ถึงเวลาที่ไทยต้องทำให้ 'ประเทศหน้าด้านที่สุดในโลก' ต้องหน้าแหกที่การประชุม UNSC
การที่ ฮุน มาเนต โร่ไปฟ้องคณะมนตรีความมั่นคง หรือ UNSC ให้เปิดประชุม "ด่วน" โดยกล่าวหาว่าไทยรุกราน (Aggression) ถือเป็นการเดินเกมที่เร็วจนเหมือนวางหมากเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
แต่นัยหนึ่งก็แสดงว่า "กัมพูชากลัวจนหัวหด" ถึงกับต้องขอเปิดวาระด่วนกับ UNSC
กัมพูชาเก่งในเรื่องใส่ความคนอื่น เอาดีเข้าตัว แสร้งทำเป็นเหยื่อ จึงฉวยโอกาสตอนที่ "แจ้ง" กับ UNSC ทำการใส่ร้ายไทยว่ารุกราน (Aggression) ทั้งๆ ที่ตัวเองกระทำชั่วช้าต่อกฎหมายระหว่างประเทศชัดๆ คือฆ่าพลเรือน เล็งเป้าหมายที่ไม่ใช่การทหาร และทำลายโรงพยาบาล
ขนาดนี้แล้วยังมีความกล้าหาญไปนั่งในที่ประชุม UNSC ผมต้องยกตำแหน่ง "หน้าด้านระดับโลก" ให้แล้ว
แต่การประชุม UNSC ไม่สามารถจะชี้นำอะไรได้ มันเป็นแค่การ "หารือ" และ "รับฟัง" แม้ที่ประชุมจะมีมติใดๆ ออกมา ประเทศคู่กรณีก็สามารถปฏิเสธได้ เช่น กรณีความขัดแย้งเรื่องกัศมีร์ของอินเดียกับปากีสถาน UNSC เคยมีมติ Resolution 47 ปรากฏว่าทั้งอินเดียและปากีสถานประกาศไม่ยอมรับ และหลังจากนั้นก็รบกันต่อ
รบกันจนกระทั่งช่วงสองเดือนก่อนก็รบกันหนักอีกซึ่งอินเดีย "แพ้" แต่สองประเทศนี้ก็ไปชกกันต่อที่เวที UNSC โดยที่ต่างฝ่ายต่างใช้โอกาสนี้ประณามและเปิดโปงกันและกันว่าละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างไร
ผลหรือครับ? UNSC ก็ได้แต่ฟัง
ดังนั้น UNSC คือเวทีในการเปิดโปง ใครเปิดโปงได้เก่งกว่าคนนั้นก็ได้เครดิตไป แต่จะถามว่า UN ทำอะไรได้ไหม? ต้องถามประเทศไทยแล้วว่าจะ "ยอม" เขาไปหมดเพราะต้องการเป็น "เด็กว่านอนสอนง่าย" ในสายตาประชาคมโลกหรือไม่?
หรือว่าไทยควรจะแสดงความเป็น "คนแกร่ง" ในเวทีโลกกับเขาเสียที
เช่นหาก UNSC เข้าข้างกัมพูชา เราก็สามารถตอบโต้อย่างรุนแรงได้ เพราะเรามีหลักฐานการกระทำชั่วของกัมพูชาทุกอย่างแล้ว
แต่ผมหวั่นใจเรื่องเดียวครับ กระทรวงการต่างประเทศทำงานเป็นหุ่นยนต์เกินไป อยู่ในกรอบระบบราชการเกินไป นักการเมืองในรัฐบาลลอยชายเกินไป ผู้มีอำนาจก็ขาดความรักชาติจนเกินไป
ผมไม่กลัวว่าพวกเขมรต่ำจะบังอาจโป้ปดมดเท็จอะไรอีก เพราะมันเป็นสันดานของประเทศนั้นอยู่แล้ว สิ่งที่ผมกลัวคือ "ฝ่ายไทยไม่เข้มแข็งพอ"
ฝ่ายไทยในที่ว่านี้ไม่ใช่ทหาร ซึ่งแกร่งพออยู่แล้ว แต่ที่ถนิมสร้อย (คนที่ไม่แข็งแรง หนักไม่เอาเบาไม่สู้ ) จนน่าหมันไส้ คือ "ฝ่ายราชการกับการเมือง"
ในสถานการณ์แบบนี้จะมาใช้ถ้อยคำเปล่าๆ เปลืองๆ แบบข้อเขียนในหนังสือราชการไม่ได้ มันต้องถึงลูกถึงคนในการด่ากัมพูชา และต้องเร็วในการกระจายข่าวจริง เพราะฝ่ายนั้นทำสงครามข่าวเท็จอยู่
ดังนั้น ในการประชุม UNSC ไทยควรจะแสดงความเป็น "ชายชาตรี" เอาไว้ให้มาก อย่าทำตัวเป็น "ลูกคุณหนู" แบบเดิมๆ เพราะจะทำให้กัมพูชาได้โอกาสหลอกชาวโลก
