ศึกภาษีทรัมป์ลามสองชาติพันธมิตร เกิดอะไรขึ้นกับอินเดีย-แคนาดา
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2025 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อใช้ มาตรการภาษีตอบโต้ใหม่ โดยกำหนดอัตราภาษีนำเข้า “สูงถึง 35% สำหรับสินค้าจากแคนาดา” ซึ่งเป็นสินค้าที่อยู่นอกข้อตกลง USMCA และ 25% สำหรับสินค้าจากอินเดีย พร้อมบทลงโทษเสริมจากความสัมพันธ์เชิงพลังงานและอาวุธระหว่างอินเดียกับรัสเซีย
ประกาศดังกล่าวไม่เพียงสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อความสัมพันธ์ทางการค้า แต่ยังสะท้อนถึงปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ที่ซับซ้อน ทั้งประเด็นยาเฟนทานิลจากแคนาดา แนวคิดสนับสนุนรัฐปาเลสไตน์ และความกังวลต่อการซื้อขายพลังงานและอาวุธของอินเดียกับรัสเซีย
การใช้มาตรการใหม่กับ สองประเทศพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งสหรัฐฯ เคยสนับสนุนทั้งในระดับภูมิภาคและความมั่นคงโลก กำลังส่งสัญญาณถึง แรงขึ้นภาษีในวงกว้าง ที่อาจบั่นทอนทั้งความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและพันธมิตรภาพในระยะยาว
ทรัมป์ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อเพิ่มอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาเป็น 35 %จากเดิม 25% สำหรับสินค้าทุกชนิดที่ไม่อยู่ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดา (USMCA) ทำเนียบขาวระบุ การดำเนินการดังกล่าว วอชิงตันเชื่อมโยงบางส่วนกับสิ่งที่สหรัฐฯ ระบุว่าเป็นความล้มเหลวของแคนาดาในการหยุดยั้งการลักลอบนำเข้ายาเฟนทานิล นับเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดในสงครามภาษีที่ดำเนินมายาวนานหลายเดือน ซึ่งทรัมป์เป็นผู้เริ่มต้นไม่นานหลังเข้ารับตำแหน่ง
การประกาศที่กล่าวโทษ “ความเพิกเฉยและการตอบโต้ที่ต่อเนื่องของแคนาดา” มีขึ้นหลังจากที่ทรัมป์ระบุว่านายกรัฐมนตรีแคนาดามาร์ก คาร์นีย์ ได้ติดต่อเข้ามา แต่ไม่มีการสนทนาใด ๆ เกิดขึ้นระหว่างทั้งสอง ทรัมป์กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า การทำข้อตกลงกับแคนาดาจะเป็นเรื่อง “ยากมาก” หลังจากที่แคนาดาแสดงการสนับสนุนต่อการมีรัฐปาเลสไตน์
สำนักงานของนายกรัฐมนตรีของแคนาดา ยังไม่ได้ตอบกลับคำร้องขอให้แสดงความคิดเห็นในทันที เจ้าหน้าที่ระบุซ้ำ ๆ ว่า มีปริมาณยาเฟนทานิลที่เล็ดลอดเข้าสหรัฐฯ จากแคนาดาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ทางการก็ได้ดำเนินมาตรการเพื่อเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมบริเวณชายแดนแล้ว
ก่อนหน้านี้ คาร์นีย์ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเมื่อเดือนมิถุนายนว่า หากทั้งสองประเทศไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าภายในวันที่ 1 สิงหาคม แคนาดาน่าจะออกมาตรการตอบโต้เพิ่มเติมต่อการส่งออกเหล็กและอะลูมิเนียมของสหรัฐฯ
สำหรับอินเดีย ตามรายงานของรอยเตอร์ระบุว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ รายหนึ่งกล่าวว่า อินเดีย มักจะเป็นตลาดที่ปิดค่อนข้างมากอยู่แล้ว และยังมีประเด็นทางภูมิรัฐศาสตร์อื่น ๆ อีกมากมาย ตามที่เห็นว่าประธานาธิบดีทรัมป์ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการเป็นสมาชิกของกลุ่ม BRICS การซื้อพลังงานจากรัสเซีย และเรื่องในลักษณะนั้น
ในบรรดาความขัดแยกอื่น ๆ อินเดียถือเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ของน้ำมันและอาวุธจากรัสเซีย ทรัมป์เมื่อวันพุธแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับ อุปสรรคที่ไม่ใช่ด้านการเงิน ของประเทศดังกล่าว โดยใช้คำว่า “น่ารำคาญ”
อัตราภาษีที่ 25% มุ่งเป้าไปที่อินเดียอย่างรุนแรงมากกว่าประเทศคู่ค้าใหญ่รายอื่น ๆ ยกเว้นแคนาดา มาตรการดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะทำลายการเจรจาที่ดำเนินมาตลอดหลายเดือนระหว่างสองประเทศ และบั่นทอนความร่วมมือกับพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ของวอชิงตัน รวมถึงบทบาทถ่วงดุลจีนของอินเดีย