจทย์อนาคต” กล่าวโดย คาเนทสุกุ มิเกะ ประธานกรรมการของ MUFG
“ผมเองในฐานะประธานกรรมการของ MUFG รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสร่วมอยู่ในช่วงเวลาสำคัญนี้ของกรุงศรี ธนาคารที่ผมเห็นถึงพัฒนาการในทุกมิติ ทั้งในด้านกลยุทธ์ เทคโนโลยี ความสัมพันธ์กับลูกค้า และโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านจริยธรรมและความยั่งยืน การเติบโตของกรุงศรีไม่ใช่แค่การเติบโตขององค์กรเดียว แต่คือการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อระบบเศรษฐกิจไทยและภูมิภาค ซึ่ง MUFG ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จนี้ และพร้อมจะเดินหน้าไปด้วยกันต่อไป”
MUFG มองไทยคือแกนกลางของภูมิภาค
บนเวที Krungsri-MUFG Business Forum 2025 ผู้บริหารระดับสูงจาก MUFG อย่าง คาเนทสุกุ มิเกะ ได้ย้ำชัดว่า “ประเทศไทยคือหนึ่งในตลาดยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในแผน 3 ปีของ MUFG”
การที่ MUFG เข้ามาร่วมลงทุนและรวมกิจการกับกรุงศรี ไม่ได้เป็นแค่การขยายฐานในเอเชีย แต่คือการเสริมรากให้แข็งแกร่งในภูมิภาค โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจ Corporate Banking ซึ่ง MUFG มีจุดแข็งระดับโลก ผสานกับกรุงศรีที่มีฐานลูกค้าและความเข้าใจตลาดไทยอย่างลึกซึ้ง
สิ่งที่ MUFG ย้ำคือ “ความยืดหยุ่นของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก” คือหัวใจของการเติบโตท่ามกลางโลกที่ผันผวน ซึ่งการร่วมมือกับกรุงศรีคือหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่จะทำให้ MUFG รับมือกับความเปลี่ยนแปลงระดับโลกได้
“ในสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปราะบาง ความร่วมมือคือคำตอบ และความสัมพันธ์ระหว่าง MUFG กับกรุงศรีคือตัวอย่างของการผสานพลังเพื่อความยั่งยืน เราเชื่อว่าเมื่อองค์กรระดับโลกและธนาคารระดับประเทศที่แข็งแกร่งทำงานร่วมกันได้อย่างลึกซึ้ง จะเกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่มีทั้งมูลค่าและคุณค่า เราไม่ได้ต้องการแค่การเติบโตของตัวเลข แต่ต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงในระดับโครงสร้างเศรษฐกิจของภูมิภาค” คาเนทสุกุ มิเกะ กล่าว
“ประเทศไทยไม่เพียงแต่เป็นตลาดสำคัญของ MUFG แต่ยังเป็นประตูสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราเห็นโอกาสที่ไม่มีที่สิ้นสุดในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจที่เน้นความยั่งยืน เทคโนโลยีใหม่ และเศรษฐกิจสีเขียว กรุงศรีคือพันธมิตรที่เหมาะสมที่สุดของเรา เพราะมีทั้งความเข้าใจในบริบทท้องถิ่น และศักยภาพระดับสากล ซึ่งเมื่อผสานกับเครือข่ายและความเชี่ยวชาญของ MUFG จะสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืนให้กับทั้งลูกค้าและสังคมได้อย่างแท้จริง”
กรุงศรีเติบโตผ่าน 3 แกนหลัก
เคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ได้วางภาพอนาคตไว้อย่างน่าสนใจบนเวทีเดียวกัน เขาเชื่อว่าองค์กรไม่ควรถามแค่ว่า “เราจะอยู่รอดได้ไหม” แต่ต้องถามว่า “จะเติบโตอย่างไรในโลกที่ไม่แน่นอน”
และนั่นคือจุดเริ่มของกลยุทธ์ที่กรุงศรีใช้ขับเคลื่อนองค์กรให้พร้อมสำหรับอนาคต ผ่าน 3 แกนหลัก
เชื่อมโยงกลยุทธ์และพันธมิตร – ผสานความร่วมมือกับ MUFG และเครือข่ายระดับโลก เพื่อสร้างโซลูชันทางการเงินใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ธุรกิจและนโยบายของรัฐ
ทรานส์ฟอร์มด้วยดิจิทัล – ลงทุนใน AI และแพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อลดความซับซ้อนของบริการ เพิ่มความเฉพาะบุคคล และเสริมความปลอดภัยให้ลูกค้า
ฝังความยั่งยืนในดีเอ็นเอ – ตั้งเป้า Net Zero ภายในปี 2573 พร้อมทุ่มงบ 250,000 ล้านบาท สนับสนุนธุรกิจเพื่อสังคมและความยั่งยืน (SSF)
“เราจะไม่เพียงช่วยให้คุณอยู่รอด แต่เพื่อให้คุณเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ท่ามกลางโลกที่ความผันผวนกลายเป็นเรื่องปกติ ธุรกิจต้องการพาร์ตเนอร์ที่เข้าใจทั้งความเร็วและความยั่งยืน เราเชื่อในพลังของการเปลี่ยนแปลงที่ขับเคลื่อนด้วยคน เทคโนโลยี และวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่หยุดนิ่ง เป้าหมายของกรุงศรีคือการสร้างภูมิคุ้มกันให้ธุรกิจไทย พร้อมรับโอกาสใหม่ ๆ อย่างมั่นใจ” เคนอิจิ กล่าว
“ในฐานะผู้บริหารขององค์กรที่มีอายุครบ 80 ปี ผมมองว่าความยั่งยืนไม่ใช่แค่การอยู่รอดในระยะยาว แต่คือความสามารถในการปรับตัว เรียนรู้ และเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน เราไม่สามารถเดินหน้าเพียงลำพังได้ แต่ต้องเดินไปพร้อมกับลูกค้า พันธมิตร และสังคม หากเราต้องการสร้างเศรษฐกิจที่เข้มแข็งและยั่งยืน เราต้องกล้าที่จะตั้งคำถามใหม่ และสร้างคำตอบใหม่ในทุกวัน กรุงศรีเลือกที่จะเริ่มตั้งแต่วันนี้”
เจาะอินไซต์เวที Business Forum: Thriving to Sustainable Future
ภายในงาน Krungsri-MUFG Business Forum 2025 กรุงศรีไม่ได้จัดเวทีเสวนาเพียงเพื่อแสดงวิสัยทัศน์ขององค์กร แต่ยังดึงผู้นำจากหลากหลายวงการมาร่วมวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน และ ความยั่งยืน อย่างลึกซึ้ง พร้อมเปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการและบริษัทที่มีแนวทางดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่
หนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือกิจกรรมของตัวสองโครงการ ได้แก่ Krungsri ESG Awards และ Krungsri ESG Academy โดย Krungsri ESG Awards เป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการหรือธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับ ESG นำเสนอแผนธุรกิจเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนโลก ในขณะที่ Krungsri ESG Academy มุ่งเน้นการให้ความรู้และการพัฒนาศักยภาพสำหรับองค์กรที่ต้องการเริ่มต้นหรือยกระดับแนวทาง ESG อย่างเป็นระบบ
