รัฐบาลออกแถลงการณ์ กัมพูชาไม่ซื่อตรงละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ยื่นประท้วงต่อประธานอาเซียน-สหรัฐอเมริกา-จีน
รัฐบาลออกแถลงการณ์ ย้ำไทยจริงใจและปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด แต่ฝ่ายกัมพูชาไม่ซื่อตรง ละเมิดข้อตกลงฯ มอบกองทัพตรึงกำลังรักษาอธิปไตยและความปลอดภัย พร้อมขอประชาชนอย่าตกเป็นเหยื่อเกมข่าวลวง สร้างความแตกแยก
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า (วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม 2568) ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ครั้งที่ 30 เวลา 13.20 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และนายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมกันแถลงการดำเนินการของรัฐบาลต่อความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา โดยสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายภูมิธรรม กล่าวว่า รัฐบาลไทยมีความจริงใจ และใช้ความพยายามอย่างยิ่ง ที่จะยุติสถานการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเร็วที่สุด การเจรจาจนมีข้อตกลงหยุดยิงของทั้ง 2 ฝ่าย โดยยึดถือผลประโยชน์ของประชาชน และยึดถืออำนาจอธิปไตยของประเทศเป็นสำคัญ รวมทั้งชีวิต และทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน และทหารของชาติ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความหวังร่วมกันของประชาคมโลกที่จะคืนสันติภาพแก่ประชาชาชนทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งรัฐบาลไทยเคารพต่อผลการหารือที่เมืองปูตราจายา ประเทศมาเลเซีย และปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเพื่อหยุดยิงตามที่ได้แถลงร่วมกัน
แต่ปรากฎข้อเท็จจริงว่า กองกำลังกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยมีการใช้อาวุธยิงต่อกำลังฝ่ายไทยในหลายพื้นที่ ทำให้ทหารฝ่ายไทยต้องตอบโต้อย่างเด็ดขาด และเหมาะสม เพื่อปกป้องอธิปไตยและชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์ พร้อมกันนี้ รัฐบาลได้ประท้วงไปยังประธานอาเซียน สหรัฐอเมริกา และสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นสักขีพยานในการเจรจา เพื่อให้ได้รับทราบว่า การละเมิดข้อตกลงนี้เป็นเหตุจากการไม่ซื่อตรง และไม่จริงใจของกัมพูชาอย่างชัดเจน
สถานการณ์ในขณะนี้ รัฐบาลมอบหมายให้ทุกเหล่าทัพตรึงกำลัง เพื่อรักษาอธิปไตย และความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ ไม่ยินยอมให้อธิปไตยไทยถูกล่วงล้ำไม่ว่ากรณีใด ๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงสายวันนี้ ได้มีการพูดคุยกันระหว่างแม่ทัพภาคของทั้ง 2 ประเทศ เพื่อหารือแนวทางในการคลี่คลายปัญหา ขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการเจรจาในระดับสูงขึ้นต่อไป ตามที่ได้ตกลงกันไว้ เพื่อยุติความรุนแรง ไม่ให้เกิดความสูญเสียเพิ่มขึ้น ทั้งพลเรือน และกำลังทหาร เราเชื่อมั่นว่าการดำเนินการตามหลักสากล ยึดหลักมนุษยธรรม และสิทธิมนุษยชนอย่างจริงใจของรัฐบาลไทย จะปรากฏชัดต่อนานาประเทศ และเป็นพื้นฐานสำคัญในการต่อสู้เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในขั้นตอนต่าง ๆ หลังการหยุดยิงบรรลุผลต่อไป
ทั้งนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนติดตามสถานการณ์จากช่องทางที่เป็นทางการ โดยรัฐบาลมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบตามแนวชายแดน โดยเฉพาะการอพยพกลับภูมิลำเนา ขอให้รอผลการยืนยันจากรัฐบาลต่อไป โดยรัฐบาลขอเน้นย้ำว่าได้ให้หน่วยงานในพื้นที่ อำนวยความสะดวกของพี่น้องประชาชนในศูนย์อพยพอย่างเต็มที่
โอกาสนี้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า รัฐบาลขอสดุดีวีรกรรมของทหารกล้าที่อุทิศชีวิต และเลือดเนื้อ เพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศ และคุ้มครองประชาชนให้ได้รับความปลอดภัย พร้อมขอให้พี่น้องประชาชน ไม่ตกเป็นเหยื่อเกมข่าวลวง หรือเกมการเมืองของกัมพูชา เพื่อสร้างความแตกแยกภายในประเทศจากฝ่ายตรงข้าม ทีมประเทศไทยขอยืนยันว่าจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ และพี่น้องประชาชน
ก่อนหน้านี้ในเวลา 11.00 น.ของวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ ศบ.ทก.แถลงข่าวติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยระบุว่า แม้จะมีการประกาศหยุดยิงระหว่างสองประเทศ ตามตกลงหยุดยิงที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ แต่จากรายงานที่รัฐบาลได้รับ จากชายแดน ตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของคืนที่ผ่านมา ยังพบว่ายังมีการละเมิดในหลายพื้นที่
โดยมีความจำเป็นต้องรอจนถึงช่วงเช้า เวลาประมาณ 10.00 น. เนื่องจากกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 รวมถึงทหารเรือที่ดูแลในจังหวัดจันทบุรีและตราด ต้องสรุปรายละเอียดของสถานการณ์ให้ครบถ้วนว่ามีการละเมิดในจุดใด ลักษณะใด และมีหลักฐานใดประกอบ โดยในเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา มีการประชุมหารือร่วมกันในพื้นที่บางจุดแล้ว และมีการพิจารณาการประชุมระหว่างแม่ทัพ ของทั้งสองประเทศโดยจะพิจารณาว่าจะกำหนดวันประชุมใหม่ เมื่อใด ทั้งนี้ในทางปฏิบัติกองทัพภาคที่หนึ่งและกองทัพภาคที่สองจะใช้การโทรศัพท์พูดคุยเพื่อหาข้อยุติในทางปฏิบัติ
ทั้งนี้ ไทยยังคงเน้นย้ำในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้กองทัพปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนอย่างเต็มที่ และต้องตรึงกำลังไว้อย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เพื่อดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายแดนทั้ง 7 จังหวัด
ในขณะเดียวกัน การประชุมของ สมช. และศบ.ทก. ซึ่งเริ่มตั้งแต่เวลา 09.30 น. ยังอยู่ระหว่างการประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์ โดยมีการสรุปคำแนะนำและแนวทางการปฏิบัติ เพื่อแจ้งต่อผู้สังเกตการณ์นานาชาติ ซึ่งเมื่อวานนี้ ได้ร่วมคณะเดินทางไปยังเมืองปุตราจายา กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยมีผู้แทนจากจีนและสหรัฐอเมริกาเข้าร่วมสังเกตการณ์ รัฐบาลได้เตรียมจัดทำเอกสารส่งชี้แจงถึงการละเมิดในช่วงหลังเที่ยงคืนต่อไป
สำหรับการรายงานของสื่อกัมพูชาที่อ้างว่าฝ่ายกัมพูชาได้หยุดยิงแล้วว่า เป็นสิทธิของกัมพูชาที่จะชี้แจงในลักษณะนั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่สื่อกัมพูชาเคยทำต่อเนื่องในหลายวัน แต่กองทัพไทยยังคงยืนยันตรึงกำลังเพื่อรักษาอธิปไตยอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ได้ตอบโต้พลเรือนหรือกระทำเกินขอบเขต
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีในช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้มีมติยืนยัน 4 ประเด็นสำคัญ ได้แก่
1) ให้กองทัพดำรงการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งแผ่นดินอย่างเต็มกำลัง
2) ยืนยันจุดยืนเดิมเรื่องการเรียกตัวเอกอัครราชทูตไทยกลับประเทศ และการส่งเอกอัครราชทูตกัมพูชากลับ ซึ่งได้ดำเนินการแล้ว
3) มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบตามแนวชายแดน โดยเฉพาะการอพยพกลับ ซึ่งขอให้รอผลการตรวจสอบภาคสนามจาก ศบ.ทก. ในช่วงบ่ายวันนี้
4) ให้ ศบ.ทก. ประชุมติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และสามารถแถลงข่าวแจ้งต่อประชาชนได้ทันทีหากเกิดเหตุฉุกเฉิน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ประเทศไทยดำเนินแนวทางของกองทัพแบบสุภาพบุรุษ ทั้งภารกิจทางอากาศ ทางบก หรือทางใดก็ตาม ทหารไทยไม่เคยโจมตีเป้าหมายพลเรือน ซึ่งต่างจากฝ่ายตรงข้าม และเป็นที่ประจักษ์ชัดต่อสายตาสากลว่าไทยตกเป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การหารือกับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ไทยได้ยืนยันหลักการแห่งเสรีภาพและสันติภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมเตรียมนำรายละเอียดล่าสุดเข้าสู่การประชุม ครม. ศบ.ทก. และ สมช. ในช่วงบ่าย
นอกจากนี้ รัฐบาลจะมีการแถลงข่าวอย่างน้อยทุก 1 ชั่วโมง เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลอย่างครบถ้วน โปร่งใส และทันสถานการณ์ โดยในช่วงข้ามคืนที่ผ่านมา รัฐบาลได้รับรายงานจากหลายช่องทางซึ่งกำลังตรวจสอบให้ชัดเจน
ในเรื่องของความเคลื่อนไหวด้าน IO และปฏิบัติการทางไซเบอร์ของกัมพูชาพบว่า ขณะนี้ความมั่นคงรายงานว่า IO ฝั่งกัมพูชาซึ่งเกี่ยวข้องกับเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้เปลี่ยนภารกิจจากการหลอกลวงประชาชน มาเป็นการปลุกปั่นให้คนไทยขัดแย้งกันเอง โดยมีการใช้บัญชีปลอมโจมตีมากกว่า 500 ล้านครั้งในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ขอให้ประชาชนช่วยกันตอบโต้ทางออนไลน์ เพื่อต่อสู้กับปฏิบัติการทางไซเบอร์ของกัมพูชา