เทียบฟอร์ม ตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง 2 หมื่นล้าน ‘M-150’ VS ‘คาราบาวแดง’
อุตสาหกรรมเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศไทยนับเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูงมาโดยตลอด โดยเฉพาะการขับเคี่ยวกันระหว่างสองยักษ์ใหญ่ คือ M-150 ภายใต้บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP และ คาราบาวแดง ของบริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG ที่ต่างฝ่ายต่างงัดกลยุทธ์ทั้งด้านราคา การตลาด และการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งและรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาด
ซึ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 22,000 ล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตราว 6% ในปี 2568 โดยตลาดแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ ตลาดแมส (Mass Energy Drink) มูลค่า 20,000 ล้านบาท และตลาดพรีเมียม (Premium Energy Drink) มูลค่า 2,200 ล้านบาท
'โอสถสภา' ผงาดกำไรครึ่งปีแรก 68 รับอานิสงส์ต่างประเทศ
M-150 ถือเป็นสินค้าลูกหม้อภายใต้ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP นางสาวรติพร ราษฎร์เจริญ Group Chief Financial Officer โอสถสภายังคงครองตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังด้วยส่วนแบ่งการตลาดในครึ่งปีแรก 44.6% เดินหน้ากิจกรรมการตลาดเชิงรุกโดยมุ่งเน้นกลยุทธ์กลุ่มผลิตภัณฑ์ (Brand Portfolio) เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในหลายระดับราคา
พร้อมทำแคมเปญการตลาดตอกย้ำความเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของไทย และสร้างมูลค่าเพิ่มต่อยอดแบรนด์ผ่านความร่วมมือระหว่างแบรนด์เพื่อขยายฐานผู้บริโภค โดยในไตรมาส 2 รายได้เครื่องดื่มบำรุงกำลังในประเทศเติบโต 4% QoQ หลังจากการปรับโครงสร้างการขายและการจัดจำหน่ายถึงเดือนเมษายน ทำให้รายได้ของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในประเทศฟื้นตัวต่อเนื่องในเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน
อย่างไรก็ตามผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2568 (เมษายน-มิถุนายน) บริษัทฯ ทำรายได้จากการขาย 6,807 ล้านบาท ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน จากกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในต่างประเทศลดลงจากปัจจัยฤดูกาล ในขณะที่รายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในประเทศและผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลเติบโต ทั้งนี้ บริษัทฯ สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริหารจัดการช่องทางการจัดจำหน่าย รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานที่ปรับตัวลดลง และการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศและกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลซึ่งมีอัตรากำไรสูงกว่าค่าเฉลี่ย
ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 41.9% และทำกำไรสุทธิ 1,010 ล้านบาท ถือเป็นกำไรจากการดำเนินงานปกติสูงสุดนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้ง หนุนให้ภาพรวม 6 เดือนแรกบริษัทฯ มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ 1,980 ล้านบาท เติบโต 13% YoY ตอกย้ำศักยภาพการทำกำไรที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้ภาพรวมเศรษฐกิจยังชะลอตัว
ด้านกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มฟังก์ชันนัล ดริงก์เติบโตต่อเนื่องโดยเฉพาะเครื่องดื่มเปปทีน สะท้อนความต้องการผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์สุขภาพ ด้านรายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลเติบโตโดดเด่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ จากกลุ่มผลิตภัณฑ์เด็กและครอบครัวแบรนด์เบบี้มายด์และอัลตร้ามายด์ ที่ขยายฐานสู่กลุ่มผู้บริโภคที่กว้างขึ้นและการขยายตลาดสู่ต่างประเทศ
'คาราบาวแดง' ตรึงราคา ชิงแชร์
ด้านคู่แข่งคนสำคัญอย่าง บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลังแบรนด์ คาราบาวแดง ก็แสดงผลการดำเนินงานที่โดดเด่นไม่แพ้กัน โดยในครึ่งปีแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิรวม 1,560 ล้านบาท โดยในไตรมาส 2/2568 มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทฯ สูงถึง 800 ล้านบาท เติบโตขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
การเติบโตของ CBG มาจากหลายปัจจัย ทั้งจากยอดขายเครื่องดื่มคาราบาวแดงในประเทศที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะการรักษา "ราคาคงที่ 10 บาท" ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน นอกจากนี้ยังมีรายได้จากการรับจ้างจัดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งช่วยชดเชยรายได้จากการส่งออกที่ลดลงเล็กน้อย
แม้ว่ารายได้จากการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศ CLMV จะลดลงจากปัญหาด้านการขนส่ง แต่บริษัทฯ ยังคงเห็นการเติบโตในตลาดสำคัญอย่างเมียนมาและเวียดนาม ขณะเดียวกัน CBG ยังคงมุ่งมั่นในการควบคุมค่าใช้จ่ายการขายและบริหาร ทำให้สัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้รวมลดลงจาก 11% เป็น 10% สะท้อนถึงการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