สิ่งที่กรุงศรีเน้นย้ำคือการพาแนวคิด ESG ก้าวข้ามจากกรอบเดิม ๆ สู่สิ่งที่เรียกว่า “Beyond ESG” ซึ่งหมายถึงการไม่ยึดติดกับการทำเพื่อให้ผ่านเกณฑ์ แต่คือการสร้างคุณค่าระยะยาวในทุกมิติขององค์กร ทั้งการเงิน สังคม และสิ่งแวดล้อม ไปพร้อมกับการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันขององค์กร
“เครื่องมือ–พันธมิตร–ความมั่นใจ คือ 3 สิ่งที่กรุงศรีให้คำมั่นว่าจะส่งมอบให้ลูกค้า เพื่อรับมือกับเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนในวันนี้ ความยั่งยืนสำหรับเราคือแนวทางการทำธุรกิจ ไม่ใช่ภาระเพิ่มเติม แต่เป็นโอกาสในการสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืนทั้งต่อกำไรและสังคม เราเชื่อว่าธุรกิจยุคใหม่ต้องคิดเป็นระบบ และการเปลี่ยนแปลงต้องเริ่มจากการลงมือทำจริง” เคนอิจิ กล่าว
พันธมิตรเชิงกลยุทธ์เพื่อการเติบโตไปด้วยกัน
- ในขณะที่หลายองค์กรยังมองหาแนวทางปรับตัวในโลกที่ไม่แน่นอน กรุงศรีกลับแสดงบทบาทของผู้นำที่พร้อมไม่เพียงรับมือ แต่ยังสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ให้กับลูกค้าในระดับภูมิภาค สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า สำหรับนักลงทุนและองค์กรธุรกิจแล้ว กรุงศรีไม่ใช่แค่ธนาคารอีกแห่งในตลาด แต่คือ “พันธมิตรเชิงกลยุทธ์” ที่จะเดินเคียงข้างกันในระยะยาว
- กรุงศรีไม่ได้คิดแค่การเติบโตของตัวเอง แต่กำลังสร้างระบบนิเวศเพื่อให้ลูกค้าเติบโตไปด้วยกัน
- ความร่วมมือกับ MUFG เปิดโอกาสให้ธุรกิจไทยได้เชื่อมต่อกับตลาดญี่ปุ่นและทั่วโลก ผ่านแพลตฟอร์มการเงินระดับสากล
- การลงทุนในดิจิทัลและบุคลากร ทำให้กรุงศรีพร้อมกว่าที่เคยในการรองรับ New Economy และการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค
- ความยั่งยืน ไม่ใช่คำหรูหรา แต่คือโมเดลธุรกิจที่ธนาคารนี้เลือกจะลงมือทำจริง ทั้งในด้านนโยบายและการดำเนินงานเชิงรุก
“เราต้องการสร้างอนาคตที่ไม่ใช่แค่มั่นคงสำหรับองค์กรของเราเท่านั้น แต่มั่นคงสำหรับลูกค้า พันธมิตร และสังคมทั้งหมดด้วย เราเชื่อว่าเสถียรภาพทางการเงินต้องเดินควบคู่กับเสถียรภาพของสิ่งแวดล้อมและชุมชน หากเราทำได้พร้อมกัน นั่นคือการเติบโตที่แท้จริง” เคนอิจิ ยามาโตะ กล่าว
ไม่ใช่แค่ธนาคาร แต่คือพันธมิตรระยะยาวของธุรกิจ
80 ปีที่ผ่านมา กรุงศรีผ่านทั้งช่วงเวลาแห่งการฟื้นฟู วิกฤต การปรับตัว และการเปลี่ยนผ่านสู่องค์กรยุคใหม่ แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือความตั้งใจที่จะ “ยืนเคียงข้างภาคธุรกิจและสังคมไทย”
และเมื่อรวมพลังกับ MUFG ภายใต้เป้าหมายเดียวกัน ไม่ใช่แค่ธุรกิจของธนาคารที่พร้อมเติบโต แต่ยังหมายถึง “โอกาสใหม่ของลูกค้า” ที่อยากเดินหน้าสู่อนาคตอย่างมั่นคงและยั่งยืนไปพร้อมกัน
ในบริบทโลกที่ท้าทายแบบปัจจุบัน องค์กรที่กล้าคิด กล้าทำ และกล้าร่วมมือ คือองค์กรที่นักลงทุนต้องจับตา และ “กรุงศรี” ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว ว่านี่ไม่ใช่แค่ความตั้งใจ แต่คือการลงมือทำอย่างจริงจัง