เวลาจะปราบคนชั่วจะมาทำสำออยไม่ได้ มันต้องเสกคาถาคงกระพันชาตรีกินดีหมีเอาไว้ให้มาก แล้วใช้พลังแห่งความโกรธเกรี้ยวทุบตีกัมพูชาให้แหลกคาบบาทาที่ UNSC ไปเลย
ดีไม่ดี ก่อนจะประชุม ไทยควรที่จะยึดกุมการรับรู้เอาไว้ก่อนว่า "เราเป็นฝ่ายถูกรุกราน" แต่นี่กลับปล่อยให้กัมพูชาตัดหน้าไปก่อน ซึ่งจะทำให้สื่อโลกรับรู้ว่า "กัมพูชาถูกรุกราน"
อย่างที่บอกไปว่า การประชาสัมพันธ์ของภาครัฐ "พึ่งพาไม่ได้" และทำงานเหมือนประเทศไม่ได้เกิดสงคราม และมี War room ไปก็เหมือนเป็นสมาคมจิบชายามบ่าย
อย่าว่าผมสอนหนังสือสังฆราชเลย แต่ผมทำข่าวต่างประเทศอยู่ย่อมเห็นว่าประเทศอื่นเขาทำงานกันอย่างไร
เช่น ตอนที่อินเดียกับปากีสถานซัดกันนั้น มีช่วงเวลาก่อนถึงการประชุมอยู่ UNSC ปากีสถานก็ไม่ปล่อยให้โอกาสทองหลุดลอย กระทรวงการต่างประเทศของปากีสถานก็ทำการบอกกับชาวโลกก่อนว่า “ปากีสถานจะแจ้งคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับการกระทำก้าวร้าว การยั่วยุ และถ้อยแถลงที่ยั่วยุของอินเดีย ปากีสถานจะชี้แจงว่าการกระทำก้าวร้าวของอินเดียกำลังคุกคามสันติภาพและความมั่นคงในเอเชียใต้และภูมิภาคอื่น ๆ อย่างไร”
และอีกกรณีสามารถเอามาใช้ "บล็อค" ความพยายามของกัมพูชาที่จะแพร่ข่าวเท็จได้ โดยให้ดูตอนเกิดสงครามนากอร์โน-คาราบัคครั้งที่สอง (27 กันยายน – 10 พฤศจิกายน 2563) ระหว่างอาร์มีเนีย–อาเซอร์ไบจาน ในการประชุม UNSC เจฮุน ไบรามอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอาเซอร์ไบจานกล่าวหาอาร์เมเนียว่าให้ข้อมูลเท็จ
ไบรามอฟ กล่าวว่า “ความพยายามของอาร์เมเนียที่จะใช้ประโยชน์จากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในการรณรงค์เพื่อบิดเบือนประชาคมระหว่างประเทศนั้นน่าตำหนิอย่างยิ่ง”
ไบรามอฟ ยังกล่าวหาคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติด้วยว่ามีอคติ นี่แสดงให้เห็นว่าประเทศที่มีความกล้าหาญและเชื่อในความถูกต้องของตัวเอง จะไม่กลัวกระทั่งประณาม UNSC ซึ่งเป็นที่ประชุมที่เอียงกระเท่เร่อยู่บ่อยๆ
โปรดทราบว่าอาเซอร์ไบจานเป็นฝ่ายชนะสงครามนั้น เขาจึงมีความมั่นใจในตัวเอง ส่วนไทยเรามีกองทัพที่ทำให้เรามั่นใจว่าจะปราบกัมพูชาได้ แล้วทำไมฝ่ายข้าราชการกับการเมืองไม่รับพลังควมามห้าวหาญนั้นมาบ้าง?
เมื่อเราห้าวหาญแล้ว และหากเราแสดงจุดยืนแล้ว ปรากฏว่า UNSC ไม่ช่วยแหกหน้ากัมพูชา เราก็แหกหน้า UNSC ไปเลยแบบที่อาเซอร์ไบจานเคยทำ
ครับ ในเวทีนี้และนอกเวทีด้วย ทั้งสองฝ่ายจะต้องฉวยโอกาสโยนความผิดใส่กัน แต่จะมีประเทศหนึ่งที่กุมการรับรู้ของชาวโลกเอาไว้ได้ นั่นคือทำให้โลกเห็นว่า "เราคือฝ่ายที่ถูกต้อง"
ผมขอถามไปยังรัฐบาลไทยว่า สามารถทำให้คนไทยอุ่นใจเรื่องนี้ได้หรือไม่?
บทความทัศนะโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร และบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better
Photo by TANG CHHIN Sothy / AFP