ไทยพาคณะทูต สื่อต่างชาติ ดูความเสียหายปั๊มน้ำมัน-โรงพยาบาลที่กัมพูชาโจมตี
กองทัพบก นำโดย พลโท อานุภาพ ศิริมณฑล รองเสนาธิการทหารบก และรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นำคณะเอกอัครราชทูตและอุปทูตจาก 11 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐฯ จีน บรูไน ญี่ปุ่น เมียนมา มาเลเซีย ลาว อินโดนีเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม และฟิลิปปินส์
พร้อมด้วยคณะทูตทหารจาก 23 ประเทศ ได้แก่ จีน มาเลเซีย ปากีสถาน เกาหลีใต้ รัสเซีย สิงคโปร์ เยอรมนี อินเดีย ลาว แคนาดา ฝรั่งเศส สหรัฐฯ ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น เวียดนาม อิตาลี เนเธอร์แลนด์ อินโดนีเซีย สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ บรูไน ตุรกี และสหราชอาณาจักร และคณะสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 150 คน ลงพื้นที่สังเกตการณ์ผลกระทบการโจมตีเป้าหมายพลเรือนโดยกองกำลังของกัมพูชาในพื้นที่แนวชายแดนไทย–กัมพูชา ที่จังหวัดอุบลราชธานีและศรีสะเกษ โดยเริ่มจากร้านสะดวกซื้อในสถานีบริการน้ำมัน ที่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ที่ถูกโจมตีเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
โดยคณะฯ ได้รับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับเหตุการณ์ ซึ่งจรวด BM-21 ที่ยิงโดยกองกำลังกัมพูชาได้ตกลงบริเวณดังกล่าวเมื่อเวลาประมาณ 10.50 น. ส่งผลให้พลเรือนเสียชีวิต 8 ราย และบาดเจ็บอีก 15 ราย ในจำนวนผู้เสียชีวิตมีแม่และลูกวัย 8 ขวบ ซึ่งกลายเป็นความสูญเสียจากการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน
ขณะที่คณะฯ ยังได้รับข้อมูลเกี่ยวกับอันตรายที่ยังคงมีอยู่จากวัตถุระเบิดที่ยังไม่ระเบิดในพื้นที่ ซึ่งยังคงเป็นภัยต่อความปลอดภัยทั้งทางร่างกายและจิตใจของประชาชนในท้องถิ่น
นอกจากนี้ คณะฯ ได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) บ้านซำเม็ง อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการโจมตีทางอาวุธของฝ่ายกัมพูชาด้วยจรวด BM-21 เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการโจมตีที่ไม่เลือกเป้าหมายต่อพลเรือน โครงสร้างของพลเรือน และสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะ โดยเฉพาะสถานพยาบาล ซึ่งละเมิดอนุสัญญาเจนีวา ค.ศ. 1949 อย่างชัดเจนและร้ายแรง ตามที่ระบุไว้ในข้อ 19 ของอนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 1 (การคุ้มครองหน่วยและสถานที่ทางการแพทย์) และข้อ 18 ของอนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 4 (การคุ้มครองโรงพยาบาลของพลเรือน)
ขณะที่คณะฯ ได้พบและพูดคุยกับผู้แทน รพ.สต. เจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ด้วย