เครื่องบินรบอิสราเอลถล่มเมืองหลวงซีเรีย อ้างปกป้องชนกลุ่มน้อย
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา อิสราเอลได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศอย่างหนักบริเวณกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย โดยเป้าหมายรวมถึงอาคารกระทรวงกลาโหมและบริเวณใกล้กับทำเนียบประธานาธิบดี เพื่อตอบโต้การโจมตีต่อชาวดรูซในภาคใต้ของซีเรีย และเรียกร้องให้กองกำลังรัฐบาลซีเรียถอนตัวออกจากพื้นที่ดังกล่าว
การโจมตีครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลต่อรัฐบาลชั่วคราวที่นำโดยประธานาธิบดีอะห์เหม็ด อัล-ชาอ์รา ซึ่งแม้รัฐบาลดังกล่าวจะมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดขึ้นกับสหรัฐอเมริกา และเริ่มมีช่องทางประสานงานด้านความมั่นคงกับอิสราเอล แต่อิสราเอลยังคงระบุว่ารัฐบาลใหม่ของซีเรียนั้นมีลักษณะใกล้เคียงกับกลุ่มญิฮาด และไม่สามารถยอมรับให้มีการส่งกำลังทหารเข้าสู่พื้นที่ทางตอนใต้ของซีเรียได้
พลเอกเอียล ซามีร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของอิสราเอล กล่าวว่า “เราจะไม่ยอมให้พื้นที่ทางตอนใต้ของซีเรียกลายเป็นแหล่งสะสมของการก่อการร้าย”
การตอบสนองจากนานาชาติ
นายมาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า “เราได้หารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในความขัดแย้งนี้ และได้ตกลงกันในมาตรการเฉพาะที่คาดว่าจะยุติสถานการณ์ที่น่าสะเทือนใจนี้ในค่ำคืนนี้”
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจะประชุมในวันพฤหัสบดีนี้เพื่อหารือเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ดังกล่าว โดยนายแดนนี่ ดานอน เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติระบุว่า “ที่ประชุมควรประณามอาชญากรรมอันโหดร้ายที่กระทำต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์ในซีเรีย อิสราเอลจะยังคงดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพื่อตอบโต้ภัยคุกคามจากการก่อการร้ายตามแนวชายแดน ไม่ว่าเมื่อใดหรือที่ใดก็ตาม”
สถานการณ์ในพื้นที่
รายงานระบุว่ามีผู้เสียชีวิตจำนวนมากจากความรุนแรงที่เกิดขึ้นในและรอบเมืองสุไวดา ซึ่งเป็นเมืองที่มีชาวดรูซอาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่ โดยเป็นการปะทะกันระหว่างนักรบดรูซกับกองกำลังความมั่นคงของรัฐบาลซีเรียและสมาชิกเผ่าเบดูอิน
ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์รายงานว่า มีเครื่องบินรบของอิสราเอลบินต่ำเหนือกรุงดามัสกัสก่อนปล่อยอาวุธถล่มเป้าหมายหลายจุด ส่งผลให้เกิดกลุ่มควันขนาดใหญ่พวยพุ่งจากพื้นที่ใกล้กระทรวงกลาโหม โดยมีรายงานว่าอาคารบางส่วนพังเสียหายอย่างหนัก และมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงซีเรียเสียชีวิตอย่างน้อย 5 ราย
ผลกระทบต่อชาวดรูซและพลเรือน
ชาวดรูซ ซึ่งนับถือศาสนาที่แตกแขนงจากศาสนาอิสลาม มีประชากรกระจายอยู่ในซีเรีย เลบานอน และอิสราเอล โดยจากการเรียกร้องของชุมชนดรูซในอิสราเอล ทำให้มีชาวดรูซบางส่วนข้ามรั้วชายแดนเพื่อไปช่วยเหลือญาติพี่น้องในซีเรีย
นายฟาเอซ ชไกร์ ชาวดรูซชาวอิสราเอล กล่าวว่า “ครอบครัวของผมอยู่ในซีเรีย ภรรยาของผมก็อยู่ที่นั่น ผมรู้สึกสิ้นหวังเมื่อเห็นพวกเขาถูกไล่ออกจากบ้าน ถูกปล้นและเผาทรัพย์สิน แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้เลย”
ขณะเดียวกัน รัฐบาลซีเรียได้ส่งกองทัพเข้าไปในพื้นที่สุไวดาเพื่อระงับเหตุการณ์ความรุนแรงระหว่างนักรบดรูซกับกลุ่มติดอาวุธเบดูอิน แต่กลับเกิดการปะทะกันระหว่างกองทัพและกลุ่มดรูซอีกครั้ง
ผู้เสียชีวิตและการบาดเจ็บ
กระทรวงสาธารณสุขของซีเรียระบุว่ามีการพบศพจำนวนมากทั้งในหมู่พลเรือนและนักรบในโรงพยาบาลภายในเมืองสุไวดา ขณะที่เครือข่ายสิทธิมนุษยชนซีเรียรายงานยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 169 ราย ส่วนแหล่งข่าวด้านความมั่นคงให้ตัวเลขสูงถึง 300 ราย อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถยืนยันตัวเลขเหล่านี้ได้
รัฐบาลซีเรียออกแถลงการณ์ว่า จะดำเนินคดีกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังการก่อความไม่สงบในเมืองสุไวดา พร้อมยืนยันว่ามีความมุ่งมั่นในการปกป้องสิทธิของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มชนกลุ่มน้อยต่าง ๆ