สภาถกรับมือภาษีทรัมป์ "เท้ง" กางงบ 69 ไร้แผนจริงจังมีแต่ทุ่มจ้างล็อบบี้ยิสต์ จี้ปรับแผน-ถามเอาอะไรไปแลก
สภาฯ ถกญัตติเสนอรัฐบาลรับมือภาษีทรัมป์ “ณัฐพงษ์” เปิดงบฯ69 ไร้แผนรับมือผลกระทบจริงจัง มีแต่ทุ่มร้อยล้านจ้างล็อบบี้ยีสต์ ชงปรับแผนใหม่ พร้อมถาม รัฐบาลเอาอะไรไปแลก เจรจาภาษี
วันนี้ (31ก.ค.) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาฯ ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาญัตติด่วน ที่สส. เสนอด้วยวาจา รวม 7 ญัตติ ต่อประเด็นการพิจารณาการออกมาตรการและดำเนินนโยบายเพื่อรับรือข้อตกลงในการเจรจาอัตราภาษีตอบโต้ ระหว่างไทย-สหรัฐอเมริกา ที่จะมีข้อสรุปและการประกาศในวันที่ 1 ส.ค. เพื่อเสนอความเห็นไปยังรัฐบาล
ทั้งนี้ในการอภิปรายดังกล่าวพบว่า นายพิชัย ชุณวชิระ รมว.คลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลังและนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เข้าร่วมการอภิปรายของสภาฯ ด้วย
โดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ อภิปรายเสนอญัตติว่า ผลลัพท์ของเจรจาเรื่องดังกล่าววันพรุ่งนี้ ( 1 ส.ค.) ทราบผลว่าอาจไม่เลวร้าย และได้รับการปรับภาษีที่ต่ำกว่า 36% และเป็นประโยชน์กับเกษตรกรและคนไทย แต่สิ่งจำเป็นที่ต้องรู้ คือรัฐบาลแลกอะไรกับการเจรจาเพื่อให้คนไทยรับมือกับผลกระทบและต้องปรับตัวอย่างไร ทั้งนี้ตนมีข้อเสนอเพื่อส่งต่อไปยังรัฐมนตรี ต่อการทำงานเชิงรุกในเวทีต่างประเทศ คือ 1.เปลี่ยนการวางตัวจากประเทศคอยทำตามกติกา ไปเป็นผู้ร่วมกำหนดกติกาผ่านเวทีอาเซียน 2.เป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กับนักลงทุน ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงจากอเมริกา หรือจีน มายังไทย ผ่านการขจัดกฎที่เป็นอุปสรรคหรือ กิโยตินกฎหมายเพื่อให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนโดยสะดวก 3.เปิดเวทีการเจรจากับประเทศมหาอำนาจที่สร้างสรรค์ ไม่ใช่เป็นลูกไล่ ผ่านการกำหนดข้อตกลงในการโอนถ่ายเทคโนโลยี สร้างมูลค่าเพิ่มในท้องถิ่น ไม่ใช่ให้เกิดการกินรวบทั้งตลอดห่วงโซ่อุปทานในประเทศ เช่น ล้งรับซื้อผลไม้ หรือการร่วมลงทุนผ่านพลังงานสีเขียวเป็นต้น 4.ยกระดับมาตรฐานของประเทศไทยให้ทัดเทียมกับประเทศพัฒนาแล้วโดยเร็ว เช่น การเข้ารวมกลุ่มกับประเทศโอเอซีดี และ 5.กำหนดบทบาทให้ประเทศไทยเป็นผู้นำให้เกิดความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคอาเซียน
“สิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเดินเกมแบบไหน ต้องใช้การเดินบนหลักการทางการทูต เพื่อไม่ให้มองว่าไทยเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ผมขอให้รัฐบาลสร้างความตระหนักต่อการสื่อสารกับประชาชน ในการเจรจาที่จะมีผลกระทบต่อประชาชน”นายณัฐพงษ์ อภิปราย
นายณัฐพงษ์ อภิปรายต่อว่า สำหรับการเตรียมความพร้อมในการรับมือภาษีสหรัฐฯ เมื่อพิจารณาจากการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ตนขอตั้งข้อสังเกตว่า เป็นงบประมาณ 3 ไม่มีกับการรับมือภาษีทรัมป์ คือ 1.ไม่ระบุชัดเจนว่าโครงการหรือแผนงานใดรับมือหรือเยียวยาผู้ได้ร้บผลกระทบจากภาษีทรัมป์อย่างไรบ้าง แต่มีเพียงการตั้งงบประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อจ้างล็อบบี้ยีสต์ในสหรัฐฯ 2. ไม่มีการเชื่อมโยงโครงการของหน่วยงานต่างๆ เพื่อรับมือกับผลกระทบ หรือตามอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลกระทบและ 3. ไม่มีตัวชี้วัดหรือเป้าหมายใดๆ ในการเปลี่ยนผ่านห่วงโซ่อุปทาน
“ซึ่งกรณีดังกล่าว สะท้อนภาพที่ประชานบอกว่า ไม่มีการเตรียมรับมือจริงจังและการรับมือล่วงหน้า รวมถึงผลกระทบที่จะเกิดเป็นวงกว้าง ทั้งนี้ผมมีข้อเสนอให้รัฐบาลเร่งดำเนินการในระยะสั้นคือ การตั้งกลุ่มภาคี ภาครัฐและเอกชน ที่ติดตามสถานการณ์รวมถึงผลกระทบระยะยาว รวมถึงรัฐบาลต้องเปิดเผยข้อมูลการเจรจา ว่าสหรัฐมีข้อเรียกร้องอะไรและไทยให้อะไรบ้าง นอกจากนั้นแล้วต้องวางกรอบการเงินเผื่อเยียวยาแรงงานผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ รวมไปถึงต้องบังคับใช้กฎหมาย กำกับอย่างเข้มงวด ต่อประเด็นการนำเข้าสินค้าของประเทศอื่น” นายณัฐพงษ์ อภิปราย
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO