“นักลงทุนจีน” แห่ซื้อหุ้นฮ่องกงครึ่งปีแรกสูงเป็นประวัติการณ์ 6.8 แสนล้านหยวน
"นักลงทุนจีน" แห่ซื้อหุ้นฮ่องกงครึ่งปีแรกสูงเป็นประวัติการณ์ 6.8 แสนล้านหยวน ดันดัชนีฮั่งเส็งพุ่ง 21% สวนทาง CSI 300 ที่แทบไม่ขยับ กลุ่มหุ้นปันผลสูง-รัฐวิสาหกิจ-การเงิน ยังเป็นเป้าหมายหลัก
วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.54 น. สำนักข่าว Nikkei Asia รายงานว่า นักลงทุนจากจีนแผ่นดินใหญ่ทุ่มเงินเข้าสู่ตลาดหุ้นฮ่องกงเป็นสถิติใหม่ที่ 680,000 ล้านหยวน หรือราว 9.48 หมื่นล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ช่วยหนุนการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นฮ่องกง สวนทางกับตลาดหุ้นในจีนแผ่นดินใหญ่ที่ซบเซา
ข้อมูลจาก Wind Information ระบุว่า ยอดซื้อสุทธิหุ้นฮ่องกงผ่านโครงการ Stock Connect ซึ่งเปิดให้นักลงทุนจีนและฮ่องกงซื้อขายหุ้นที่กำหนดของกันและกัน เพิ่มขึ้นเท่าตัวในช่วงครึ่งปีแรกเมื่อเทียบกับปีก่อน และขณะนี้ยอดรวมใกล้แตะระดับ 744,000 ล้านหยวน ซึ่งเป็นสถิติทั้งปีของปี 2567 แล้ว
หลังจากยอดซื้อสุทธิแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีที่ 157,000 ล้านหยวนในเดือนเมษายน กระแสเงินทุนอ่อนตัวลงในเดือนพฤษภาคม แต่กลับมาเร่งตัวอีกครั้งในเดือนมิถุนายน โดยมียอดซื้อสุทธิประมาณ 73,000 ล้านหยวน
เมื่อต้นปี การเติบโตของอุตสาหกรรม AI ในจีนช่วยดึงดูดนักลงทุนให้ซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ แต่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หุ้นรัฐวิสาหกิจที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกลายเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมมากกว่า
ตามการประเมินของทราวิส ลันดี แห่ง Quiddity Advisors ที่เผยแพร่ข้อมูลผ่านแพลตฟอร์ม SmartKarma กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีอย่าง Alibaba มีมูลค่าซื้อสุทธิสูงสุดในครึ่งปีแรกที่ 7.96 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือประมาณ 1.01 หมื่นล้านดอลลาร์ ตามมาด้วย Meituan (ธุรกิจส่งอาหาร) ส่วนหุ้นธนาคารของรัฐ เช่น China Construction Bank, China Mobile, China Merchants Bank และ Bank of China ก็ติดอันดับหุ้นที่มียอดซื้อสุทธิสูงสุดเช่นกัน
“นักลงทุนจากแผ่นดินใหญ่ซื้อหุ้นธนาคารรัฐ หุ้นกลุ่มสุขภาพ และหุ้นโทรคมนาคมที่มีปันผลสูงเป็นหลักในปีนี้” ลันดีกล่าว พร้อมระบุว่า ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา นักลงทุนกลับเป็นผู้ขายสุทธิหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่อย่าง Alibaba, Tencent, Xiaomi และ SMIC
บริษัทประกันภัยก็มีบทบาทในการซื้อหุ้นอย่างเห็นได้ชัด ในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนที่ผ่านมา Ping An Life Insurance เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน Postal Savings Bank of China, Agricultural Bank of China และ China Merchants Bank ขณะที่ New China Life Insurance ก็เข้าซื้อหุ้นของกลุ่มรัฐวิสาหกิจ Beijing Enterprises Holdings ในเดือนมีนาคม
สการ์เล็ต หลิว นักกลยุทธ์หุ้นและตราสารอนุพันธ์ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจาก BNP Paribas ระบุว่า กระแสเงินไหลเข้าฮ่องกงส่วนหนึ่งมาจากการแสวงหาสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจีนลดลง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของจีนอยู่ที่ราว 1.65% ลดลงจากระดับประมาณ 2.2% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ นโยบายของรัฐบาลจีนที่สนับสนุนการลงทุนระยะยาวในตลาดหุ้น ยังเป็นอีกหนึ่งแรงหนุน
ข้อมูลจาก Wind ระบุว่า หุ้น China Construction Bank และ China Mobile ที่จดทะเบียนในฮ่องกง มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ 5.5% และ 5.8% ตามลำดับ
กระแสเงินทุนออกจากตลาดจีนแผ่นดินใหญ่สะท้อนผ่านความแตกต่างของผลตอบแทนตลาดหุ้น โดยดัชนี Hang Seng ของฮ่องกงปรับตัวขึ้นแล้ว 21% นับตั้งแต่ต้นปี เป็นรองเพียงตลาดหุ้นเกาหลีใต้ในภูมิภาคเอเชีย ขณะที่ดัชนี CSI 300 ของจีนแผ่นดินใหญ่ เพิ่มขึ้นเพียง 0.03%
ความแตกต่างของราคาหุ้นนี้ส่งผลให้ส่วนต่างราคาหุ้น A-Share (หุ้นจดทะเบียนในแผ่นดินใหญ่) กับ H-Share (หุ้นจดทะเบียนในฮ่องกง) แคบลง โดยดัชนี Hang Seng Stock Connect China AH Premium Index ซึ่งวัดส่วนต่างดังกล่าว แตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปีเมื่อกลางเดือนมิถุนายน
นักวิเคราะห์จาก HSBC เขียนรายงานเมื่อต้นเดือนนี้ว่ากระแสเงินทุนจากจีนแผ่นดินใหญ่ไหลเข้าสู่ฮ่องกงอย่างแข็งแกร่ง ช่วยกระตุ้นการซื้อขายในตลาด และหนุนการออกหุ้นใหม่ในฮ่องกงเพิ่มขึ้น ซึ่งฮ่องกงได้กลายเป็นเวทีหลักสำหรับบริษัทจีนที่ต้องการขยายธุรกิจสู่ตลาดโลก ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐที่ส่งผลกระทบต่อการเข้าจดทะเบียนในตลาดสหรัฐ
ตัวอย่างเช่น กลุ่มผู้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า CATL สามารถระดมทุนได้ถึง 5.25 พันล้านดอลลาร์ในฮ่องกงเมื่อเดือนพฤษภาคม นับเป็นดีลระดมทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกปีนี้ ขณะที่ภาพรวมการระดมทุนในตลาดฮ่องกงครึ่งปีแรก อยู่ที่ 14 พันล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลของ EY
หลิวยังกล่าวว่า หุ้นเทคโนโลยีของฮ่องกงมีความอ่อนไหวต่อความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ดังนั้นหากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนปะทุขึ้นอีกครั้ง อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาด แต่ด้วยระดับมูลค่าหุ้นที่ต่ำกว่าจุดสูงสุดในอดีต ประกอบกับโอกาสปรับประมาณการผลประกอบการขึ้นในการประกาศงบไตรมาสถัดไป อาจช่วยหนุนความเชื่อมั่นนักลงทุน
“ปี 2025 กำลังจะเป็นปีที่เงินทุนจากจีนไหลเข้าสู่ตลาดฮ่องกงสูงสุดเป็นประวัติการณ์” หลิวกล่าว
อ้างอิง : asia.nikkei.com